สวัสดีค่ะ รำเพยกลับมารับใช้ทุกท่านอีกครั้งตามคำสั่งของพี่ Isyss เจ้านายใหญ่ ที่ลงมาช่วย บ.ก. Hana คุมเรื่อง Website เนื่องด้วยปริมาณงานของเราที่เติบโตขึ้นทุกวันๆ ทำให้ บ.ก. Hana ต้องไปช่วยบริหารงานโครงการด้วย จึงมีเวลาในการดูแล Website น้อยลงมาก โดยคราวนี้ พี่ Isyss ได้มอบหมายให้รำเพยมาพูดถึงจุดสำคัญของบ้านอีกจุดหนึ่ง ที่มักถูกมองข้ามไปเสมอๆ ทั้งๆ ที่เป็นจุดที่สำคัญจุดหนึ่ง นั่นก็คือประตูทางเข้าบ้านค่ะ

ต้องยอมรับว่า ในปัจจุบัน หากท่านจะเลือกที่อยู่อาศัยสักแห่งหนึ่ง รับรองว่าเกือบจะ 100% ที่บ้านจัดสรรและ ห้องชุดในคอนโดมิเนียมต่างๆ จะเป็นตัวเลือกแรกๆ ของทุกท่านเสมอ ซึ่งบ้านจัดสรร รวมทั้งห้องชุดเหล่านี้ มักจะมีประตูหน้าบ้านแถมมาให้อยู่แล้ว และก็มีหน้าตาที่เหมือนๆ กันหมดทุกยูนิต ทำให้เจ้าของบ้านหลายต่อหลายท่าน เลยไม่ได้สนใจในความสวยงามของเจ้า “ประตูหน้าบ้าน” กันมากนัก

ส่วนลูกค้าอีกกลุ่มที่เลือกใช้บริการรับสร้างบ้าน หรือจ้างสถาปนิกให้มาออกแบบบ้าน แม้ว่าจะมีโอกาสเลือก ได้มากกว่ากลุ่มแรกก็ตาม แต่ก็มักจะอยู่ในสภาพคล้ายๆ กัน คือผู้ออกแบบมักจะมีแบบประตูมาตรฐานมาให้เสร็จสรรพ เจ้าของบ้านส่วนใหญ่ จึงมองข้ามและไม่ได้สนใจในจุดนี้มากนัก ทั้งๆ ที่รำเพยว่า จุดนี้ ถือเป็นจุดสำคัญมากๆ จุดหนึ่ง ที่จะบ่งบอกรสนิยม และบุคลิกลักษณะของเจ้าของบ้านได้อย่างอิสระและชัดเจนมากๆ โดยที่ ผู้ที่ผ่านไปมา ไม่จำเป็นต้องเดินเข้าไปในตัวบ้านเลยด้วยซ้ำ

เวลารำเพยไปเที่ยวยังประเทศต่างๆ รำเพยก็มักจะไปดูประตูบ้านแบบแปลกๆ และถ่ายรูปเก็บกลับมาเป็นที่ระลึก เสมอๆ ซึ่งประตูบ้านของแต่ละประเทศก็จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน อย่างเช่นที่ปารีส หรือในเวนิส บานประตูถือเป็น หน้าตาของเจ้าของบ้านเลยทีเดียว ประตูบางบานถูกออกแบบให้ใช้งานได้ทนทาน และมีอายุยืนยาวเป็นร้อยปี ทำให้เวลาที่รำเพยเดินผ่านประตูเหล่านี้ ต้องอดทึ่งไม่ได้ กับความตั้งใจของผู้ออกแบบ และริ้วรอยของประตูที่ผ่านการใช้งาน มานับร้อยปี

จะว่าไป ในปัจจุบันนี้ ที่บาริโอก็มีบริการออกแบบประตูหน้าบ้านให้กับลูกค้าของเราเป็นส่วนใหญ่ เพราะลูกค้ามักจะ ไม่พอใจกับหน้าตาแบบ “มาตรฐาน” ที่ทางสถาปนิกได้จัดมาให้ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของบาริโอ ก็มักจะต้องการให้มีความสวยงาม เท่ากัน และเข้ากันได้ทุกจุด รวมถึงประตูหน้าบ้านด้วย

ซึ่งในการออกแบบประตูทางเข้าหน้าบ้านนี้ รำเพยก็ได้ไป “แอบ” จำมาจากบรรดา Senior Interior Designer ทั้งหลาย แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังว่ามีเคล็ดลับหรือข้อควรรู้ก่อนการเลือกประตูทางเข้าบ้านอย่างไรบ้าง แล้วก็นำมาถ่ายทอดให้ ทุกท่านได้ทราบกันในบทความนี้เลยค่ะ

