bareo : worktop kitchen
 

 

 

          สวัสดีปีใหม่ค่ะ ปีนี้รำเพยอาจจะมาช้าไปสักหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มานะคะ...
เรื่องของเรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ ในช่วงปีใหม่นี้ รำเพยถือโอกาสหยุดยาว ลาพักร้อนไปเที่ยวทางไกลซะหลายวัน พอกลับมาเลยส่งต้นฉบับไม่ทัน เดือนมกราคมที่ผ่านมา เลยไม่มีเรื่องของรำเพย สำหรับเดือนนี้ รำเพยก็เลยว่าจะชดใช้โดยการเขียนเรื่องดีๆ ที่มีความรู้ให้กับท่านผู้อ่านบ้าง เพราะได้ยินมาแว่วๆ ว่า Website ของเราจะก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง ถือเป็นการขอบคุณท่านผู้อ่านที่ได้กรุณาติดตามพวกเรามาโดยตลอด ดังนั้น รำเพยจึงอยากจะนำเสนอเรื่องในแนวใหม่ๆ ให้เข้ากับการพัฒนาของพวกเรา เลยคิดไปคิดมาอยู่นานสองนาน แล้วก็ตัดสินใจว่าจะชวนท่านผู้อ่านไปชมฉากสวยๆ ที่มีการตกแต่งภายในดีๆ ในภาพยนตร์ เพราะดูกันแต่ภาพนิ่ง มันจะไม่อินเท่ากับดูภาพเคลื่อนไหวใช่มั้ยคะ ว่าแล้ว รำเพยก็เลยเลือกเรื่องโปรดมาอวดเลยดีกว่า...แต่น แตน แต๊น

 

 

 
   
 

 


          “The Holiday” (2006) ที่นำแสดงโดย Cameron Diaz, Kate Winslet, Jude Law และ Jack Black ค่ะ

          The Holiday เป็นภาพยนตร์ที่เพิ่งผ่านสายตาของพวกเราไปเมื่อสองปีที่แล้ว กำกับโดย Nancy Meyers ที่มักจะมีฉากสวยๆ ในหนังมาให้พวกเราชมกับบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Something’s gotta give หรือ The Parent trap ที่ส่งให้ Lindsay Lohan กลายเป็นดาราเด็กที่น่ารักที่สุดในเวลานั้น ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น Queen’s Teens ในเวลาต่อมา แล้วยังมี Father of the Bride ทั้งสองภาคที่มี Steve Martin นำแสดงคู่กับ Diane Keaton โดยเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มีบ้านสวยๆ ที่ตกแต่งไว้อย่างลงตัวให้ชมเยอะแยะทีเดียวค่ะ ซึ่งรำเพยตั้งใจไว้ว่าจะค่อยๆ ทยอยนำเสนอมาให้อ่านกันทีละเดือน อ่านไปดูหนังไป รับรองได้ว่าจะอินกับฉากสวยๆ พวกนี้เพิ่มขึ้นอีกเยอะทีเดียวค่ะ


 

 
   
 

 


          The Holiday เป็นหนึ่งในเรื่องราวของมหัศจรรย์วันคริสต์มาส ที่ฝรั่งมักจะถือว่าเป็นช่วงเทศกาลที่แสนวิเศษและอะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยนางเอกทั้งสองคนกำลังอกหัก รักคุดเลยตกลงใจที่จะแลกบ้านกัน เพื่อหนีไปจากสภาพแวดล้อมที่ชวนให้หดหู่ของตน และสุดท้ายก็ได้ไปพบกับรักใหม่ในสถานที่ใหม่ๆ และในโอกาสใหม่ๆ ซึ่งในรายละเอียดของพล็อต หรือความสนุกของหนัง ตลอดจนความหล่อของพระเอกในดวงใจอย่าง Jude Law นั้น รำเพยจะขอข้ามไปก่อน เพราะว่าจากนี้ไป รำเพยจะพาไปชมบ้านของนางเอกทั้งสองค่ะ...

