travel pai2 travel pai2 kittravel pai2 kittravel pai2
kittravel pai2 kittravel pai2 kittravel pai2 kittravel pai2
kittravel pai2 kittravel pai2 kittravel pai2 kittravel pai2
kittravel pai2 travel pai2 kittravel pai2 kittravel pai2

 


                ปายเป็นเมืองที่ตั้งอยู่เกือบจะกึ่งกลางทางจากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน และเนื่องจากทาง
ค่อนข้างลำบากและโค้งไปมา ทำให้การเดินทางกินเวลานานมาก ยิ่งในสมัยก่อนใช้เวลากันเป็นวัน จึง
ทำให้ปายซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางกลายเป็นจุดแวะพัก ที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นจนสามารถพัฒนา
ตัวเองขึ้นมาเป็นเมืองท่องเที่ยวในที่สุด

                นอกจากนี้ ปายยังมีหมู่บ้านของชาวจีนฮ่ออยู่รายรอบ ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปประมาณยี่สิบปีก่อน
ปายยังเป็นแหล่งยาเสพติดที่ขึ้นชื่อ โดยเฉพาะในหมู่ของชาวต่างชาติ และเป็นที่ “รู้กัน” ของคนในพื้นที่
จนกระทั่งทางราชการได้เข้ามาจัดตั้งหน่วยรักษาความสงบในพื้นที่และได้ทำการ “ปราบ” และ “ปราม”
จนเมืองปายได้กลับมาเข้าที่เข้าทาง และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สามารถขายเสน่ห์ของตนเองได้เช่นในปัจจุบัน

 

travel pai

        เมืองอีกเมืองหนึ่งที่มีลักษณะของการเติบโตคล้ายคลึงกันในแง่ของการเป็นเมืองที่เกิดจากจุดแวะพักระหว่างทางบนหุบเขา แถมยังมีขนาดใกล้เคียงกันกับเมืองปายที่ผมเคยได้ไปมา คือ “วังเวียง” ที่อยู่ระหว่างเส้นทางจากเวียงจันทร์ไปหลวงพระบาง ในประเทศลาว ทั้งสองเมืองนี้ มีจุดที่คล้ายกันมากไม่ว่าจะเป็นลักษณะการเติบโต ขนาดของเมือง ลักษณะภูมิศาสตร์ หรือแม้กระทั่งมีแม่น้ำที่ไหลผ่านเมือง โดยของปายจะมีแม่น้ำปาย แต่วังเวียงจะมีแม่น้ำซองที่เงียบสงบและงดงาม จนบางคนถึงกับเรียกเมืองปายกับวังเวียงว่าเป็นเมืองฝาแฝด แม้ว่าจะอยู่คนละประเทศก็ตาม

        วังเวียงในปัจจุบัน มีรีสอร์ทขนาดเล็กที่สวยงามผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด มีอยู่แห่งหนึ่งที่ผมเคยไปพัก เป็นรีสอร์ทเปิดใหม่ ทำเสร็จได้ไม่เกินอาทิตย์ พวกเราจัดว่าเป็นลูกค้ากลุ่มแรกๆ ที่เข้าพัก โดยที่พักจะเป็นบ้านหลังเล็กๆ  ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ที่โดดเด่นคือห้องน้ำที่สุดแสนโรแมนติค มีขนาดใหญ่ประมาณครึ่งหนึ่งของห้องพัก และมีอ่างอาบน้ำตั้งอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่เต็มผนัง

 

 
 

 

มองออกไปจะเห็นภูเขาและแม่น้ำซอง สวยงามมาก
ที่ประทับใจที่สุด คือหน้าต่างใหญ่บานนี้ ไม่มีผ้าม่านครับผม!!!

