หล่องปั๊น หลองเหล่า                               หมั่นเหลยโทวโทวกงโสยเหว่งปั๊ดเย่า
            โทวจนหลิว ซอยก๊านสี่                            หวั่นจกโทว โทวยัดพีนฉิวเหล่า

 

            เสียงเพลงที่เคยโด่งดังในอดีต ถ้าเทียบกับปัจจุบันต้องบอกว่าติด Top 5 เลยก็ว่าได้ เป็นสิ่งแรกที่ hana รู้จัก เซี่ยงไฮ้ และหนังเรื่องนี้เอง เรื่อง "เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้" ที่เคยดูตั้งแต่เด็กๆ และจากมาดเจ้าพ่อสุดเท่ห์ของพระเอกในเรื่องมาตลอด เป็นซี่รี่ย์ของหนังฮ่องกงในยุคแรกๆ ที่ทำให้เราๆ ท่านๆ ติดกันงอมแงม และยังส่งให้ดารานำอย่างโจวเหวินฟะเป็นที่รู้จักกันทั่ว และเป็นเรื่องที่ทำให้เด็กๆ ในบ้านเราต้องมีอาวุธคู่กายคือปืนพลาสติก เรียกได้ว่า ปืนฟีเวอร์ค่ะ

 

 

 
 
 
 

 

 


            เซี่ยงไฮ้มีแม่น้ำหวงผู่คั่นกลางทำให้เมืองนี้เหมือนเมืองอกแตก และเป็นตัวแบ่งเขตเมืองเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ เขตเมืองเก่าและเขตเมืองใหม่ โดยเมืองเก่านั้นเรียกว่าฝั่งผู่ซี่ (Puxi) และฝั่งเมืองใหม่เรียกว่าฝั่งผู่ตง (Pudong)

 

            ส่วนฝั่งเมืองเก่าผู่ซี่นั้น เป็นย่านที่มีอาคารสไตล์ยุโรปงดงามที่มีความเก่าแก่กว่าร้อยปีตั้งเรียงรายอยู่บนถนนริมแม่น้ำหวงผู่ อาคารเหล่านี้เป็นอาคารที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยที่เซี่ยงไฮ้ยังเป็นเขตเช่าของประเทศต่างๆ ปัจจุบันก็ใช้เป็นโรงแรม เป็นที่ทำการธนาคารแห่งชาติหลายๆ แห่ง รวมไปถึงยังเป็นที่ทำการกงสุลไทย และธนาคารกรุงเทพ สาขาเซี่ยงไฮ้ของเราด้วย ย่านนี้นี้เรียกกันว่า "The Bund" หรือ "หาดไว่ทัน" เป็นส่วนที่เราใช้เป็นทางผ่านแบบโฉบไปกับโฉบมาค่ะ

 

 

 
   
 

 

 

            เราเข้าเช็คอินที่โรงแรมชาร์ม(charm) จริงๆ มีชื่อจีนอีกชื่อ แต่จำไม่ได้ค่ะ โรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับถนนหนานจิง (หนานจิงลู่)ฝั่งตะวันตก เพื่อความสะดวกในการเดินเล่นทุกค่ำคืนบนถนนหนานจิงที่เราพักอยู่ในมหานครนี้ เข้าที่พักล้างหน้าล้างตาห้องพักที่จองมาเป็นแบบ standard แบบเพิ่มเตียงเสริม พอเอาเข้าจริงเรากลับได้ห้องพิเศษกว่า เพราะมีชุดโต๊ะกินข้าว pantry และชุดรับแขกแยกออกจากห้องนอน..อันนี้ surprise ค่ะ ส่วนอีกห้องก็ surprise เหมือนกันค่ะ แต่เป็น surprise แบบแย่ เพราะห้องเล็กกว่า ครึ่งงหนึ่ง แล้วทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่  พี่ maya และ isyss จึงต้องท่องคำว่าอดทนก่อน 1 คืนค่ะ(เพราะตอนนี้มัน จะตี 1 อยู่แล้ว)  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นห้องที่ดีกว่าและใหญ่กว่า มุมวิวก็ดีกว่าในวันรุ่งขึ้นค่ะ

