home
about bareo
news & event
art of design
decor guide
the gallery
living young
talk to editor
links
 
 

 

 

My Travel Journal

No.2: A boy of Kob-Dong Village
Nikon D2x, Nikkor 35 mm. f/2 lens, 1/1500 sec. f/4 - ISO 100. Exposure compensation -0.7
This photo is one of the “Children are forever” Collection by Isyss Photography.

               I always enjoy reviewing the photo of the past trip. Each photo always contains mood and memory of how I take that shot and how I want to present that beautiful moment.

               “A boy of Kob-Dong Village” is one of the best photos in my collection. I love this photo for good composition, the atmosphere and the emotion that boy presented in his eyes.

               This story began two years ago…

               Each year in the October is the period for school break in Thailand. I always asked my family to join the trip to anywhere we can, due to our time available. And that year we decided to go to Chiangmai although it was not the prime time. Actually it was the rainy season and rain took the major role in Thai Climate.

               We started the trip from Bangkok to Chiangmai via airplane and went to Mae Sariang by private wagon. Then we turned north to Mae Hong Son to visit some interesting places and then we turned right back to Pai before went back to Chiangmai. When we arrived Chiangmai, we turned north again to Doi Angkang, one of the best destination in the north of Thailand. During the 5 days route, we took plenty of beautiful photos from the rice fields to tribal lives.

               At Doi Angkang, we visited Norlae Village and had a magnificent dinner at our hotel, the Natural Resort, Angkang.

               Next day in the early morning, we rushed to take the picture of morning mist in the hug of the mountain at another interesting viewpoint, Kob-Dong Village.

               After finished our landscape photos, we asked our driver to turn to Kob-Dong Village. Over there, we had to deal with many little merchant, boys and girls who left their own game to bring their products from home to sell us. In t

               I tried many time to take his picture but none impressed me.

               After the little market ended, that boy went back home on his sister’s back. And it was the hut beside me!

               The boy looked at my family and friends that enjoyed taking the picture of wild hog, while I tried to grasp that moment with my camera and 35 mm. F/2 Nikkor lens. I opened the widest aperture to get the fastest speed to catch his moment and to dominant the subject from the background.

               The boy looked back at me while I started to press the shutter, however, he starred through me like no one in front of him.

               I took that moment with a couple shots and select for the best.

               In the post process, I noticed something else. First, I found that the hut located at the Cliffside that you can looked down to another hut below in the photo, and second, he showed the relax position in front of me that differed from the uncomforted manner when he stayed away from home.

               Home may give him the confidence and feel of safe. Home may be the magical place for everyone to gather all strength to fight for another day.

               Home sweet home...

 

               ความสุขของการถ่ายภาพของผม มักจะเกิดขึ้นเมื่อผมได้ย้อนกลับมาดูภาพถ่ายเก่าๆ ที่เคยถ่ายไว้ แล้วได้ค้นพบว่าภาพเหล่านั้นเกิดขึ้นในจังหวะใด อารมณ์เป็นอย่างไร และที่สำคัญ มันสวยงามในแง่ไหน และมากน้อยเพียงใด สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นการรำลึกถึงความงดงามในความทรงจำที่ผ่านมาแล้วทั้งสิ้น

               สำหรับภาพ “หนูน้อยจากขอบด้ง” นี้ เป็นอีกภาพหนึ่งที่ผมรักมาก เพราะเป็นภาพที่ผมชื่นชอบทั้งองค์ประกอบ ท่าทางของตัวแบบและการสื่ออารมณ์ รวมถึงบรรยากาศของภาพนี้

               เรื่องทั้งหมดนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน...

               ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี จะเป็นช่วงที่เด็กๆ ปิดเทอม จึงเป็นจังหวะที่ผู้ปกครองทั้งหลาย จะได้ผ่อนคลายจากการตะลุยขับรถไปส่งลูกหลานตามโรงเรียนต่างๆ ตั้งแต่เช้ามืด ผมเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ปกครองเหล่านั้นเช่นกัน

               ดังนั้น พอถึงช่วงปิดเทอม ผมก็มักจะชวนครอบครัวให้ไปเที่ยวพักผ่อน ให้สมกับที่ต้องเหนื่อยขับรถตอนเช้าๆ มาตลอดสามสี่เดือน ทั้งๆ ที่เดือนตุลาคมจะไม่ใช่ช่วงที่ดีนักสำหรับการท่องเที่ยวในเมืองไทย เพราะยังอยู่ในช่วงฝนตกชุก และมีน้ำท่วมอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะภาคเหนือ

               อย่างไรก็ดี ผมก็มักจะพาครอบครัวไปเที่ยวภาคเหนือในช่วงเวลานั้นอยู่บ่อยๆ และทริปนี้ก็เช่นกัน พวกเราเดินทางไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ และวนไปแม่ฮ่องสอนโดยผ่านทางออบหลวงเข้าไปทางแม่สะเรียง จากนั้น ก็ขับเรื่อยไปจนเข้าตัวเมืองและเลี้ยวขวามาเมืองปาย ก่อนที่จะเดินทางกลับเข้าเชียงใหม่ตอนบน เพื่อขึ้นไปเที่ยวดอยอ่างขาง