เริ่มต้นจากการเลือกชนิดประตูทางเข้าบ้าน ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน ประตูทางเข้าบ้านมีหลากหลายชนิดให้เลือก และแต่ละชนิดก็มีความเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ ประตูบานไม้จริง ประตูบานไม้อัด ประตูพลาสติก ประตูกระจกกรอบอลูมิเนียม ประตูกระจกบานเปลือย ประตูแผ่นเหล็ก ไปจนถึงประตูเหล็กหล่อ เป็นต้น สำหรับวันนี้ รำเพยขอเล่าเฉพาะเรื่องประตูบานไม้จริงอย่างเดียวนะคะ เพราะเป็นประตูชนิดที่รำเพยชอบมากที่สุด ด้วยเหตุที่มีแบบให้เลือกหลากหลาย และเป็นประตูชนิดแรกๆ ที่มนุษย์รู้จัก อีกด้วยค่ะ

ประตูบานไม้จริง เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของประตูหน้าบ้าน โดยเฉพาะในเมืองไทยเรา ด้วยเหตุที่บ้านเรามีไม้ให้ เลือกใช้มากมาย และราคาไม่แพง (เมื่อเทียบกับในต่างประเทศ) บานไม้จริงจึงเป็นกลายเป็นสินค้ายอดฮิตของเจ้าของบ้าน แต่อย่างไรก็ดี ตัวบานไม้จริงนี้ก็มีราคาที่แตกต่างกันออกไปตามคุณภาพ ซึ่งการเลือกบานไม้จริงก็กลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก สำหรับเจ้าของบ้านมือใหม่ด้วยเช่นกันค่ะ

สำหรับรำเพย มีข้อแนะนำเกี่ยวกับประตูบานไม้จริงไว้นิดหน่อย คือเจ้าประตูบานไม้จริงนี้ แม้ว่าจะสามารถทนทาน ต่อแสงแดดและสายฝนของบ้านเราได้บ้าง แต่ก็ไม่เหมาะสมกับการติดตั้งประตูในที่ที่โดนแดดจัดเต็มวัน หรือโดนฝนสาดหนักๆ เพราะบานประตูไม้จริงจะมีการยืดและหดตามสภาพอากาศ ซึ่งหากอยู่ในสภาพอากาศแบบบ้านเรา จะทำให้อายุการใช้งานของ บานไม้จริงลดลงอย่างมากค่ะ

ซึ่งหากเจ้าของบ้านต้องการติดตั้งบานไม้จริงในตำแหน่งที่รำเพยกล่าวไปในย่อหน้าที่แล้ว ก็จำเป็นจะต้องเลือก บานประตูที่ทำจากไม้ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศในบ้านเรา ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นไม้สัก และไม้จำพวกไม้โอ๊ค ไม้สน ไม้มะฮอกกะนี ที่อบให้แห้งสนิท (มีความชื้นไม่เกิน 8%) ก่อนขึ้นรูป จากนั้นก็ทาเคลือบน้ำยารักษาเนื้อไม้อย่างดีทั้งบาน รวมทั้งบริเวณสันประตูทั้งหมด เพื่อช่วยให้ตัวไม้สามารถรักษาความชุ่มชื้นภายในได้นานที่สุด

นอกจากนี้ ตัวบานไม้จริงเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นระยะๆ โดยหากเป็นบานที่ติดตั้งในจุดที่โดดแดด ลามเลียหนักๆ ก็อาจจะต้องทาน้ำยารักษาเนื้อไม้บ่อยหน่อย เช่น ปีละครั้ง หรือสองปีครั้ง ในขณะที่บานที่อยู่ในร่ม และโดนแดดบ้าง ความชื้นก็ไม่มากนัก อาจจะทาน้ำยารักษาเนื้อไม้เพียงแค่ 2-3 ปีต่อครั้งหรือนานกว่านั้นก็ได้ค่ะ

สำหรับแบบของบานประตูก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของเจ้าของบ้านและผู้ออกแบบ ซึ่งจุดที่ต้องระวัง ก็คงไม่พ้นขนาด และความหนาของชิ้นไม้ที่ใช้เป็นกรอบประตู เพราะกรอบประตูจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของการรับน้ำหนักตัวบานทั้งหมด หากกรอบประตูบิดเบี้ยว หรือรับน้ำหนักของตัวบานเองไม่ได้ ประตูก็จะเสียหายและใช้การไม่ได้ ทั้งนี้ ทาง Designer ก็ได้ แนะนำรำเพยมาว่า กรอบบานที่ดีควรมีความกว้างไม่น้อยกว่า 4 นิ้ว และหนาไม่น้อยกว่า 40 มิลมิเมตร (หรือ 4 ซม.) โดยกรอบที่ใช้ติดตั้งลูกบิดประตูหรือมือจับชนิดก้านโยก พร้อมชุดล็อค ควรจะมีความกว้างของชิ้นไม้ ไม่น้อยกว่า 5 นิ้วค่ะ

และบานประตูที่มีราคาแพงๆ หรือที่ออกแบบดีๆ ก็จะมีกรอบไม้ชิ้นล่างที่กว้างเป็นพิเศษ ตั้งแต่ 5-6 นิ้ว เพราะเจ้ากรอบล่างนี้ นอกจากจะใช้รับน้ำหนักแล้ว ยังอาจจะต้องเสียหน้าไม้ไปตอนที่ปรับตั้งตัวบ้านอีกด้วยค่ะ