 

 

 
 
 
 


            วันรุ่งขึ้นเราสตาร์ทกันด้วยสวนอวี้หยวน(Yuyuan Area) เป็นสวนของเศรษฐีในสมัยก่อน เช้านี้เราสร้างความตื่นเต้นด้วย การที่ Brinky ลืม walky-talky ไว้ในรถ taxi พี่ maya จึงเอา walky-talky อีกตัวเรียกไป พี่คนขับ Taxi ดีมากๆ ขับรถวนมาอีกรอบและนำ walky-talky มาคืนโดยเราจ่ายค่ารถที่เค้าวนมาให้ไป 20 หยวนค่ะ เมื่อประสาทเริ่มตื่นตัว เราก็เคลื่อนขบวนเข้าไปที่สวนอวี้หยวน


             บริเวณของ สวนอวี้หยวน(Yuyuan Area)แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันค่ะ คือส่วนของ บาซาร์(Yuyuan BaZaar) และส่วนของสวนอวี้หยวน(Yuyuan Area) เราวางแผนกันว่าจะแยกย้ายกันเดินเล่น แล้วมาเจอกันที่ร้านเสียวหลงเปาสุดอร่อยที่อยู่ตรงกลางก่อนทางเข้าสวนอวี้หยวนจริงๆ ชื่อร้าน NanXiang Streamed Bun Restaurant


            บาซาร์(Yuyuan BaZaar) คืบริเวณโดยรอบของสวนอวี้หยวนบริเวณนี้เรียกด่าประกอบไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบโบราณ บ้านจีนโบราณและใช้ไม้ย้อมสีแดง.. แต่เป็นที่ตั้งของร้านค้าและศูนย์การค้า เรียกได้ว่าคลาสิคมากค้า.. ใครจะนึกคะว่ามีร้าน fast food ทันสมัยต่างๆด้วย เช่น KFC Dairy Queen หรือมีแม้กระทั้ง Starbucks Coffee ค่ะ เก๋ไม่หยอกใช่ไหมค่ะ Starbucks Coffee เวอร์ชั่น China.. นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังเป็นศูนย์รวมของฝากอีกด้วยค่ะ (แต่ราคาค่อนข้างสูงนิดหนึ่งค่ะ ใครไม่มีเวลาหซื้อ ซื๊อจากที่นี่เก็บไว้ได้ค่ะ)

 

 
   
 

 

 

            แม้ว่าคนค่อนข้างเยอะ มีทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่ร้านเสียวหลงเปาที่นัดหมายก็ตั้งเด่นริมสระน้ำ สังเกตุได้จากร้านที่มีคนต่อแถวยาวมาก เราต่อแถวกันเกือบชม. ก็พอดีเที่ยงก็ได้ทานอาหารเที่ยงค้า..


             เมนูยอดฮิตที่มาแล้วต้องสั่งเสี่ยวหลงเปา สั่งแบบลูกเล็ก (เท่าๆ กับเสี่ยวหลงเปาของไทยค่ะ) มากินเป็นออเดิร์ฟ ก่อน มีหลายไส้ กินแล้วก็รู้สึกว่าอร่อยมากแล้ว และแล้วพนักงานที่เสริฟอย่างว่องไวก็ยกเสี่ยวหลงเปาแบบลูกโตมาเสริฟ(เมนูที่รอคอย)คนละ1 ลูก โดยจะมีหลอดเจาะไว้ให้เราสามารถดูดน้ำจากตรงกลางให้หมดก่อนจะกินเปาและไส้ที่เหลือค่ะ เวลาดูดน้ำต้องระวังเพราะร้อนมาก แต่ก็อร่อยมาก...ขอบอก (หรืออารมณ์หิวก็ไม่แน่ใจ ค่ะ) แต่ที่แน่ๆ คือมีการโชว์วิธีการทำเสี่ยวหลงเปาให้คนกินสามารถมองตู้กระจกเห็นบรรยากาศการห่อ การทำเสี่ยวหลงเปาด้วยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งไว้เรียกคนเข้าร้านได้ค่ะ


