head pattern129 2 home top top124  
editor  
newproject  
decor  
design  
living  
healthy  
back  
ded124  
youtube124  
facebook124  
               
 

 

      ทวีปยุโรป ถือเป็นดินแดนแห่งศิลปะ สถาปัตกรรม และสิ่งก่อสร้างที่สวยงามต่างๆมากมาย เมื่อพูดถึงทวีปยุโรปก็พลาดไม่ได้ที่จะพูดถึงความสวยงามของสถาปัตยกรรม ที่ยังคงเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเปิดให้เยี่ยมชมสำหรับทวีปยุโรป ซึ่งสำหรับเดือนนี้เราได้นำสถานที่ท่องเที่ยวทางสถาปัตยกรรมที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนดินแดนยุโรป


      ทำไมถึงต้องเป็น 10 สถานที่นี้หลายคนยังสงสัย เพราะสถานที่ที่ทางเรานำมาฝากคนรักการออกแบบตกแต่งภายในทุกคนถือเป็นที่โด่งดัง และขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม และประวัติที่ชัดเจน ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนทวีปยุโรปคุณก็ไม่ควรพลาดสถานที่ดังต่อไปนี้

 

สถานที่ที่ 1 สนามกีฬากรุงโรม  Colosseum of Rome

 

top1

https://wanderwisdom.com/travel-destinations/places-to-visit-when-going-to-Rome-Italy

 

      สนามกีฬากรุงโรม หรือ Colosseum of Rome ตั้งอยู่ที่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี ซึ่งปัจจุบันยังเปิดให้เยี่ยมชมได้ และเป็นที่โด่งดังสำหรับคนทั่วโลก


      โคลอสเซียม (Colosseum) เป็นอนุสรณ์ที่ใหญ่ของอาณาจักรโรมัน ได้สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 615 ถึง 623 ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีมาอย่างยาวนานเป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่มีชื่อเสียงที่สุด และมีราคาแพงที่สุดในสมัยนั้น


      โคลอสเซียมมีการสร้างโดยตัวสนามสร้างมีรูปเป็นตึกวงกลมก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ วัด สูง 57 เมตร มี 4 ชั้น ภายในมีอัฒจันทร์สำหรับคนนั่งดู สามารถบรรจุคนดูได้ประมาณ 80,000 คน ภายใต้อัฒจันทร์ และภายในชั้นใต้ดินมีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต และมีห้องสิงโต จำนวนมาก เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับให้นักโทษ ต่อสู้กับสิงโตผู้หิวโหยที่อดอาหาร เมื่อนักโทษผู้ใดสามารถเอาชนะ หรือฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าก็ถือได้ว่าเป็นผู้รอดชีวิต นอกจากนี้โคลอสเซียมได้สร้างไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในด้านการฟันดาบของบรรดาเหล่าทาส ซึ่งทาสเหล่านี้จะต่อสู้กันเองซึ่งถ้าสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมและยกย่องกันมา และจัดขึ้นในทุกๆปี ในแต่ละปีต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคนถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว


      โคลอสเซียมจึงเป็นสนามกีฬาที่โด่งดังเป็นอย่างมาก และเป็นสถานที่ก่อสร้างที่แสดงถึงความเจริญ และโด่งดังของอาณาจักรโรมันโบราณ แต่เมื่ออาณาจักรโรมันได้เสื่อมถอยลง ทำให้ข้าศึกโจมตีอย่างหนักหลายครั้งหลายคลาว สภาพของสนามกีฬากรุงโรม ก็ได้เหลือเพียงซากไว้ แต่ยังคงความสมบูรณ์ทางโครงสร้างไว้ให้เยี่ยมชมในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังถือได้ว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย

 

สถานที่ที่ 2 หอเอนเมืองปิซา หรือ Leaning Tower of Pisa

 

top2

http://cheapvacationholiday.com/leaning-tower-of-pisa/

 

      หอเอนเมืองปิซา ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) ประเทศอิตาลี ในทวีปยุโรป ปัจจุบันยังเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และให้ผู้ที่ไปเยี่ยมเยียนอิตาลีได้เข้าเยี่ยมชม


