มารู้จักกับ Home Entertainment Center กันเถอะ

          เริ่มต้นแบบนี้ หลายคนคงจะงง เมื่อได้ยินคำว่า Home Entertainment Center เพราะไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร และทำหน้าที่อะไรในบ้าน ซึ่งจะว่าไป คำนี้ก็เป็นคำใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในยุคหลังๆ มานี้เอง โดยเจ้า Home Entertainment Center จะหมายถึงชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้สำหรับติดตั้ง TV และเครื่องเสียงต่างๆที่ให้ความบันเทิงภายในบ้านนั่นเอง

           แต่ก่อนเมื่อสักสิบปีที่แล้วเรามักจะเรียกตู้ที่ทำหน้าที่นี้ว่า “TV Cabinet”เพราะเป็นลักษณะของตู้เตี้ย ที่วาง TV ไว้ด้านบน ส่วนด้านล่าง ก็จะจัดไว้สำหรับวางเครื่องเสียงและอุปกรณ์ให้ความบันเทิงชนิดต่างๆ

           แต่ในปัจจุบัน หน้าตาของ TV ที่เราเคยคุ้นเคย กลับกลายเป็น LCD และ LED TV ซึ่งเป็นแผ่นบางๆ ไปซะแล้ว ทำให้ขนาดของตู้ก็สามารถลดให้บางลงตามไปด้วย แต่ส่วนใหญ่ เราก็จะไม่ค่อยจะวางบนตู้เหมือนแต่ก่อน แต่จะนิยมติดบนผนังแทน จนกลายเป็น Wall Hanging หรืออุปกรณ์แขวนผนังชนิดหนึ่ง

           อย่างไรก็ดี เจ้า LCD, LED TV นี้ดันไม่ใช่ Wall Hanging ธรรมดาแบบกรอบรูปทั่วๆ ไป  เพราะเจ้าอุปกรณ์ชนิดนี้ ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าและสายสัญญาณต่างๆ ให้วุ่นวายไปหมด ทำให้เราไม่สามารถใช้ผนังบ้านเดิมๆ มาทำหน้าที่นี้ได้ ซึ่งในปัจจุบัน เราสร้างผนังขึ้นมาใหม่ ทับบนผนังเดิม โดยเจ้าผนังที่เราตกแต่งใหม่นี้จะต้องมีระบบต่างๆ รองรับและควรจะซ่อนอยู่ภายใน เพื่อไม่ให้สายไฟรกรุงรังต่อสายตาของเรา

          นอกจากนี้ เจ้าผนังนี้ จะต้องมีชั้นหรือตู้เตี้ยสำหรับวางเครื่องเสียง Home Theatre หรือ เครื่องเล่นต่างๆ เช่น DVD Player, Blue-ray Player, Cable Box และอุปกรณ์ที่จำเป็นอีกหลายรายการ

           เท่านั้นยังไม่พอ สำหรับลูกค้าหลายราย จำเป็นต้องมีตู้สำหรับวางแผ่นหรือ Media ชนิดต่างๆ ตั้งแต่ แผ่น CD, DVD, Blue-ray Disc รวมทั้งหนังสือ และ Remote Control ซ่อนอยู่ในผนังนี้อีกด้วย เจ้าผนังนี้เลยกลายเป็นศูนย์รวม ของแหล่งความบันเทิงทั้งหลายภายในบ้านสุดท้าย เจ้าผนังตกแต่งชิ้นนี้ ก็เลยกลายเป็น Home Entertainment Center สมชื่อไปเลยจริงๆ

          และเนื่องจากในปัจจุบัน เราก็มีเฟอร์นิเจอร์มากมายหลายแบรนด์ที่นำเสนอขายเจ้า Home Entertainment Center ในหลายแบบ หลายสไตล์ ซึ่งในวันนี้ ผมก็เลยอยากจะแนะนำชิ้นส่วนและคุณสมบัติหลักๆ เพื่อเป็นหลักในการเลือกซื้อหรือสั่งผลิตเจ้าผนังสารพัดประโยชน์นี้ให้เหมาะสมต่อการใช้งานกันนะครับ

