ฟังแล้วไม่ต้องทำหน้างงว่าเคยได้ยินแต่ข้าวแช่เสวย หรือข้าวแช่ชาววัง ก็แหม..พิ้งกี้ชวนทำทั้งทีก็ต้องมีอะไรพิเศษๆ หน่อยค้า.. จากที่ชวนทำอาหารมาหลายครั้งจนแม่ครัวตัวจริงเห็นวิธีการทำของพิงกี้อาจต้องส่ายหน้านิดๆ เพราะด้วยการ ประยุกต์บวกกับความขี้เกียจเป็นนิจ เลยทำให้สูตรของแม่ๆ อาจมีเพี้ยนๆ ไปบ้างแต่ก็เข้ายุคเข้าสมัยค่ะ

            พิ้งกี้ขอบอกว่าการทำข้าวแช่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสิ้นเปลืองเวลามากมาก เพราะพิ้งกี้ต้องเตรียมเครื่องเป็นวันยังไม่รวมเวลาที่ต้องทำแต่ละขั้นตอนอีกเป็นวัน ดังนั้นจึงจะเห็นว่าบ้านที่มีงานเท่านั้นจึงจะทำข้าวแช่เลี้ยง หรือไม่งั้นก็สมัครใจซื้อซะเป็นส่วนมากค่ะ

            เราเริ่มตั้งแต่เตรียมเครื่องปรุง โดยแยกปรุงทีละส่วนนะคะ เครื่องที่เตรียมวันนี้สามารถเสริฟได้ประมาณ 10 ที่นะคะ

ข้าวแช่
            ส่วนประกอบคือ
                        ข้าวหอมมะลิ                    4          กระป๋อง
                        น้ำต้มสุก                         4          ลิตร
                        ดอกมะลิ                         1          ถ้วย
                        ผ้าขาวบาง

            วิธีทำน้ำข้าวแช่

1. เตรียมน้ำต้มสุก(หรือจะใช่น้ำแร่ก็ได้ค่ะ)ที่เย็นแล้วลอยดอกมะลิ(ล้างแล้วนะคะ) แช่ในน้ำทิ้งไว้ 1 คืนค่ะ ขั้นตอนนี้บางคนเลือกที่จะใช้ดอกชมนาถ แต่พิ้งกี้ชอบดอกมะลิมากกว่าค่ะ
   
   
2. ใช้ผ้าขาวบางกรองน้ำให้เหลือแต่น้ำค่ะ
   
   
3. หุงข้าวให้พอเป็นเม็ดแบบเช็ดน้ำ(ตามสูตรค่ะ) อันนี้พิ้งกี้ประยุกต์ใช้หม้อหุงไฟฟ้าหุงค่ะ เลยต้องคอยดูว่าพอเป็นเม็ดก็กดปุ่มว่าเสร็จแล้ว
   
   
4. เทน้ำข้าวที่ร้อนอยู่ออกให้หมด จากนั้นเทน้ำเย็นใส่ลงไป แล้วก็ คนๆๆๆ แล้วเทน้ำทิ้ง เทน้ำเย็นลงไปใหม่ ทำอย่างนี้จนกว่าข้าวเย็น
   
   
5. นำข้าวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน นำส่วนแรกเกลี่ยบนผ้าขาวบางนึ่งในรังถึง ประมาณ 10 นาที ให้ข้าวสุก จากนั้นผึ่งให้เย็นค่ะ นำส่วนที่สองนำมาหยดสีแดง(สีผสมอาหาร) ประมาณ 2-3 หยด แล้วคนให้ทั่ว เกลี่ยบนผ้าขาวบางนึ่งในรังถึง ประมาณ 10 นาที ให้ข้าวสุก จากนั้นผึ่งให้เย็นค่ะ ส่วนที่สาม นำข้าวมาหยดสีม่วง (สีผสมอาหาร) ประมาณ 2-3 หยด ทำเช่นเดียวกันกับ ส่วนที่ 1 และ 2

เครื่องเคียงข้าวแช่

หัวไชโป๊วผัดหวาน

           ส่วนประกอบคือ

                      ห้วไชโป้วเค็ม                                     1/2   กิโลกรัม
                      น้ำตาลทราย

           วิธีทำเริ่มจาก

                      หัวไชโป๊ว เลือกที่ไม่เค็มมากนัก  ล้างน้ำจนสะอาดดี  หั่นเป็นเส้นแล้วนำลงผัดในกระทะใช้ไฟกลาง  ๆ  เติมน้ำตาลโตนด  ชิมตามชอบ  รสหวานนำรสเค็มตาม  ผัดจนเหนียวได้ที่ จนเส้นผักกาดเป็นมันจึงตักขึ้น แต่งหน้าด้วยไข่ทอดโรยฝอย

ปลาช่อนแห้งผัด

           ส่วนประกอบคือ
                      ปลาช่อนแดดเดียว            1 ตัว
                      น้ำตาลทราย

           วิธีทำเริ่มจาก

1. นำเนื้อปลานึ่งพอสุก
2. ฉีกให้เป็นฝอย
3. นำเนื้อปลาที่ฉีกแล้วมาทอดให้กรอบ แล้วผัดกับน้ำตาลให้พอมีรสหวานประแล่มๆ

พริกหยวกสอดไส้

            ส่วนประกอบคือ

หมูสับ                                        3  ขีด
กุ้งสับ                                        5   ตัว
กระเทียมพริกไทยโขลกรวมกัน       1   ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา                                      1    ช้อนชา
น้ำตาล                                      1/2 ช้อนชา
ไข่ไก่                                        5    ฟอง