 

 
   
 

 


          บ้านหลังแรกที่อยากจะแนะนำ อ้อ...ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเป็นกระท่อมหลังแรกที่อยากจะแนะนำคือ กระท่อมโรสฮิลล์ หรือ Rosehill Cottage ของ Iris (แสดงโดย Kate Winslet)ซึ่งเป็นกระท่อมขนาดเล็ก 2 ชั้น ก่อด้วยหินภูเขา หลังคามุงด้วย Shingle (น่าจะเป็นไม้ แต่ดูไม่ค่อยชัด เพราะมีหิมะมาคลุมอยู่เกือบทั้งเรื่องค่ะ) มีปล่องไฟอยู่สองปล่อง โดยปล่องนึงสำหรับเตาผิงในห้องนั่งเล่น และอีกปล่องนึงสำหรับเตาผิงในครัว ทำให้กระท่อมหลังนี้ ดู Symmetrical Balance และมีหน้าตาน่ารักมากๆ แถมมีทางเข้าเล็กๆ อยู่ตรงกลาง ทำเป็นซุ้มหลังคาแบบจั่ว บวกกับต้นไม้ใหญ่ขนาบอยู่สองข้าง ทำให้กระท่อมหลังนี้กลายเป็น Location ที่สวยมากๆ ในสายตาของรำเพยเลยทีเดียว โดยในหนัง จะกำหนดให้กระท่อมหลังนี้อยู่ที่ Surrey แต่ในความเป็นจริง ไปกระท่อมหลังนี้สร้างและถ่ายทำที่ Shere โดยฝีมือของฝ่ายฉากในภาพยนตร์ นอกจากนี้ ยังมีฉากน่ารักๆ ที่นางเอก Cameron Diaz ขับ Mini เข้าไปในหมู่บ้านเพื่อไปซื้อของ ซึ่งก็เป็นฉากที่ไปถ่ายทำกันในเมือง Godalming ที่น่ารักสุดๆ จริงๆ ค่ะ

 

 
   
 

 


          เอาล่ะค่ะ เข้ามาชมในกระท่อมกันเลยดีกว่า เพราะคุณป้า Nancy แกคงไม่ยอมให้หลุดรายละเอียดที่ไม่ลงตัวของกระท่อมที่สุดแสนจะน่ารักหลังนี้หรอกค่ะ แหม! อุตสาห์เนรมิตกระท่อมขึ้นมาทั้งหลังแบบนี้ ยังไงก็ต้องแต่งให้สุดฤทธิ์สุดเดชไปเลยค่ะ

          ภายในของกระท่อม จะตกแต่งแบบ English Country ที่เข้ากันกับบรรยากาศชนบทติดลอนดอนจริงๆ โดยกำหนดให้เป็นบ้านเพดานเตี้ย และโชว์โครงสร้างไม้ ผสานกับหินภูเขาที่ใช้ก่อเป็นผนังและเป็น background ของบ้านได้อย่างมีมิติ (น่าอิจฉาจัง ทีเมืองไทย ไม่เห็นมีแบบนี้เลย)

 

 
   
 

 


          ส่วนสีที่ใช้ในบ้าน ก็ใช้สีโทนเหลืองครีมที่ดูแล้วอบอุ่นเป็นสีหลัก และใช้เทคนิคเพิ่มความเด่น (Dominance) ของสีในแต่ละห้อง ทำให้ดูแล้วไม่ซ้ำซาก แต่กลมกลืน เช่นห้องนั่งเล่น ก็ใช้สีแดงจาก Daybed กับผ้าม่านลายดอกบนพื้นสีครีม ส่วนห้องครัวก็ใช้สีฟ้า รับกับกรอบหน้าต่างและชุดจานกระเบื้องลายตาราง เข้ากันน่าดูเชียวค่ะ