      หอเอนแห่งเมืองปิซา เป็นหอคอยที่สร้างด้วยหินอ่อนมีรูปทรงที่แตกต่าง พิศดาร มีความสูงประมาณ54 เมตร หรือ 181 ฟุต มีจำนวน8 ชั้น ภายในแต่ละชั้นจะมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายที่วิจิตร งดงามหอเอนปิซาสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1717 (ค.ศ. 1174) ใช้ระยะเวลาในการสร้างที่ยาวนาน เนื่องจากภายในต้องหยุดการก่อนสร้าง และต่อมาได้ออกแบบใหม่ทำให้สามารถก่อสร้างต่อไปได้ และหลังจากนั้นก็ต้องหยุดสร้างอีกหนึ่งครั้งเนื่องจากการเกิดสงคราม การสร้างหอเอนเมืองปิซาจึงใช้ระยะเวลานานในการสร้างและหอเอนปิซาได้สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 1893 (ค.ศ. 1350) ใช้เวลายาวนานถึง 176 ปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใช้เวลาสร้างนานที่สุดในโลก นอกจากนี้หอเอนนี้ช่วยให้กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ ชาวอิตาเลียน ผู้มีชื่อเสียงของโลก ได้ทดลองเรื่องอัตราเร็วของเทห์วัตถุที่ตกลงมาจากที่สูง


      หอแอนเมืองปิซามีความสวยงามที่เกิดจากความไม่ตั้ง รูปทรงที่สวยงามเมื่อเกิดการเอียงของโครงสร้าง ทำให้ไม่สามารถแก้ไขได้ ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ และเกิดเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ในยุคกลางอีกด้วย

 

สถานที่ที่ 3 สุเหร่าเซนต์โซเฟีย หรือ Mosque of Hagia Sophia (Istanbul)

 

top3

http://www.canuckabroad.com/places/place/hagia-sophia/

 

top4

http://www.unknownworld.co/hagia-sophia/

 

      สุเหร่าเซนต์โซเฟีย หรือ Mosque of Hagia Sophia (Istanbul) ปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่เมืองคอนสแตนดิโนเปิล ในประเทศตุรกีปัจจุบันยังเปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้


      สุเหร่าเซนต์โซเฟีย(Saint Sophia) หรือเรียกอีกอย่างว่า โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย ปัจจุบันสุเหร่าเซนต์โซเฟีย เป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม แต่ภายในอดีตสุเหร่าเซนต์โซเฟียเป็นโบสถ์ที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนาคริสต์ ผู้สร้างคือพระเจ้าจักรพรรดิคอนสแตนติน สร้างขึ้นเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาในการสร้างถึง17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์โดยเฉพาะ แต่เหตุการกลับเปลี่ยนไปเมื่อถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาจนวอดวายหลายครั้ง สาเหตุเพราะเกิดการขัดแย้งระหว่าง พวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม


      จนมาถึงสมัยพระเจ้าจัสตินเนียน ซึ่งทรงมีอำนาจเหนือตุรกี จึงทำให้ได้สร้างโบสถ์เซนต์โซเฟียขึ้นใหม่ หรือบูรณะขึ้นโดยใช้เวลาในการสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี และใช้เวลาในการสร้างตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1996 (ค.ศ 1435) พระองค์ต้องการให้สุเหร่าเซนต์โซเฟีย เป็นสิ่งสวยงามที่สุดจึงได้พยายามหา สิ่งของมีค่าต่างๆ มาประดับไว้มากมาย เมื่อสร้างเสร็จ ก็ได้จัดงานเฉลิมฉลองกันอย่าง มโหฬาร ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้สุเหร่าเซนต์โซเฟีย แตกร้าวจึงได้ให้ช่างเข้าซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิม
เมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัยพระเจ้าโมฮัมเม็ดที่ 2 มีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนา อิสลามได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ให้เป็นสุเหร่าอิสลาม แต่ยังคงความงามไว้เช่นเดิม


