 |
 |
 |
|
ดูเหมือนว่ากระแสการถวิลหาอดีต หรือ Nostalgia กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันและได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงกันอย่างมากมายผ่านภาพยนตร์ แฟชั่น เสื้อผ้า ทรงผม การท่องเที่ยวและอื่นๆอีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตกแต่งบ้าน นอกจากจะเป็นช่วยสร้างบรรยากาศของบ้านให้ดูมีสไตล์และสวยงามแล้วก็ยังได้กลิ่นอายของความละเมียดละไมและความรู้สึกในแง่งามของอดีตที่ยังคงอบอวลอยู่ในความทรงจำสีจางๆที่ทำให้กาลเวลาไม่สามารถจะลบเลือนเสน่ห์แบบนี้ไปได้
|
|
Vintage VS. Retro หลายคนอาจจะสงสัยระหว่างคำว่า Vintage และ Retro ที่ต่างก็เป็นการตกแต่งบ้านสไตล์ย้อนยุคกันทั้ง 2 สไตล์ หากแต่ก็สามารถจำแนกได้อย่างง่ายๆ คือ Vintage ตามความหมายเดิมแล้วหมายถึงการหมักบ่มไวน์ โดยกำหนดปีที่ผลิตเอาไว้ จนได้รสชาติที่ดีที่สุด ซึ่งใช้เวลาหลายสิบปีขึ้นไปดังนั้นเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งสไตล์ Vintage นี้ ไม่ใช่เน้นแต่ว่าเป็นของเก่า หากแต่ต้องเน้นคุณภาพและความสมบูรณ์แบบของฝีมือในการทำเป็นหลักด้วยเช่นกัน ซึ่งคล้ายๆกับการหมักบ่มไวน์ ที่ยิ่งเก่ายิ่ง มีรสชาติดีนั่นเอง ลักษณะ Vintage ของเฟอร์นิเจอร์จะให้ความรู้สึกที่อบอุ่น อ่อนหวาน ย้อนให้นึกถึงอดีตที่สงบ เรียบง่าย ซึ่งทำให้ผ่อนคลาย Retro มาจากคำว่า Retrospective มีรากศัพท์มาจากภาษาฝรั่งเศสหมายถึงการชอบ หรือนิยมในสิ่งที่พ้นสมัยในปัจจุบัน การย้อนนึกถึงเรื่องราวในสมัยเด็ก สไตล์การ ตกแต่งบ้านแนว Retro จึงดูทันสมัยและให้ความรู้สึกสนุกสนานกว่าสไตล์ Vintage โดยเน้นเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่อยู่ในยุคประมาณ 60's - 80's ที่มีรูปทรงเก๋ๆ แปลกตาและดูทันสมัยกว่า Vintage |
|
|
Let’s Vintage
• ผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายแบบสมัยใหม่และความหรูหราแบบคลาสสิก โดยใช้สีอ่อนสบายตา อย่าง สีขาว ครีมและน้ำตาล เป็นโทนสีหลักเพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่นของในอดีต
• เอกลักษณ์ที่โดดเด่นสำหรับสไตล์นี้คือการเพิ่มเติมรายละเอียดของการตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้ ผ้าลายเถาหรือลายดอกไม้สวยหวาน อาจจะนำมาหุ้มเป็นปลอกหมอน หมอนอิง ผ้าปูโต๊ะ ติดระบายผ้าม่าน ก็ช่วยเสริมให้สไตล์นี้ดูเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้หุ้มโซฟาหรือเทคนิคตอกหมุดแบบโบราณเสริมเข้าไปก็ยิ่งช่วยเพิ่มความเป็น Vintage ได้โดยไม่ต้องหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่เลย สำหรับเก้าอี้อาจจะทำเบาะรองนั่งเย็บลูกไม้เป็นระบายกุ๊นตามขอบด้วยพู่เล็กก็ทำให้เก้าอี้ดูน่ารักมากยิ่งขึ้น