          นอกจากนี้ ห้องนอน ยังใช้สีขาวจากหัวเตียงเหล็กกับตู้เสื้อผ้าขนาดเล็ก และเสริมด้วยไม้ธรรมชาติจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่กระจายกันอยู่รอบห้องค่ะ ซึ่ง Color Scheme นี้ก็ยังนำมาใช้ภายในห้องอ่านหนังสือ ซึ่งเป็นห้องเดียวกับห้องอาหารด้วย (แต่ตู้หนังสือเยอะดีจัง ดูแล้วน่าอยู่เป็นที่สุด)

 

 
   
 

 


          ภาพประดับผนังก็มีส่วนสำคัญในบ้านหลังนี้ด้วยเช่นกัน ภาพใส่กรอบดีๆ ช่วยทำให้บรรยากาศของบ้านเปลี่ยนไปได้มากทีเดียว โดยภาพเหล่านี้ รำเพยว่าเหมือนกับเป็นเครื่องเทศหรือเครื่องปรุงรสสำหรับอาหารเลยทีเดียวค่ะ ลองนึกดูนะคะว่าอาหารดีแค่ไหน หากไม่มีซอส หรือเครื่องเทศปรุงรส หรืออย่างน้อยก็ควรจะมีเลมอนฝานบางๆ วางเคียงไว้ในจาน ไม่งั้นอาหารจานนั้นคงดูจืดๆ ไม่ชวนให้ชิมสักเท่าไรหรอกค่ะ และสำหรับภาพในกระท่อมนี้ ทั้งที่วางอยู่บนเตาผิง หรือติดผนัง ไม่ว่าจะเป็นรูปขาวดำ หรือภาพเขียนสีก็ตาม ทั้งหมดจะจัดใน Inlay สีขาวใหญ่ ตัดกับกรอบไม้สีดำ ดูแล้วเท่ชะมัด

          อันนี้ รำเพยสังเกตุดูแล้ว พบว่าคนเอเชีย ไม่ค่อยนิยมภาพประดับผนังกันสักเท่าไร ไม่ว่าจะแต่งบ้านกันแพงแสนแพงแค่ไหน ส่วนใหญ่จะปล่อยผนังไว้เรียบๆ ติด Wallpaper หรือไม่งั้นก็เอาไว้ติดปฎิทินกันซะหมด ซึ่งรำเพยว่าดูแล้วบ้านจะหมดราคาไปเยอะเชียว อันนี้ รำเพยอยากจะแนะนำให้ทุกท่านที่อยากจะเพิ่มรสชาดให้กับบ้าน ลองหาภาพถ่ายหรือภาพเขียนสวยๆ มาใส่กรอบแล้วแขวนผนังดูนะคะ รับรองว่าจะทำให้บรรยากาศของบ้านดูอบอุ่นขึ้นมาได้ทันที

 

 
   
 

 

          แสงในบ้าน ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้กระท่อม Rosehill หลังนี้ดูอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก โดยการออกแบบแสงสว่างอย่างง่ายๆ ใช้โคมตั้งโต๊ะเล่นเป็นแสงหลักกระจายตามมุมห้องต่างๆ สลับกับแสงจากหน้าต่างในตอนกลางวันและมี Chandelier แบบ Country ห้อยอยู่ในห้องอาหาร เพียงแค่นี้ ก็ทำให้กระท่อม Rosehill ดูน่ารักและมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้วค่ะ


          อืมม์...ฟังแล้วเคลิ้มจริงๆ เห็นมั้ยคะ ว่าการแต่งบ้านให้ดูดี ทำได้ง่ายๆ ไม่ยากเลย เพียงแต่อาศัยความช่างสังเกตุและการเลือกใช้ เลือกจัดวางให้เข้ากัน ก็ทำให้กระท่อมน้อยๆ หลังนี้กลายเป็นสวรรค์ใน Countryside ได้อย่างสบายๆ

 

 
   
 

 

          ถ้างั้น เรามาต่อกันที่บ้านหลังต่อมากันดีกว่า อ้อ! ไม่ใช่อีกนะแหละ ต้องเป็นคฤหาสน์หลังต่อมา ซึ่งเป็นของนางเอกอีกคนในเรื่องที่ชื่อ Amanda (แสดงโดย Cameron Diaz) ซึ่งเป็นคฤหาสน์สุดหรูใน L.A. แต่ในความเป็นจริง คฤหาสน์งามหลังนี้ อยู่ใน San Marino ออกแบบโดยสถาปนิก Wallace Neff แต่ภายใน ทางฝ่ายฉากนำโดย Jon Hattman ผู้ซึ่งเคยฝากผลงานไว้ในบ้าน Hampton Place จากเรื่อง Something’s gotta give เป็นผู้เนรมิตขึ้นมาภายใต้งบประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ!!