      สุเหร่าเซนต์โซเฟีย มีเนื้อที่ทั้งหมด700 ตารางเมตร ภายในมีเสางามค้ำที่สลักอย่างสวยงาม และปราณีตซึ่งมีจำนวน 108 ต้น โดยชั้นบนขนาดเล็ก 68 ต้น และชั้นล่างขนาดใหญ่ 40 ต้น มียอดเป็นโดม คล้ายซาลาเปา มีหอมินาเรสท์เป็นยอดแหลม ๆ มากมาย เนื่องจากสุเหร่าเซนต์โซเฟียได้เกิดขึ้นจากศิลปะแบบคริสเตียน ผสมกับอิสลามทำให้มีความสวยงาม และแตกต่างจากสถานที่ทางศาสนาที่อื่นๆ ซึ่งใครที่ไปทวีปยุโรป และมีโอกาสก็ไม่ควรพลาดที่จะไปเยี่ยมชมความล้ำค่าของสถาปัตยกรรมระดับโลกอย่าง สุเหร่าเซนต์โซเฟีย ซึ่งได้ชื่อว่ามีความสวยงามอันน่ามหัศจรรย์

 

สถานที่ที่ 4 กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ (Stonehenge)

 

top5

http://www.english-heritage.org.uk/visit/places/stonehenge/

 
 

 

top6

 

top7

 
 

 

      Stonehenge ตั้งอยู่ที่เมืองซัลลิสเบอรี่ มณฑลวิลไซร์ ประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่กลางทุ่งนาแห่งหนึ่งในเมืองซัลลิสเบอรี่ ซึ่งห่างจากกรุงลอนดอนประมาณ 10 ไมล์ ป็จจุบันยังเปิดให้เยี่ยมชมความสวยงามของหินที่ปรากฏขึ้นมาเป็นรูปทรงที่สวยงาม แปลกตา


      Stonehenge ประกอบด้วยแนวหินขนาดมหึมาเรียงรายกันยาวประมาณ 3 กิโลเมตร และ มีกลุ่มหินใหญ่ประมาณ 112 ก้อน ตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่งนา เป็นรูปวงกลมซ้อนกันอยู่ 3 วง บางก้อนล้มนอน บางก้อนตั้งตรง บางก้อนวางซ้อนทับอยู่บนยอดก้อนหินที่ตั้งอยู่สองก้อน หินแต่ละก้อนหนักเป็นตันๆหรือมีขนาด และน้ำหนักที่มากพอสมควรสามารถเฉลี่ยได้ประมาณความสูง 4 เมตร หนัก 26 ตัน


      มีหลายคนได้สันนิษฐานไว้ว่า หินเหล่านี้ตั้งอยู่ก่อนคริสตกาลถึง1,700 ปี เป็นสิ่งก่อสร้างโดยไม่มีร่องรอยของความเป็นมา ไม่มีประวัติของผู้ก่อสร้าง และหลักฐานใดๆไม่ทราบว่าสร้างเพื่อวัตถุประสงค์อะไร? ที่น่าแปลกก็คือ ในริเวณนั้นเป็นทุ่งนากว้าง ไม่มีภูเขาและสิ่งก่อสร้างของก้อนหินอื่น ๆ มีเพียงหินกลุ่มนี้เท่านั้น จึงทำให้สงสัยว่าผู้ก่อสร้างนำหินเหล่านั้นมาจากไหน และไม่ปรากฏว่ามีการขน หรือสิ่งปรักหักพังในการก่อสร้าง บริเวณที่ดังกล่าว ใช้อะไรยกหินก้อน ที่หนัก ๆ หลาย ๆ ตันขึ้นวางซ้อนกันได้ ซึ่งอยู่สูงถึง 13 ฟุต ตยกรรมอีกอย่างที่มีก้อนหินเป็นตัวหลัก ไม่มีใครทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร อาจจะเกิดจากฝีมือมนุษย์ หรือธรรมชาติ ถือได้ว่าเป็นสถานที่พิเศษท้าทายความอยากรู้ของคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าค้นหาไม่ต่างจากที่อื่น แต่มีความสวยงามอย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง

 

สถานที่ที่ 5 พระราชวังแวร์ซายส์ หรือ Palace of Versailles

 

top8

 

top9

http://www.travelcaffeine.com/versailles-palace-tips/

 
  top11 top12  
 

 

      พระราชวังแวร์ซายส์ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในทวีปยุโรปเป็ฯสถานที่ที่สวยงาม ล้ำค่า มีศิลปะ และสถาปัตยกรรมที่ชัดเจน ปัจจุบันยังเปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้

 