นอกจากตัวบานที่เป็นพระเอกของเรื่องนี้แล้ว เจ้าอุปกรณ์ Hardware ที่เลือกใช้สำหรับบานประตูก็มีความสำคัญ ไม่แพ้กัน โดย Hardware ที่ว่าได้แก่ บานพับ และอุปกรณ์ลูกบิดหรือมือจับก้านโยก

บานพับประตูในปัจจุบัน เราเรียกว่า บานพับผีเสื้อ จะมีขนาดที่แตกต่างกัน เช่น 3x4 นิ้ว หรือ 4x4 นิ้ว ไปจนถึง 4x6 นิ้ว ซึ่งขนาดที่ว่านี้ จะเรียกตามขนาดของตัวบานพับเมื่อกางออก โดยตัวเลขตัวแรกจะหมายถึงความกว้างของบานพับรวม ทั้งสองข้าง ซึ่งตัวเลขนี้ จะใช้บอกว่าบานพับนี้เหมาะกับบานประตูที่มีความหนาแค่ไหน โดยบานพับขนาด 3 นิ้ว มักจะใช้กับบานประตูที่มีความหนาไม่เกิน 1 ? นิ้ว หรือ 37.5 มม. ในขณะที่บานพับขนาด 4 นิ้ว จะสามารถรับน้ำหนัก บานประตูที่มีความหนาได้ตั้งแต่ 40 มม.ไปจนถึง 50 มม. เป็นต้น 

ส่วนตัวเลขที่สองจะหมายถึงความสูงของบานพับ โดยตัวเลขตัวนี้ หากยิ่งเยอะก็จะสามารถรับน้ำหนักตัว บานประตูได้ดีขึ้นเช่นกันค่ะ

โดยปกติแล้ว บานประตูบานไม้จริงขนาดมาตรฐาน คือกว้างไม่เกิน 90 ซม. และสูงไม่เกิน 2.20 เมตร จะต้องติดตั้งบานพับขนาด 4x4 นิ้ว อย่างน้อย 4 ตัว แต่ถ้าเราเลือกใช้บานพับใหญ่ขึ้น เช่น บานพับขนาด 4x6 นิ้ว จำนวน 3 ตัว ก็เพียงพอสำหรับการรับน้ำหนักแล้วค่ะ

เทคนิดในการติดตั้งบานพับ ก็สำคัญเช่นกันค่ะ เพราะในหมู่บ้านจัดสรรส่วนใหญ่ ช่างมักจะติดตั้งบานพับขนาด 4x4 นิ้ว จำนวน 4 ตัว โดยแบ่งเฉลี่ยเท่าๆ กัน ซึ่งเป็นการติดตั้งที่ไม่ค่อยจะถูกต้องนัก เพราะตามหลักของโมเมนตัม (ฟังพี่ Isyss เล่ามาอีกทีค่ะ) บานประตูที่แขวนขึ้นไปที่วงกบแล้ว จะหมุนเข้าหาวงกบเสมอ (ดูจากภาพ) โดยจุดที่รับน้ำหนักมากที่สุด คือครึ่งบนของบานประตู ในขณะที่ครึ่งล่างจะไม่ได้รับน้ำหนัก แต่จะทำหน้าที่ค้ำบานให้ได้ระยะเท่านั้น

ดังนั้น หากติดบานพับกับบานประตูแบบนี้ พี่ Isyss แนะนำให้ติดบานพับที่ครึ่งบนของตัวบานมากกว่าครึ่งล่าง เพื่อช่วยในการรับน้ำหนัก และจะทำให้การเปิดปิดประตูลื่นไหลและสะดวกขึ้นกว่าการติดบานพับแบบเฉลี่ยด้วยค่ะ

เอาล่ะค่ะ ดูเหมือนว่ารำเพยจะเผลอใช้หน้าเพจเกินไปอีกแล้ว คงจะเล่าเรื่องของลูกบิดประตู และมือจับก้านโยกพร้อม ชุดล็อคที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันไม่ทันแล้วล่ะค่ะ เอาไว้เดือนหน้า รำเพยจะมาฝอยให้ฟังต่อสำหรับเรื่องนี้ก็แล้วกันนะคะ
สำหรับเดือนนี้ รำเพยก็ขอแสดงความยินดีกับทีมงานของบาริโอที่ได้มีโอกาสได้แสดงฝีมือ ตกแต่งห้องแต่งตัวของ Lady GaGa จนได้รับคำชมเชยทั้งจากฝ่ายบริหารของ BEC Tero และผู้จัดการส่วนตัวของ Lady GaGa เองด้วยค่ะ รำเพยก็ขอให้บาริโอของพวกเราได้ก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ และอยู่กันอย่างสนุกสนานแบบนี้ไปอีกนานเท่านานนะคะ...

By รำเพยรำพัน