        ผมเลยยังไม่เข้าใจจนบัดนี้ ว่าเป็นเจตนาหรืออย่างไร ห้องน้ำจึงไม่มีผ้าม่าน ลองสอบถามดู ก็เหมือนกันทุกห้อง คือไม่มีห้องไหนมีผ้าม่าน ดังนั้นเวลาอาบ ก็จะรู้สึกแปลกๆ หน่อย เพราะถ้ามีคนมายืนหน้าบ้าน ก็จะทักทายเราได้พอดี เวลาจะอาบน้ำ เลยต้องค่อยๆ นุ่งผ้าเช็ดตัว แล้วทรุดตัวลงไปในอ่าง แล้วค่อยเอาผ้าออก จึงจะอาบน้ำได้ เพราะถึงตอนนั้น คนข้างนอกก็จะมองเห็นแต่หน้าเรา ทำให้ทักทายกันไป อาบน้ำกันไปได้ สนุกดีเหมือนกัน

        อันที่จริงแล้ว หากดูจากแผนที่ ปายเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และจะอยู่ใกล้แม่ฮ่องสอนมากกว่าเชียงใหม่ แต่ถนนหนทางจากเชียงใหม่ ขับสบายและมีทางโค้งน้อยกว่ามาก พวกเราออกเดินทางจากโรงแรมอมารี รินคำ ตอนราวบ่ายสองโมง ก็ไปถึงปายประมาณห้าโมงเย็นในแบบสบายๆ

 

 

travel pai  
 

 

        ในระหว่างทางขาไป ผมก็แอบเห็นคนจอดรถ ลงไปถ่ายรูปกับหลักกิโลเมตรที่ “ปาย 69” เห็นว่าเป็นมุมฮ็อทอีกมุมหนึ่งเลยทีเดียว เสียดายที่ผมหาป้าย “ปาย 0” ไม่เจอ ไม่งั้นจะเก็บภาพมาฝาก...อิอิ... (ปาย 0 ไม่มีนะครับ ไม่ต้องไปหา)


        ถนนช่วงไปปายจะมีทางลัดจากเชียงใหม่อยู่ช่วงหนึ่งที่คดเคี้ยวแต่ลดระยะทางไปได้ราวๆ 20 กิโลเมตร ถนนสายนี้ลัดเลาะไปมาตามหมู่บ้าน และค่อนข้างสวย พวกเราเลยจอดแวะเพื่อเก็บภาพ แต่ก็ต้องรีบทำเวลา เพราะทางไม่คุ้นเคย เดี๋ยวจะไปไม่ทันมืด และที่แย่กว่านั้น คือพวกเรายังไม่ได้จองที่พักกันเลย

        แต่ด้วยนิสัยเสียประจำตัวที่แก้ไม่ได้ ก่อนเข้าเมืองปายเล็กน้อย เราก็พบกับทุ่งนาที่ค่อนข้างแล้ง มีต้นไม้ใบโกร๋นตั้งอยู่ (ภายหลังไปสอบถามชาวบ้าน เลยรู้มาว่าแถวนั้นเค้าเรียกว่า “น้ำปิง”) เลยกระซิบขออนุญาตลูกๆ ที่หลับไปแล้ว (ที่กระซิบ เพราะกลัวลูกจะตื่น) แวะลงไปเก็บภาพอีกสักสิบนาที ผลก็คือลูกๆ ตื่นมาบ่นกันใหญ่ เพราะกลัวจะหาที่พักไม่ได้

        พอเข้าเมืองปาย พวกเราก็เลยต้องไปหาที่พักก่อนเป็นอันดับแรก แต่เบลล์วิลล่าที่พักที่เราเคยไป ก็มีสภาพที่เปลี่ยนแปลงไปมาก อันเป็นผลมาจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อสองปีที่แล้ว พวกเราผิดหวังเล็กน้อย เลยขอตัวออกมาตระเวณหาที่อื่นดูก่อน เผื่อจะมีดีกว่า แต่จนแล้วจนรอด ก็หาที่พักที่ถูกใจพวกเราไม่ได้สักที ในขณะที่ฟ้าก็มืดลงเรื่อยๆ จนในที่สุดพวกเราก็เกือบจะตัดสินใจกลับมาพักที่เบลล์เจ้าเก่า

 

 
  travel pai  
 

 

        ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างพวกเรา เมื่อผมได้ขับรถมาจอดตรงตลาดหน้าสนามบินปาย ก็เห็นป้ายติดที่ต้นไม้ โฆษณาที่พักเปิดใหม่ที่ชื่อว่า “The Quarter” ผมเลยให้ภรรยาโทรไปสอบถามดู ก็ได้ราคาพอๆ กับที่เบลล์ เลยขอไปดูห้องก่อน ผมจึงขับไปถึงโรงแรมที่ตั้งอยู่ติดกับโรงพยาบาลปาย ปรากฏว่าถูกใจทั้งคุณแม่ คุณลูกๆ ทั้งสอง เพราะสถานที่ดูทันสมัย สะดวกสบาย ตกแต่งในสไตล์ Modern Tropical (ภายหลังได้ทราบมาว่า สถาปนิกผู้ออกแบบ เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับภรรยาผมอีกต่างหาก) แล้วมี WIFI ให้ใช้ฟรีด้วย เลยตอบตกลงกันได้อย่างไม่ต้องลังเลเลยทีเดียว

        พวกเราได้ห้องพักชั้นล่างอยู่ติดกัน แม้จะไม่ Connect แต่ก็ใช้ระเบียงเดียวกัน ลูกๆ ทั้งสองเลยยอมอนุญาตให้ผมและภรรยานอนห้องเดียวกันได้ ทั้งที่ปกติต้องแยกกันไปนอนประกบ เพราะเด็กๆ จะกลัวผี ซึ่งที่นี่ดีหน่อย เพราะเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อต้นปี ภรรยาผมก็เลยนอนหลับได้อย่างสนิทใจ
อันนี้มีเรื่องเล่าเสริม คือผมเคยพาภรรยาไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ครั้งหนึ่ง และโดยปกติ เธอจะไม่ยอมพักโรงแรมที่มีอายุมากๆ เด็ดขาด ยิ่งมีประวัติ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ครั้งนั้น ผมตะล่อมเธอสำเร็จ โดยบอกว่าโรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงมาก มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่สวยงาม ตั้งตระหง่านอยู่ที่เดอะบุนด์ ซึ่งเป็นที่ๆ ทุกคนต้องไปและถ่ายภาพ จัดว่าเป็นโลเคชั่นที่สวยสุดๆ เลยทีเดียว

                                                                                                                        พอไปถึงเข้าจริงๆ สภาพภายในโรงแรมดู “ขลัง” มาก เป็นโรงแรมที่ยังคงอนุรักษ์สภาพเดิมเหมือนเมื่อร้อยปีที่แล้วได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งกลิ่นอาย บรรยากาศ แถมด้วยชุดฟอร์มและหน้าตาของบริกรยังคงอนุรักษ์แบบจีนแท้แน่นอน บริการใหม่ๆ ที่เสริมเข้าไปตามยุคสมัย ก็ไม่ทำให้โรงแรมสูญเสียความเป็นเอกลักษณ์ของเซี่ยงไฮ้แต่อย่างใด และเมื่อ “ความขลัง” กอปรกับประวัติโรงแรมที่เป็นจุดศูนย์กลางของการนองเลือดเมื่อ 100 ปีที่แล้วนี่เอง ที่ทำให้ภรรยาผมนอนไม่เต็มตาเลยตลอดเวลาที่อยู่เซี่ยงไฮ้! (ส่วนผมหลับสบายทุกคืน..แฮ่)

 

 

 
   
 

 