       พระราชวังแวร์ซายส์เป็นพระราชวังที่สวยงามอย่างมากสร้างขึ้นโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส มีนายช่างสถาปนิกชื่อ อัลเดรด เลอ นอสเตอร์ เป็นผู้ออกแบบ พระราชวังแวร์ซายส์ได้เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2204 (ค.ศ. 1661) ใช้เวลาประมาณ 30 ปี ใช้เงินจำนวนมากและใช้คนงานถึง30,000 คน ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว มีความมันวาว โอ่อ่า อลังการ เป็นแบบอย่างและศิลปกรรมก่อสร้างที่งดงามอย่างมากของโลกเลยก็ว่าได้

 

      ภายในพระราชวังพระราชวังแวร์ซายส์ ได้แบ่งออกเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องสำราญ ห้องทรงพระอักษร ห้องโถง ห้องออกว่าราชการ ห้องเสวย และห้องต่างๆอีกมากมาย แต่ละห้องมีเครื่องประดับมีค่าทั้งที่เป็นวัตถุ และภาพเขียนศิลปะที่มีชื่อเสียง ห้องที่มีชื่อที่สุด คือ ห้องกระจกที่เคยใช้ลงนาม เซ็นสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตร กับเยอรมัน ในคราวมสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นที่ใช้ลงนามในเมื่อเยอรมันบุกตีชนะฝรั่งเศส ในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ในการทำสงครามใหญ่ทุกครั้งฝรั่งเศส จึงต้องประกาศให้ปารีสเป็นเมืองปลอดทหารคือ ไม่มีทหารตั้งอยู่ ไม่มีการต่อสู้ใด ๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อรักษาไม่ให้พระราชวังแห่งนี้ ต้องได้รับความเสียหายจากการโจมตี ของข้าศึกไม่ว่าจะเป็นทางใดถือได้ว่าพระราชวังแวร์ซายส์ เป็นสถาปัตยกรรมมีค่าที่สุดของฝรั่งเศส และโลก ที่มีนักท่องเที่ยวไปชมความงามไม่น้อยกว่า 1,000,000 คน ต่อปีซึ่งสถานที่แห่งนี้คุณไม่ควรพลาดหากมีโอกาสได้ไปเยี่ยมยุโรป หรือฝรั่งเศส

 

สถานที่ที่ 6 วิหารพาร์เธนอน ( Parthenon )

 

top13

 

top14

http://www.history.com/topics/ancient-history/ancient-greece/pictures/greek-architecture/paestum-archeological-site-with-view-of-the-temple-of-neptune

 

      วิหารพาร์เธนอน สร้างขึ้นที่ประเทศกรีซ ภายในทวีปยุโรป เป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนา ที่โดยยึดครองจากหลายยุค แต่ยังคงความสวยงามทางศิลปะ และทางสถาปัตยกรรมให้คงได้เยี่ยมชมกันในปัจจุบัน

 

      วิหารพาร์เธนอน เป็นวิหารที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงในด้านความงดงามและสัดส่วนเหมาะเจาะสมบูรณ์ วิหารพาร์เธนอนมี ความกว้าง 100 ฟุต ความยาว 230 ฟุต และสูง 65 ฟุต เป็นศิลปะแบบดอริก ออกบแบบโดยสถาปนิกชื่อ อิคตินุส (Ictinus) และ คาลลิคราเตส (Callicrates) ซึ่งดำเนินการก่อสร้างภายใต้การควบคุมของประติมากรชื่อ พิดิอัส (Phidias)

 

      ซากที่ยังเหลือให้เห็นได้อย่างชัดเจน ก็คือ โครงสร้างที่ค้ำด้วยเสาหินอ่อน สีอมชมพู และหน้าบันบางส่วน ส่วนภายในเคยมี ประติมากรรม เทพีอาธีนา ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ภายในวิหารหลังนี้ ซึ่งวิหารพาร์เธนอน ใช้เป็นสถานที่บวงสรวง เทพีอาธีนา ต่อมาได้เปลี่ยนไปโดยได้ใช้เป็นโบสถ์ของชาว คริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น โบสถ์คาทอลิก จนกระทั่งยุคที่ ชาวเติร์ก ครองเมืองวิหารพาร์เธนอน ถูกดัดแปลงมาเป็น มัสยิด และในที่สุดก็ถูกใช้เป็นที่เก็บดินปืน ในสงครามระหว่างเติร์ก กับ เวเนเชี่ยน (Venetian) ทำให้ถูกระเบิดเสียหายไปบางส่วน และ วิหารพาร์เธนอน มาทรุดโทรมอย่างหนัก เมื่อคราวสงครามกอบกู้อิสรภาพของกรีก จาก เติร์ก