1. ผนังตกแต่ง ส่วนนี้เป็นชิ้นส่วนหลักและจัดว่าเป็นหน้าตาของชิ้นงานเลยทีเดียว หลักสำคัญของผนังชิ้นนี้ คือ
   • ผนังจะต้องแข็งแรง รองรับการติดตั้งจอ LED หรือ LCD TV ได้เป็นอย่างดี แม้ว่า TV ในยุคหลังนี้จะมีน้ำหนักน้อยลงกว่าในสมัยก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่หนัก โดยปกติ LED หรือ LCD TV เหล่านี้ ขนาดประมาณ 40” – 60” จะมีน้ำหนักประมาณ 18 – 30 Kg ครับ
     
     
   • ผนังนี้จะต้องมีช่องสำหรับร้อยสายไฟ และสายสัญญาณต่างๆ จากด้านหลังจอ TV ไปยังตู้ด้านล่างที่วางอุปกรณ์ได้สะดวกด้วย ซึ่งเทคนิคการเดินท่อร้อยสายไฟ ก็จะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อ แต่ผมแนะนำให้เลือกช่องร้อยสายไฟที่มีขนาดไม่น้อยกว่า 10 x 10 ตร.ซม. หรือ 4”x4” ครับ เพราะเราจะสามารถร้อยสายได้สะดวกกว่า และสายไฟจะไม่ติดกันในท่อด้วย
     
     
   • ผนังควรจะมีลักษณะที่ไม่มันวาวเกินไป เช่นเป็นกระจกเงา หรือแผ่น Stainless เงา เพราะจะสะท้อนกับตัวเราเวลานั่งดู เวลาเราทำอะไร ก็จะไปสะท้อนเข้ามาสู่ตาเรา ทำให้เสียสมาธิในการนั่งดู และอาจทำให้ปวดตาได้ด้วย
     
     
   • ผนังควรจะมีความสูงมากพอสำหรับติดตั้ง LED, LCD TV เพราะความสูงโดยปกติของการติดตั้งจอ TV ชนิดนี้ ไม่ควรจะให้จุดกึ่งกลางจอภาพสูงมากกว่า 1.30 เมตรครับ
     

           2. ตู้เตี้ย หรือชั้นสำหรับวางเครื่องเสียงและอุปกรณ์ จะมีกี่ชั้นก็ได้ตามต้องการ แต่ควรจะมีความลึกไม่น้อยกว่า 45 ซม. เพราะอุปกรณ์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะมีความลึกประมาณ 30 ซม. เป็นอย่างน้อย (อุปกรณ์บางชิ้น อาจลึกถึง 40 ซม.) และเราต้องเผื่อระยะของสายไฟที่มีต่อที่ด้านหลังอีกประมาณ 5 – 7 ซม.ครับ ที่สำคัญ ในงานออกแบบของเรา เจ้าชั้นพวกนี้ จะสามารถเลื่อนออกมาได้ เพื่อให้สะดวกต่อการต่อสายที่ด้านหลัง โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องขยับ หรือมุดเข้าไปเพื่อต่อสายสัญญาณอีกต่อไป

           3. เต้ารับไฟฟ้า (Power Outlet หรือ Power Plug) ควรมีจำนวนมากพอเพื่อรองรับ TV, Home Theater, Cable Box, DVD หรือ Blue-ray Player รวมทั้งเครื่องเสียงต่างๆ รวมทั้ง Play Station เป็นต้น ทั้งนี้ โดยปกติ ทางบาริโอของเราจะเผื่อไว้ประมาณ 8 Sockets เป็นอย่างน้อยครับ ทั้งนี้ เราต้องเผื่อสายสัญญาณ Cable หรือสายอากาศต่างหากอีกนะครับ และที่สำคัญ เจ้าเต้ารับไฟฟ้าทั้งหมดนี้ จะต้องถูกออกแบบให้ซ่อนอยู่ภายใน เพื่อไม่ให้มองเห็นให้รกสายตาด้วยนะครับ