 

 

 
   
 

 


             ออกจากร้านเสี่ยวหลงเปาต้องเดินข้ามสะพานเก้าโค้ง(Zigzag Bridge หรือ Bridge of Nine Turning) สะพานเก่าแก่เพื่อผ่านบึงน้ำที่มีปลาสีสันสวยงามว่ายอยู่เบื้องล่าง เพื่อเดินเข้าประตูของสวนอวี้หยวนด้านหน้าค่ะ


สวนอวี้หยวน (Yuyuan Garden)
            
เป็นสวนที่แสดงถึงสถาปัตยกรรมของจีนแบบโบราณเดิมใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจส่วนตัวของตระกูลผัน(ผันตุ้นหยวน) สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1577 โดยใช้เวลาในการสร้างนานถึง 18 ปี และได้รับการปรับปรุงอีกครั้งใน 400 ปีถัดมา มีการปรับปรุงต่อเติมเพิ่มขึ้น โดยให้คงบรรยากาศและองค์ประกอบโดยรวมไว้ สวนอวี้หยวนมีพื้นที่ 200,000 ตารางเมตร มี spots ถึง 40 spots ด้วยกัน แต่เราจัดกรุ๊ปเด่นๆ ได้เป็น 6 ส่วนด้วยกัน คือ

 

 
   
 

 

 


             1.
Grand Rockery คือส่วนที่โชว์สวนหินที่มีความสวยงามของกินหลากหลายแบบ มีทั้งการจำลองหน้าผา และหุบเขา นอกจากนี้ยังมีหินก้อนที่โดดเด่น คือก้องที่มีรูเต็มไปทั้งก้อน บอกกันว่าช่องตามหินต่างๆ นี้สามารถนับได้ทั้งหมด 72 ช่องด้วยกัน และยังสามารถเทน้ำจากด้านบนน้ำสามารถไหลผ่านถึงกันได้ทุกช่องอีกด้วย


             2. The Ten Thousand – Flower Pavilion เป็นสวนที่เต็มไปด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ รวมถึงไม้ยืนต้นอย่างต้นกิงโกะที่มีอายุยืน 400 ปี ส่วนนี้จะล้อมรอบด้วยกำแพงสูงสีขาวเหนือกำแพงเป็นมังกรที่เลื้อยยาวอยู่รอบสวน เชื่อกันว่าเพื่อปกป้องดูแล  และหากใครไม่เคยเห็นดอกคามิเลียก็สามารถชมได้ที่นี่เช่นกัน ตอนที่ไปมีสีขาวไม่แน่ใจว่ามีสีอื่นอีกหรือเปล่า

 
             3. The Hall of Heralding Spring ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของสวนเป็นที่จัดแสดงอาวุธและเหรียญเกษาปณ์

             4. The Hall of Jage Magnificence เป็นหอแดง เพราะสร้างจากไม้เนื้อแดงทั้งหลัง มีรายละเอียดที่อ่อนช้อยแสดงถึงสถาปัตยกรรมแบบจีนได้อย่างเด่นชัด

 

 
   
 

 


             5. The Inner Garden เป็นสวนหย่อมขนาดย่อมๆ ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1956 เป็นสวนที่มีลักษณะของการผสมผสานกันระหว่างตะวันออกและตะวันตก

             6. The Lotus Pool หรือ บึงดอกบัว ที่เต็มไปด้วยปลาหลากสีสันแหวกว่ายอยู่ภายในบึง

             มีคนบอกว่าหากไม่มีโอกาสไปเที่ยวสวนที่เมืองซูโจว มาที่นี่ก็เหมือนได้ไปแล้วค่ะ เพราะเค้าจัดแบบย่อส่วนกันมา เพราะมีแม้กระททั่งโรงงิ้ว  เอ..อันนี้ไม่แน่ใจว่าปกติจะมีแสดงจริงหรือเปล่า แต่ที่มีแน่ๆ คือมีให้เช่าชุดงิ้วถ่ายรูปด้วย