 

 

      เอกลักษณ์ เรียงตัวกันอย่างสวยงาม ถือเป็นสถานที่ที่ยังคงเก็บศิลปะการออกแบบอาคารไว้ได้อย่างสมบูรณ์แม้ระยะเวลาการสร้างที่ยาวนาน คนรักการออกแบบตกแต่งภายในอย่างเราหากมีโอกาสได้ไปก็คงไม่หลาดที่จะแวะไปเยี่ยมชมสถานที่ที่สวยงาม และพลาดไม่ได้อีกหนึ่งที่อย่างParthenon

 

สถานที่ที่ 7 Eiffel Tower หรือ หอไอเฟล

 

top15

http://www.history.com/topics/eiffel-tower

 

      หอไอเฟล (Eiffel) ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่โด่งดัง และเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ซึ่งตั้งอยู่ที่ กรุงปารีส ประเทศ ฝรั่งเศส ถือเป็นสถานที่ที่สำคัญ ใครได้ไปฝรั่งเศสก็ต้องไปถ่ายรูปที่หอไอเฟลเพื่อเป็นที่ระลึก และเป็นสัญลักษณ์ว่าได้ไปถึงฝรั่งเศส

 

      หอไอเฟล (Eiffel) ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของนครปารีส ได้สร้างขึ้นใน ค.ศ.1887-9 ออกแบบโดยวิศวกรที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศสชื่อ กุสตาฟ ไอเฟล (Gustave Eiffel) ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์การจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี ค.ศ.1889 (พ.ศ. 2413) เป็นงานฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม

 

      หอไอเฟล (Eiffel)  ได้สร้างขึ้นท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบว่า เป็นตัวทำลายความงดงามของกรุงปารีสด้วยส่วนประกอบที่เป็นโครงเหล็ก หอไอเฟลทำขึ้นจากโลหะ 15,000 ชิ้น หนักถึง 7,000 ตัน ยึดต่อด้วยน๊อต 3,500,000 ตัว สีทาทั้งหมด 35 ตัน สูง 1,050 ฟุต ใช้ระยะเวลาในการสร้างถึง1 ปี มีลิฟต์พาชมวิวได้สูงถึงยอดหอซึ่งมีร้านอาหารที่สามารถนั่งชมวิวได้ทั่วทั้งกรุงปารีส และชมความงามของแม่น้ำเซน จากความคิดที่บอกว่าหอไอเฟลเป็นโครงเหล็กที่น่าเกลี่ยดทำลายธรรมชาติ เมื่อมีความพิเศษสุดท้ายแล้วทำให้หอไอเฟลกลับเป็นสถานที่ยอดนิยม ใครต่อใครที่มาปารีสต้องถ่ายรูปตามธรรมเนียม หอไอเฟลเคยเป็นอาคารสูงที่สุดในโลกสมัยแรก จนกระทั่งตึกเอ็มไพร์เสตท สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1931

 

 

      หอไอเฟล (Eiffel)  ถือเป็นสถานที่พิเศษจากความงามในวันที่อากาศดีอาจจะขึ้นไปชมวิวได้ถึงชั้นสูงสุดที่ 899 ฟุต ภายในยามค่ำคืน หอไอเฟลจะเปิดไฟสวยสว่างงามมาก และมุมที่ดีที่สุดที่จะถ่ายภาพหอไอเฟล คือ บริเวณ Trocadero มีทั้งร้านขายของที่ระลึก และภัตตาคาร แต่เชื่อว่าหลายคนที่ไปฝรั่งเศสก็คงไม่พลาดที่จะไปหอไอเฟลอย่างแน่นอน

 

สถานที่ที่ 8 Mont Saint Michel in France หรือ ม่อนผานักบุญมิแชล

 

top16

 

top17

http://www.franca-turismo.com/english/st-michael.htm

 

       Mont Saint Michel in France หรือ ม่อนผานักบุญมิแชลแคว้นบริตตานี ประเทศฝรั่งเศส ทวีปยุโรป ถือเป็นสถานที่แปลกตา และน่าตื่นเต้นอีกหนึ่งที่ที่ไม่ควรพลาดในทวีปยุโรป

 