               พวกเราไปถึงดอยอ่างขางในตอนเย็น และขับขึ้นไปเที่ยวหมู่บ้านนอแล ก่อนที่จะกลับมาทานอาหารค่ำ ที่แสนวิเศษที่รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง ซึ่งเป็นที่พักของเรา

               เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเรารีบออกแต่เช้า เพื่อไปเก็บภาพยอดหมอกที่หมู่บ้านขอบด้ง และที่นั่นเอง ที่เราได้พบกับเด็กหลายต่อหลายคนที่มาเสนอขายของให้กับพวกเราอย่างสนุกสนาน บางคนกำลังวิ่งเล่นอยู่ พอเห็นนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรามา ก็วิ่งกลับไปเอาของที่บ้านมาขายให้พวกเราก่อน

               พวกเราก็สนุกกับการซื้อขายอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นของที่หน้าตาเหมือนกัน ชนิดเดียวกัน แต่พวกเราก็ขยันซื้อกับแม่ค้าและพ่อค้าตัวน้อยๆ กันจนครบทุกคน

               ในบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้น ผมสังเกตเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่ตัวเล็กกว่าเพื่อน ไปไหนมาไหน ต้องให้พี่สาวแบกขึ้นหลังมาขายของกับคนอื่นๆ ด้วย เจ้าหนูน้อยคนนี้ พูดก็ยังไม่ได้ แถมขี้มูกเลอะเทอะไปทั่วใบหน้า ทำได้แค่ยกของชูขึ้น และมองพวกเราตาแป๋ว

               ผมพยายามจะถ่ายภาพเด็กคนนี้ ในขณะที่คนในครอบครัวของผมสนุกกับการต่อรองราคา

               แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไร เพราะหนูน้อยพยายามขายของให้ได้เหมือนพี่ๆ คนอื่น

               จนในที่สุด กลุ่มพ่อค้าก็สลายตัว ภายหลังจากที่ได้ขายจนครบทุกคน (แม้ว่าจะมีบางคนพยายามวิ่งกลับบ้านไปเอาของมาเพิ่มอีกก็ตาม) ส่วนหนูน้อยคนนี้ ก็อาศัยพี่สาวแบกกลับไปที่บ้าน ซึ่งผมมารู้ในตอนนั้นว่า บ้านของเขาก็อยู่ข้างๆ ที่ผมยืนนั่นเอง

               พอขึ้นบ้านได้ เด็กน้อยก็เดินไปหยิบขนมปังมาบิ ก่อนส่งเข้าปากที่บริเวณระเบียงหน้าบ้าน ส่วนสายตาก็จับจ้องมองพวกเราบางคนที่สนุกสนานกับการถ่ายรูปหมูป่า

               สำหรับผม พอได้จังหวะ ก็เดินเข้าไปเงียบๆ ยกกล้องที่ติดเลนส์ 35 มม. ขึ้นมาหามุมมอง โดยผมพยายามถ่ายภาพหนูน้อยคนนี้ ให้อยู่กลางภาพ และให้รั้วไม้ไผ่เป็นเส้นนำสายตา รวมทั้งพยายามให้บรรยากาศของบริเวณบ้านอยู่ในภาพ เพื่อเพิ่มเรื่องราวให้สมบูรณ์มากขึ้น

               โชคดีที่ตอนนั้นเป็นช่วงเช้า ที่หมอกยังคงมีอยู่ ทำให้แบ็คกราวน์ของภาพไม่รกมัก และผมยังได้พยายามเปิดหน้ากล้องให้กว้างที่สุด เพื่อลดความคมชัดของรายละเอียดด้านหลัง และยังป้องกันในกรณีที่หนูน้อยเกิดอยากจะขยับตัว

               ทุกจังหวะที่ผมปรับกล้องอยู่นั้น ในใจก็คิดว่าจะได้ภาพหรือไม่ เพราะกังวลว่าถ้าหนูน้อยหันหน้ามาเห็นจะรีบเดินหนีไป แต่ผิดคาด เจ้าหนูหันหน้ามาจริงๆ แต่กลับมองมาที่กล้องด้วยสายตาที่สื่ออารมณ์บางอย่าง ซึ่งผมก็ไม่ได้ปล่อยให้จังหวะนั้นหลุดไป ผมเก็บภาพชุดนั้นมาได้สองสามภาพ ก่อนที่จะคัดเอาเฉพาะภาพที่ดีที่สุดไว้

               ตอนที่กลับมาทำภาพนี้ ผมได้พบว่าบ้านหลังนี้ ตั้งยื่นออกไปจากภูเขา ทำให้มองทะลุลงไปเห็นบ้านที่อยู่ด้านล่างได้ และ
สายตาของเด็กคนนั้น ไม่แยแสว่าผมกำลังจะทำอะไร...ตราบเท่าที่ เขายังอยู่ในบ้าน... ในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเขา...

               ใช่แล้วครับ...

               Home Sweet Home

 
 

 

-- Isyss --

 

       

 


บริษัท บาริโอ จำกัด

50 ซอยบรมราชชนนี 4 ถนนบรมราชชนนี เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700   Tel. 66 2881 8536-7   Fax. 66 2881 8538