วิธีทำเริ่มจาก

1. ปรุงไส้ก่อนนะคะ เคล้าหมู กุ้ง กระเทียมพริกไทยให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ต่อยไข่ใส่ 1 ฟอง
   
   
2. นำมาปั้นเป็นแท่งยาวประมาณ 2 นิ้ว
   
   
3. นำไปทอดจนสุก
   
   
4. นำพริกหยวกมาคว้านไส้ออก
   
   
5. พริกหยวกที่คว้านไส้แล้วนำไปนึ่งในลังถึงน้ำเดือดประมาณ 5 นาที
   จากนั้นทิ้งให้เย็นและหากมีน้ำให้บีบน้ำออกให้หมด
   
   
6. นำไส้ที่ทอดแล้วมาใส่ในพริกหยวกแล้วนึ่งในลังถึงน้ำเดือดประมาณ 5 นาที จากนั้นทิ้งให้เย็นและหากมีน้ำให้บีบน้ำออกให้หมดเช่นกัน
   
   
7. ต่อยไข่ใส่ชามตีไข่ให้แตก ตั้งกะทะใส่น้ำมันพอให้เปื้อนกะทะ ใช้ไฟอ่อน จากนั้นใช้มือชุบไข่แล้วโรยขวางไปมาในกะทะให้เป็นตาข่าย
   
   
8. พอไข่สุกให้ลอกออกมาเป็นชิ้นและห่อพริกหยวกที่เตรียมไว้ให้รอบ

 

กะปิทอด

            ส่วนประกอบคือ

กระชาย                                     7  ราก
ตะไคร้                                       2  ต้น  
ข่า                                            5  แว่น
ผิวมะกรูดขูด                               1  ช้อนชา
รากผักชี                                  4-5  ราก
หอมแดง                                    9  หัว
กระเทียม                                 10   กลีบ
กะปิ                                          1  ช้อนโต๊ะ
เนื้อปลาดุกย่างขูด                        1  ตัว
ปลาฉลาดย่าง                             2   ตัว
น้ำปลาและน้ำตาลอย่างละ             1   ช้อนโต๊ะ
ไข่                                           3   ฟอง
แป้งข้าวเจ้า                                1   ช้อนโต๊ะ

วิธีทำเริ่มจาก

1. โขลกกระชาย ตะไคร้ ข่า ผิวมะกรูด รากผักชี หอมแดง กระเทียมให้ละเอียด ใส่กะปิ เนื้อปลาโขลกให้เข้ากัน ผัดให้หอม ปรุงรสด้วยน้ำปลาน้ำตาล ผัดจนแห้ง ยกลง ทิ้งไว้ให้เย็น
   
   
2. นำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ เล็กๆ ให้เท่ากัน
   
   
3. ต่อยไข่ใส่ชามแล้วตีให้แตก ใส่แป้ง คนให้เข้ากัน จากนั้นนำกะปิที่ปั้นไว้ลงชุบแล้วทอดพอให้เหลืองแล้วตักขึ้น ทิ้งไว้ให้สเด็ดน้ำมันค่ะ

            เฮ่อ! เล่นเอาแทบหอบใช่ไหมค่ะ การทำข้าวแช่นี้พิ้งกี้ขอละหอมแดงสอดไส้ไปนะคะ เพราะมันวิจิตรไปหน่อย ตอนนี้มาถึงเตรียมเสริฟนะคะ นำข้าวที่เตรียมไว้ใส่ชาม ใส่น้ำดอกไม้ที่เตรียมไว้ และเติมน้ำแข็งค่ะ เราจะได้ข้าวทั้งหมด 3 สีสวยน่ากินแล้วนะคะ ที่เหลือก็จัดเครื่องเคียงใส่จาน นำกระชายซอย หรือกรีดเป็นแฉกก็ได้ วางข้างๆ และนำพริกชี้ฟ้าแดงวางตกแต่งข้างๆ เพิ่มสีสรรให้กับเครื่องเคียง แต่ทั้งกระชาย พริกชี้ฟ้านี้สามารถรับประทานได้นะคะ เป็นการแก้รสมันและหวานเลี่ยนค่ะ นอกจากนี้บางคนอาจเพิ่มมะม่วงซอย และหมูฝอยค่ะ เท่านี้ข้าวแช่สีรุ้งเราก็พร้อมเสริฟค่ะ

            ลองทำแบบ ทำเอามันส์กันนะคะ แต่ทำบ่อยๆ นี่คงไม่ไหวค่ะ เพราะทำตั้ง 2 วันกินแป๊ปเดียว อย่างนี้ละมั้งเค้าถึงเรียกว่า ข้าวแช่เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่แสดงถึงวัฒนธรรมการกินของไทยที่งดงาม ละเอียดอ่อน ไม่แพ้ชาติใดในโลก เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์จากจินตนาการทิ้งไว้ให้กับชนรุ่นหลังค้า

            อ้อ..สำหรับมือใหม่หัดรับประทานข้าวแช่นะคะ เริ่มจากตักข้าวแช่ใส่ปากก่อน จากนั้นใช้ส้อมจิ้มเครื่องเคียงทานตามไปค่ะ เพราะเราจะไม่เอาเครื่องเคียงใส่ลงไปในข้าว ไม่งั้นน้ำมันจะลอยเอ่อในชามข้าวทำให้ไม่น่ากินค้า... รสชาติที่ได้จะเป็นหวานๆ เค็มๆ ของเครื่องเคียงผสมกับกลิ่นหอมเย็นของข้าวเข้ากันดี้ ดีเชียวค่ะ ลองดูนะคะ