      Mont Saint Michel in Franceเป็นพระอารามที่ตั้งอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดน่าเยี่ยมชมที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เกิดขึ้นเนื่องจากอัครเทวทูตไมเกิลหรือมิแชลได้มาปรากฎองค์ต่อโอแบร์ต พระราชาคณะ(บิชอบ) แห่งอาวรางช์และมีบัญชาให้สร้างสถานที่เผยแพร่คำสั่งสอนของพระเจ้า บนเกาะที่มีภูเขา เรียกกันในเวลานั้นว่าตองเบ ลักษณะของภูเขาลูกนี้เป็นรูปกรวยคว่ำ สูงเด่นงดงามขึ้นไปจาก หาดทรายชายทะเลของแคว้นบริตตานีในฝรั่งเศส

 

      การก่อสร้าง Mont Saint Michel in France ได้เริ่มระหว่างคริสต์ศักราช 1017-1144 ณ สถานที่อันเป็นที่ตั้งของ โบสถ์เก่าชื่อโนเตรอะดาม-ซู-แตร์ สร้างกันไปถึงยอดระหว่างสามศตวรรษถัดมา มีการสร้างเพิ่มเติมอยู่เรื่อย ๆ รวมทั้งสถานที่ซึ่งสร้างระหว่าง ค.ศ.1211-1218 เพื่อให้ความสะดวก แก่นักแสวงบุญที่ไปพักแรมคราวละเป็นจำนวนนับพันตึกต่างๆได้สร้างแบบศิลปะโกธิคที่เด่นมากคือ ตึกลาแมร์เวย หรือ ยอดมหัศจรรย์ ประกอบด้วย หมู่กุฏิโรงทาน กุฏิโรงรับรอง และเป็นที่เลี้ยงอาหาร มีระเบียงซึ่งตกแต่งไว้อย่างงดงามสวยสดใส ช่วยให้ความงามอันแท้จริงของศิลปะโกธิคเด่นชัดขึ้น

 

      สถาปัตยกรรมแบบโกธิค คือ มีผนังเปิดกว้าง มีส่วนสูงเด่นเป็นพิเศษและมีแบบที่ออกมา เป็นลายเส้นอันซับซ้อนทุกส่วนล้วนประกอบเข้าด้วยกันเป็นสัญลักษณ์นิยมทางศาสนา  โครงสร้างหลังคาเป็นโค้งแหลม เป็นต้น

 

      ในสมัยสงครามร้อยปีระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส อังกฤษซึ่งยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของฝรั่งเศส ไว้ได้ ก็มิได้กักกันรังแกผู้ที่จะไปแสวงบุญที่นี้ ซึ่งยังช่วยให้ความสะดวกปลอดภัยอีกด้วย ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 มีการสร้างกำแพงป้อมปราการป้องกันศัตรูอย่างแข็งแรง แทนบางส่วนที่พังทะลายไป ที่สร้างใหม่ล้วนใช้ศิลปะแบบโกธิคทั้งสิ้น ยอดแหลมของโบสถ์ ใหญ่สร้างต่อเติมในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 นี้เอง แต่ยังรักษาศิลปะสมัยกลางไว้อย่างครบถ้วน เปรียบเสมือนมงกุฎของม่อนผานักบุญมิแชล

 

 

      รอบๆ Mont Saint Michel in Franceมีหมู่บ้านติดต่อกันไปตามแนวกำแพง มีความสะดวกสบายมากขึ้น และเปิดให้เยี่ยมชมสำหรับผู้แสวงบุญ และผู้ที่ต้องการไปเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมแบบโกธิค และเก็บภาพที่สวยงามแปลกตาของMont Saint Michel in Franceถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาด



สถานที่ที่ 9 Saint Peters Basilica( วิหารนักบุญปีเตอร์ )

 

top18

https://prycebrown.files.wordpress.com/2014/06/saint-peters-basilica-interior.jpg

 

top19

https://rpstpeter.files.wordpress.com/2014/09/st-peters-basilica.jpg

 

      Saint Peters Basilica( วิหารนักบุญปีเตอร์ )สร้างขึ้นที่ประเทศนครวาติกัน ทวีปยุโรป เป็นสถานที่ทางศาสนาอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความอลังการ สวยงาม และน่าทึ่งในสถาปัตยกรรมเป็นอย่างมาก

 