          ตัวคฤหาสน์นี้ เป็นแบบ Mediterranean หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาจากสเปน ตัวอาคารจะแบ่งที่ดินออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนหน้าบ้านซึ่งจะใช้เป็นที่จอดรถ มีการจัดสวนแบบ Tropical และส่วนหลังบ้าน ซึ่งจะเป็น Private Space มีสระว่ายน้ำเป็น Main Interest

 

 
   
 

 

          รำเพยชอบการแบ่งพื้นที่บ้านแบบนี้มาก เพราะว่าเป็นการแบ่งที่เหมาะกับการใช้งานของคนในบ้านจริงๆ กล่าวคือมีพื้นที่สวนภายในใหญ่ๆ เอาไว้ให้คนในบ้านใช้ โดยไม่ต้องกังวลกับสายตาของคนภายนอก ส่วนหน้าบ้าน ก็แค่เอาไว้ให้สวยเพื่อรองรับสายตาของคนผ่านไปมา และใช้เป็นส่วนจอดรถ เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว ในขณะที่บ้านทั่วๆ ไปในเมืองไทย ที่รำเพยสังเกตุดู มักจะแคร์ความรู้สึกของคนภายนอกมากกว่าคนภายใน คือจัดสวนหน้าบ้านให้สวยๆ กว้างๆ เพื่อให้บ้านดูเด่นๆ และถอยบ้านจนไปติดรั้วด้านหลัง แต่คนภายในบ้านจะออกมาใช้สวน ก็รู้สึกเหมือนมีคนมามองอยู่ตลอด

          สุดท้ายเลยไม่ค่อยอยากออกมาใช้สวนหน้าบ้าน เพราะรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว เลยปล่อยให้สวนราคาแพงๆ เป็นที่นั่งของคนสวน แถมยังต้องเสียค่าดูแลรักษาเพื่อให้คนภายนอกดูอีกด้วย คิดกันเล่นพอขำๆ นะคะ
สวนหลังบ้านของคฤหาสน์หลังนี้ จะใช้ Hard-scape เป็นหลัก ทำให้ใช้ประโยชน์ได้มาก มีการล้อมต้นไม้ด้วยกระถางหินทรายขนาดใหญ่ เป็น Background ของเก้าอี้อาบแดดรอบสระว่ายน้ำ ทำให้บ้านดูอลังการขึ้นมามากมายเชียวค่ะ

 

 
   
 

 

          ส่วนภายในคฤหาสน์หลังนี้ จะตกแต่งในแบบ Hi-style ที่เรียบๆ แต่ดูหรูหราด้วย Space มีการใช้สีขาวเป็นหลักทั้งในส่วนของผนังและเฟอร์นิเจอร์ และเพิ่มมิติของห้องด้วยพื้นหินสีเทาเข้ม ในขณะที่ห้องชั้นบนจะกรุผนังด้วย Wall paper สีเบจเรียบตัดกับผ้าม่านสีเข้ม เสริมจุดสนใจให้กับกรอบหน้าต่างแบบ French Window ดูสวยงามมากเลยคะ

          สำหรับแปลนของคฤหาสน์หลังนี้เป็นรูปตัวแอล พอเข้ามาจากหน้าบ้าน ก็จะเป็นโถงต้อนรับหรือ Foyer และโถงบันไดขึ้นชั้นบน ส่วนทางขวามือจะเป็นห้องนั่งเล่นหรือ Living Room ที่จัด Easy Chair สีขาวสองตัวมาตั้งคู่กันเป็นจุดดึงดูดสายตา และมี Sofa และ Daybed ใหญ่สีขาวเป็นส่วนประกอบตัดกับ Armchair สีเข้ม ที่วางกระจายอยู่บนพรมชิ้นสีครีม (Rug) ล้อมรอบเตาผิง ดูน่าอยู่มากๆ ทีเดียวค่ะ