        เอาล่ะครับ... เมื่อได้โรงแรมที่พักแล้ว พวกเราเลยมีเวลาและอารมณ์มาตกลงกันเรื่องมื้อค่ำ และพวกเราก็มีมติเป็นเอกฉันท์กันว่าจะไปทานพิซซากันในเมืองอีกด้านหนึ่ง (ตัวเมืองปายใช้เวลาขับรถจากเหนือไปใต้ แบบช้าๆ ไม่เกินห้านาที ถ้าติดไฟแดงด้วย ก็ให้เพิ่มอีกสักนาทีนึงเอ้า...) เพราะขามา เจ้าการ์มินดันพาพวกเราเข้าตัวเมืองทางพระธาตุแม่เย็น ซึ่งอ้อมกว่า และทางเล็กกว่า แถมยังต้องข้ามแม่น้ำปายด้วยทางพิเศษเพราะสะพานข้างบนยังทำไม่เสร็จ เลยต้องวิ่งลงมาด้านล่าง แล้วก็ผ่านร้านพิซซาที่ดูน่าสนใจอยู่ร้านหนึ่งตรงคอสะพาน ผมเลยหมายตาไว้ตั้งแต่เย็น พอตกค่ำก็เลยพาครอบครัวมาทานพิซซาจนได้

        พิซซาที่นี่บางแต่ไม่กรอบมาก ตามแบบฉบับอิตาเลียนพิซซา ไม่เหมือนกับพิซซาเจ้าดังที่หนานุ่มชนิดเสริมความอ้วน และคลอเรสเตอรอล ที่โปะด้วยชีสหนาสองนิ้ว แถมพันด้วยเบคอนสิบชั้นที่ขายกันโครมๆ ในตัวเมือง ซึ่งไม่ค่อยถูกกับผมและภรรยาสักเท่าไร

 

 
 

       เจ้าของร้านที่นี่น่าจะเป็นฝรั่ง แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นอิตาเลียนด้วยหรือไม่ ที่แน่ๆ คือแม่ครัวเป็นชาวจีนฮ่อ ทำพิซซาใส่ชีสที่ทำจากนมควายให้เรานั่งทานกัน ก็อร่อยดี เสียแต่ผมรู้สึกว่ากลิ่นชีสจะแรงไปหน่อย ไม่รู้ว่าอุปาทาน หรืออย่างไร เพราะชีสพวกนี้ ก็ทานออกบ่อย แต่พอเขียนในเมนูว่าเป็น “ชีสควาย” เลยอร่อยน้อยไปลงไปเยอะเลย

       เสร็จธุระกับร้านพิซซาแล้ว พวกเราก็ออกมาเดินเล่นในเมือง ถึงตอนนั้น พวกเด็กๆ ก็เริ่มงอแงอยากกลับไปนอนในโรงแรมแล้ว เพราะดูท่าแล้ว คงไม่มีอะไรให้เล่นสนุกๆ เป็นแน่ ผมเลยต้องหว่านล้อมให้มาสัมผัสกลิ่นของเมืองปายยามค่ำสักหน่อย แต่ดูเหมือนฟ้าจะเป็นใจให้กับลูกๆ ของผม เพราะเดินไปถึงร้านหนังสือ (จำชื่อไม่ได้ แต่มีอยู่ร้านเดียว ไปก็หาเจอครับ) ไฟก็ดับลงทั้งเมือง พวกเราเลยต้องเดินกลับ

       แต่ก็อีกแหละครับ ระหว่างทาง ผมก็เก็บภาพปายยามไฟดับมาได้อีกเช่นกัน...

 
travel pai  
     
 

 

-- Isyss --

   
 

 

 

 

 

 
Home | About Bareo | News & Events | Art of Design | Decor Guide | The Gallery | Living Young | Talk to Editor | Links
 
บริษัท บาริโอ จำกัด
50 ซอยบรมราชชนนี 4 ถนนบรมราชชนนี เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 Tel. 66 2881 8536-7 Fax. 66 2881 8538
house servic, decoration design home architect architecture interior design designer homeplan residential furniture family decorat building build planning cost news information structure arch drawing apartment idea bangkok develop foreman เฟอร์นิเจอร์ การซ่อมแซมบ้าน วัสดุแต่งบ้าน ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องอาหาร ออกแบบ ตกแต่งภายใน ออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ บ้านสวย มัณฑนากร สถาปัตย์ ตกแต่ง บารีโอ บริการ ปรึกษา รับสั่งผลิตเฟอร์นิเจอร์ตามแบบ รับเหมาตกแต่ภายใน วรวุฒิ ธรรมกุลางกูร มยุรี ธรรมกุลางกูร