      วิหารนักบุญปีเตอร์เป็นสถานที่อันโอฬาร เป็นจุดสำคัญของนครวาติกัน แม้วิหารนี้จะก่อสร้างด้วยฝีมือ เลอเลิศเป็นพิเศษเท่าที่จะทำได้ แต่การเริ่มต้นเต็มไปด้วยสิ่งที่เป็นสามัญธรรมดา ใน ค.ศ. 90 สันตะปาปาอนาคลีตุส ได้สร้างหอพระขนาดย่อมตรงตรงที่ฝังศพของนักบุญปีเตอร์ หลังจาก ทนทุกข์ทรมานเพื่อพระเจ้าจนสิ้นชีวิต

 

      ต่อมาสมัยจักรพรรดิคอนสแตนติน ซึ่งยอมรับศาสนาคริสเตียนมาเป็นของชาวโรมันจึงได้สร้าง เป็นตึกเหลี่ยมขนาดใหญ่ ณ ที่นี้เองพระเจ้าชาร์ลมาญผู้ช่วยยุโรปให้พ้นภัยจากการรุกรานของคนเถื่อนและสร้าง ความเจริญก้าวหน้าให้หลังจากหยุดระยะหนึ่งก็ได้สวมมงกุฎสถาปนาจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

 

      ตัวตึกได้สร้างเป็นวิหารปัจจุบันสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 15 สมัยสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ผู้อุปถัมภ์ ศิลปินลือนามจำนวนมากมาย สันตะปาปาองค์นี้ทรงเห็นว่าอาณาจักรคริสเตียนจะต้องมีสำนักงานใหญ่ ไว้เก็บรวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ ไว้เป็นหลักฐาน การก่อสร้างจึงได้เริ่มขึ้น ณ บัดนั้นและสร้างต่อ ๆ กันมาถึง 300 ปี จึงสำเร็จเสร็จสิ้นบริบูรณ์

 

      รูปแบบการก่อสร้างวิหารนักบุญปีเตอร์  เป็นแบบกรีกสมัยยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา โดยมีผู้ที่เน้นแบบกรีกให้ชัดเจนยิ่งขึ้น คือไมเคิล แอนเจโล มาในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 ได้เพิ่มเติมศิลปะแบบละติน(โรมัน) รวมเข้าไปยังวิหารนักบุญปีเตอร์ ซึ่งเห็นได้ในปัจจุบัน การตกแต่งภายในอาศัยอัจฉริยะยอดเยี่ยมของศิลปินเอกหลายท่าน เช่น ราฟาเอล และเบอนินี เป็นต้น การจัดระเบียบที่นั่งที่ประชุมภายในห้งทำได้สัดส่วนสวยงาม มีรูปปั้นของนักบุญถึง 96 องค์ ตรงกลางจัตุรัส มีเสาเหลี่ยมแหลมสูงใหญ่ซึ่งจักรพรรดิคาลิคูลาโปรดให้นำมาจากเฮลิโอโปลิส

 

      หองามมหัศจรรย์คู่แข่งเคียงกับวิหาร คือ หอซิสไตน์ ที่ประทับส่วนพระองค์ของสันตะปาปา สร้างใน ค.ศ.1481 ภาพประดับภายในห้องและที่กำแพงเป็นฝีมือของไมเคิล แอนเจโล ชิ้นเอกและมหัศจรรย์ ในโลก ในห้องใช้เวลาเขียน 4 ปี ส่วนที่กำแพงผนังใช้เวลา 6 ปี ภาพที่ประทับใจชาวโลก ได้แก่ภาพ “การตัดสินครั้งสุดท้าย”

 

 

      พิพิธภัณฑ์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับขององค์สันตะปาปาล้วนเป็นสิ่งมีค่ามีชื่อเสียง เกียรติประวัติอันมหัศจรรย์ของวาติกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นสมบัติโลก เช่น หนังสือ รูปปั้น ปฏิมากร เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เครื่องเรือน เครื่องประดับ แผนที่ซึ่งได้มาจากนักสำรวจ มิชชันนารี(หมอสอนศาสนา) พระราชา จักรพรรดิ และจากบุคคลทั่วไปที่มาเยี่ยมเยียนเป็นอีกสถานที่ที่เหมาะสำหรับใครหลายๆคนที่ชอบศิลปะ เรื่องราวประวัติศาสตร์ รวมทั้งความสวยงามของสถาปัตยกรรม