            4. แสงสว่างสำหรับการต่อสายที่ด้านหลังอุปกรณ์ต่างๆโดยในบางครั้ง ช่องต่างๆ อาจจะถูกซ่อนอยู่ด้านใน และมีแสงสว่างไม่พอ ทำให้ยากหรือเป็นอันตรายในการต่อสายสัญญาณได้ ดังนั้น เราจึงควรออกแบบให้มีแสงไฟเพื่อรองรับในการทำงานในส่วนนี้ด้วยครับ โดยในยุคหลังๆ นี้ เรามักจะออกแบบให้ใช้ไฟ LED ซ่อนอยู่ใต้ผนัง TV ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มในเรื่องของความสวยงามแล้ว ยังมีประโยชน์ในจุดนี้ด้วย

            5. Media Storage เนื่องจากอุปกรณ์ต่างๆ มักจะใช้ร่วมกับ Media ที่แตกต่างกันไป ทำให้เราต้องมีที่เก็บ Media ชนิดต่างๆ มากพอสมควร เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน ซึ่งสำหรับบ้านที่มีผนังส่วนนี้กว้าง เราก็จะออกแบบให้มีพื้นที่เก็บ Media ได้มาก หรือบางบ้าน อาจจะใช้จัดวางหนังสือที่โปรดด้วยก็ได้ครับ

          6. มีพื้นที่จัดวางของโชว์หรือของสะสมได้บ้าง เพราะ Home Entertainment Center นี้เป็นจุดที่เราต้องใช้บ่อย และมักจะอยู่ในส่วนรับแขกด้วย ดังนั้น หากออกแบบเป็นแค่ที่เก็บของก็คงจะทำให้บ้านเสียราคาแย่เลย ดังนั้น เราจึงควรจะพิถีพิถันของงานส่วนนี้มากสักหน่อย ซึ่งหากเราสามารถแสดงตัวตนของเราผ่านทางของสะสม หรือของโชว์ที่เราภาคภูมิใจ ก็คงจะทำให้บ้านของเรามีคุณค่าขึ้นอีกมาเลยครับสุดท้าย Design ของตัว HEC นี้ ก็ควรจะได้รับการออกแบบ และปรับแต่งให้เข้ากับบรรยากาศโดยรวมส่วนอื่นๆ ของบ้านด้วยครับ

          7. เอาล่ะครับ สำหรับหลักการคร่าวๆ สำหรับการเลือกซื้อ หรือสั่งผลิต HEC ให้กับบ้าน คงจะพอทำให้ทุกท่านได้เข้าใจ และรู้จักกับผนังสารพัดประโยชน์นี้มากขึ้นบ้างนะครับ และหากท่านสนใจอยากให้บริษัทของเราช่วยออกแบบผนัง HEC ให้กับบ้านของท่าน เราก็ยินดีให้บริการนะครับ...สำหรับวันนี้ ผมคงต้องขอตัวไปก่อนนะครับ...ขอบคุณครับ

          เอาล่ะครับ สำหรับหลักการคร่าวๆ สำหรับการเลือกซื้อ หรือสั่งผลิต HEC ให้กับบ้าน คงจะพอทำให้ทุกท่านได้เข้าใจ และรู้จักกับผนังสารพัดประโยชน์นี้มากขึ้นบ้างนะครับ และหากท่านสนใจอยากให้บริษัทของเราช่วยออกแบบผนัง HEC ให้กับบ้านของท่าน เราก็ยินดีให้บริการนะครับ...สำหรับวันนี้ ผมคงต้องขอตัวไปก่อนนะครับ...ขอบคุณครับ