 

 
   
 

 

          ส่วนห้องครัวของคฤหาสน์เลขที่ 1883 หลังนี้ (คนอังกฤษมักจะชอบใช้ชื่อบ้านแทนบ้านเลขที่โดยเฉพาะในเขตชนบท ในขณะที่คนอเมริกันจะนิยมใช้แต่บ้านเลขที่เพียงอย่างเดียว) จะใช้ตู้ครัวสีเข้มเกือบดำ ตัดกับ Top เคาน์เตอร์แบบขอบหนาสีเทา โดยมีโต๊ะอาหารทำจากไม้สีธรรมชาติวางเป็น Island ตรงกลางห้อง กลายเป็นจุดที่เติมเต็มในห้องให้ดูน่าประทับใจ

          นอกจากนี้ พอขึ้นไปข้างบนในห้องนอนใหญ่ ยังได้เลือกใช้ Headboard ที่นำเอาทรงมาจากพนักพิงของเก้าอี้ Wing Chair มาใช้ทำให้ดูแปลกตาทีเดียวค่ะ เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ไม้ย้อมสีธรรมชาติ ดูแล้วอบอุ่นขึ้นเป็นกอง แถมยังเสริมเสน่ห์ด้วยโคมไฟแบบ Modern เรียบๆ สีขาว ว้าว!

 

 
   
 

 

          อันที่จริง การตกแต่งแบบ Hi-Style นี้ทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ขอให้เอาใจใส่กับ Space และความต่อเนื่อง จะทำให้งานออกมาดูหรูหราไปเอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้บ้านหลังใหญ่โตอะไรนัก นอกจากนี้ ข้อจำกัดของการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ก็น้อยมาก เพียงแค่เลือกให้ออกมาเข้ากันได้และดูดี จากนั้น ค่อยๆ เสริมของประดับประดาต่างๆ รับรองได้ว่าท่านผู้อ่านจะได้บ้านที่สวยหรู ดูดี และสะอาดตาด้วยค่ะ

          เอาล่ะคะ หมดโควต้าของรำเพยแล้ว นี่กำลังมันอยู่เลยนะคะ เอาไว้เดือนหน้า รำเพยจะพาไปดูบ้านแบบ Modern ที่โดนใจกันบ้างดีกว่า รับรองได้ว่าถูกใจคอ Modern แน่ๆ ค่ะ สำหรับเดือนนี้ รำเพยขอลาแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ...

 

 
 

;

 

 
 

 

ขอบคุณ ตัวอย่าง หนังจาก www.youtube.com

-- รำเพย --

 
           

 

 

 

 
Home | About Bareo | News & Events | Art of Design | Decor Guide | The Gallery | Living Young | Talk to Editor | Links
 
บริษัท บาริโอ จำกัด
50 ซอยบรมราชชนนี 4 ถนนบรมราชชนนี เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 Tel. 66 2881 8536-7 Fax. 66 2881 8538
house servic, decoration design home architect architecture interior design designer homeplan residential furniture family decorat building build planning cost news information structure arch drawing apartment idea bangkok develop foreman bareo mareo bareo.tv เฟอร์นิเจอร์ การซ่อมแซมบ้าน วัสดุแต่งบ้าน ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องอาหาร ออกแบบ ตกแต่งภายใน ออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ บ้านสวย มัณฑนากร สถาปัตย์ ตกแต่ง บารีโอ บาริโอ มาริโอ บริการ ปรึกษา รับสั่งผลิตเฟอร์นิเจอร์ตามแบบ รับเหมาตกแต่ภายใน วรวุฒิ ธรรมกุลางกูร มยุรี ธรรมกุลางกูร บาริโอดอททีวี