             สำหรับ hana ชอบการวางแปลนของส่วนต่างๆ ของสวนได้อย่างลงตัว ทุกส่วนของสวนสามารถเดินถึงกันได้อย่างไม่ต้องกลัวหลง สามารถจัดส่วนต่างๆ ของสวนให้เป็นกลุ่มและเป็นพวกกันอย่างดี ที่ชอบที่สุดคงเป็นห้องทำงานที่ตั้งอยู่บนเนินเป็นมุมที่สามารถมองลงมาเห็นส่วนต่างๆ ของสวนได้โดยไม่มีอะไรมาบังทัศนียภาพ ทำให้สามารถชมสวนได้ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนค่ะ

 

 
   
 

 


             พวกเราอำลาสวนอวี้หยวนพร้อมๆ กับแสงสุดท้ายของวันกันทีเดียว ขากลับคนออกมารอรถ taxi เยอะมาก สมาชิกทั้ง 5 เลยลงความเห็นกันว่าลองเดินกลับไปที่ถนนหนานจิง (หนานจิงลู่) กันดีกว่า เพราะจากระยะทางที่นั่งมาตอนเช้าแป๊ปเดียวเอง อีกอย่างคนที่นี่ก็บอกว่าใกล้นิดเดียว เพราะหากรอเรียก Taxi คงไม่มีหวัง และด้วยภาษาจีนที่มีน้อยนิด กับผู้คนแถวๆ นี้คงก็เร่งรีบจึง ตอบเราด้วยการชี้ไปทางขวาและบอกตัวเลขเร็ว ที่ตะแคงหูฟังไม่ทัน เลยสรุปกันว่าเดินไปทางขวาคงไม่นาน พอเดินๆ ไป ชาวลูกเสือเก่าก็มองหาตึกสูงที่มีไฟกระพริบเป็นตั้งอยู่แถบถนนหนานจิง มองเท่าไหร่ก็เจอ มีคีอ๊อตขายของชำอยู่ตรงป้ายรถเมล์ เราจึงเดินเข้าไปถาม อีกครั้ง ได้ความว่าเราเดินมาผิดฝั่ง ต้องเดินย้อนกลับไปทางเก่า แค่ได้ฟังชาวสมาชิกก็ร้องโห..คุณป้าคงฟังภาษาจากเสียงที่โอดครวญ จึงบอกให้นั่งรถเมล์ก้ได้ ครั้งนี้จึงสรุปกันว่านั่งรถเมล์กลับละกัน คุณป้าที่ขายก็แสนดี พอมีรถที่ไปได้ก็ตะโกนเรียกให้ขึ้นรถ


             รถเมลที่นี่ทันสมัยเชียวหน้าตาเหมือนรถปรับอากาศที่เพิ่งมาวิ่งในบ้านเรา แต่ที่ทันสมัยกว่าจะมีเสียงตามสายประกาศวาถึงป้ายไหนแล้ว เราขึ้นรถเมล์ไป 2 ป้ายก็ถึงที่หมาย คือหัวถนนหนานจิงฝั่งตะวันตก เราจึงสรุปได้วาคนที่เดินเก่งมาก ระยะทางแค่ 2-3 ป้ายรถนี่เค้าเดินกันไม่มีใครนั่งรถกันหรอก


            
เป้าหมายของถนนหนานจิงในคำคืนนี้คือ ร้านอิจิเซ่นราเมน เราจะไปดินเนอร์ท่ามกลางอากาศที่ 2 องศาด้วยบะหมี่แสนอร่อยชามโตค่ะ...

 
     
 

 

-- Hana --

 

 

   


บริษัท บาริโอ จำกัด

50 ซอยบรมราชชนนี 4 ถนนบรมราชชนนี เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700   Tel. 66 2881 8536-7   Fax. 66 2881 8538