• เสริมบรรยากาศความย้อนยุค อย่าปล่อยให้ผนังบ้านลอยนวล ทาสีเน้นโทนส้มอิฐเหลืองมัสตาด ฟ้าเทอควอยซ์หรือโทนสีขาว ครีม น้ำตาล พร้อมแขวนภาพบรรยากาศบ้านเมืองในสมัยก่อนภาพเก่าๆของเราเองอาจจะเป็นภาพขาวดำที่สื่อถึงการมองกลับไปสู่อดีตที่สวยงามและบรรยากาศอบอุ่นที่เราคุ้นเคยหรือเป็นจานชามเซรามิก ลวดลายโบราณนำมาแขวนประดับไว้โดยแขวนสลับไปมาระหว่างขนาดเล็กใหญ่
• ปูกระเบื้องซีเมนต์ลายโบราณตรงพื้นที่ที่เราเน้นเป็นพิเศษ เช่นบริเวณห้องโถง ห้องรับแขก ห้องกินข้าว เป็นต้น แต่ควรเลือกโทนสีหรือลวดลายให้ดูเด่นจากผนังหรือพื้นในมุมนั้นเพื่อความเด่นหรือปูพื้นด้วยไม้ขัดสีเพิ่มอารมณ์ความเป็น Vintage หรืออาจะใช้กระเบื้องดำสลับขาวปูสลับช่องในสไตล์กึ่งโคโลเนียลก็ได้เช่นกัน
• เพิ่มรายละเอียดให้ดูมีเสน่ห์ของความเป็น Vintage ด้วยการทำช่องลมหรือช่องหน้าต่างด้วยเล็กดัดลายโบราณที่ดูสวยและแปลกตา แต่ควรทาสีให้เป็นน้ำตาลเข้ม สีสนิม ดำ ขาว ไม่ควรเป็นสีเหล็กเพราะจะทำให้แลดูโดดจากโทนสี ของสไตล์นี้ไป หรือจะใช้กระจกสีตกแต่งแบบโบสถ์คริสต์ ตกแต่งด้วยลวดลายทองเหลืองหล่อและมือจับทองเหลือง ยิ่งช่วยเสริมให้บ้านดูเป็นวินเทจหรูหราขึ้น
• จัดวางของตกแต่งกระจุกกระจิก พวกของสะสม ของเล่นสังกะสี กรอบรูปลายหลุยส์ ตามหลังตู้เตี้ยๆ โต๊ะรับแขก ตู้หนังสือ หรือนำป้ายเหล็กเก่าๆ ที่มีตัวอีกษรสวยๆมาติดหรือวางพิงผนังแบบเท่ๆก็เก๋ไปอีกแบบ
• การจับคู่สีเฟอร์นิเจอร์สไตล์ Vintage ลองคู่สีสบายตาอย่างสีฟ้าขาว น้ำตาลเหลือง ชมพูขาว ก็ช่วยสร้างสีสัน สบายตา ดูโปร่งโล่ง
|
|
|
|
|
|
เฟอร์นิเจอร์เก่าก็เก๋าแบบ Vintage ได้
• การแต่งบ้านสไตล์ Vintage มักเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่ามาใช้ในการตกแต่ง จึงทำให้ต้องมีการดูแลมากว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากวัสดุอื่นๆ เนื่องจากคุณสมบัติของตัวไม้เองที่มีความคงทนต่อความชื้นและอุณหภูมิต่ำจึงควรรักษาเฟอร์นิเจอร์ให้แห้งอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงความชื้นหรือตั้งอยู่ในบริเวณที่ฝนหรือแสงแดดส่องเข้ามาถึงควรเปิดบ้านเพื่อระบายลม
• ผ้าลูกไม้ที่นำมาหุ้มเฟอร์นิเจอร์ การทำความสะอาดที่ดีที่สุดคือซักในน้ำอุ่น ห้ามขยี้ ถ้าเป็นลูกไม้ที่สามารถซักด้วยเครื่องได้ เช่น ผ้าปูโต๊ะลินินให้ซักด้วยสปีดต่ำ ใส่ถุงตาข่ายหรือปลอกหมอนมัดปากถุงตาข่ายและปลอกหมอนจะช่วยถนอมฟ้าลูกไม้ไม่ให้เสียหายตากผ้าลูกไม้บนราว อย่าให้โดนแสงแดดโดยตรงหรือตากบนผ้าขนหนูสีขาวบนพื้นป้องกันการยับ
• โต๊ะ เก้าอี้ ที่โชว์เนื้อไม้ ใช้น้ำยาหรือสเปรย์บำรุงรักษาเฟอร์นิเจอร์มาเคลือบเพื่อป้องกันฝุ่นละอองและน้ำซึมลงในเนื้อไม้ โดยฉีดไปยังพื้นผิวที่ต้องการแล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดตามอีกครั้งเพื่อให้เฟอร์นิเจอร์สวยงามอยู่เสมอ
|
|
|
|