สถานที่ที่ 10 ปราสาท Heidelburg

 

top20

encrypted-tbn0.gstatic.com

 

top21

http://www.schloss-heidelberg.de

 

      เดินทางมาถึงสถานที่ที่ควรไปเยี่ยมชมสถานที่สุดท้ายในทวีปยุโรป หลายคนอาจจะเคยเห็นกันแล้วแต่สถานที่สุดท้ายคือ ปราสาท Heidelburgตั้งอยู่ที่ประเทศเยอรมันนี

 

      ในโลกนี้มีปราสาทโบราณไม่กี่แห่งที่ยังคงความสมบูรณ์ให้ได้ศึกษา และเยี่ยมชม ปราสาท Heidelburgเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น  เราสามารถมองเห็น ปราสาทอย่างชัดเจนได้จากในตัวเมือง แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมไปชื่นชมปราสาทกันที่บริเวณบนสะพานเก่า ซึ่งเป็นชื่อที่แปลจากภาษาอังกฤษ นั่นคือสะพานที่ชื่อว่า โอลด์บริดจ์

 

      ปราสาท Heidelburgตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 640 ฟุต ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณทางทิศตะวันออกของเมือง Heidelburgและมีแม่น้ำ Neckar ไหลผ่านในตอนหน้าของเนินเขาที่เป็นที่ตั้งของปราสาท  ปราสาทแห่งนี้ เป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่ง ซึ่งเป็นสมญญานามว่า” The Red Walled Castle ”ปราสาทแห่งนี้มีความเป็นมายาวนานกว่าหกร้อยปีตัวปราสาทถูกสร้างขึ้นด้วยหินทรายสีแดงและในแบบสถาปัตยกรรมแบบบารอค จึงได้รับขนานนามว่า ปราสาทกำแพงแดง หรือ The Red Walled Castleปราสาทแห่งนี้ทรุดโทรมและพังทลายลงไปมาก  จนบางส่วนเหลือซากปรักหักพัง แต่บางส่วนก็มีการบูรณะแบบที่ให้รู้ว่าเป็นของโบราณอยู่ พร้อมกับจัดสภาพแวดล้อมให้คล้ายในอดีต

 

      นอกจากนี้ยังมีตำนานที่สำคัญและปรากฏหลักฐานให้เห็นอยู่ทุกวันนี้คือ ประตูแห่งความรักที่สร้างเสร็จในคืนเดียวมีชื่อภาษาอังกฤษว่า One night gate ประตูนี้ตามตำนานเล่าว่า พระราชาทรงรักพระชายามาก เย็นวันหนึ่งพระชายาได้มองไปที่สนามหญ้าแล้วคุยกับพระราชาว่า ที่ตรงนั้นถ้ามีสวนหย่อมเล็กๆ ก็จะทำให้สนามเมื่อมองจากมุมนี้สวยขึ้นมาก ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาเช้า พระชายาตื่นขึ้นมา มองออกไปที่สนาม ก็ทรงเห็นสวนหย่อมที่สวยงาม ในสวนหย่อมมีประตูปูนปั้นขนาดกลาง ซึ่งแสดงว่าทั้งสวนและประตูใช้เวลาสร้างเพียงคืนเดียว ที่พระราชาสั่งให้สร้างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความรักที่มีต่อพระชายา ปัจจุบันนี้จึงมีคู่รักจำนวนมากนิยมมาทำพิธีแต่งงาน ณ สถานที่แห่งนี้

 

     นอกจากประตูแห่งความรักแล้ว  ว่ากันว่า ปราสาทที่นี่ยังมีถังเบียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จำนวนสองถัง ใบหนึ่งขนาดความสูงเท่าๆกับตึกสองชั้น ส่วนอีกใบหนึ่งมีความสูงของถังขนาดตึกสามชั้น ในสมัยโบราณพระราชาใช้สำหรับเก็บบ่มไว้นานๆทำให้มีรสชาติดีนั่นเอง

 

     อาคารพระราชวัง ในปัจจุบัน ก็ยังรักษาสภาพของอาคารไว้ได้อย่างดี และใช้เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงลักษณะของร้านขายยาโบราณ ที่น่าสนใจ เป็นลักษณะนิทรรศการณ์ ที่มีทั้งอุปกรณ์ผลิตยา ยา ขวดบรรจุยา ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ อีกด้วย เนื่องจากสาขาวิชาที่มหาวิทยาลัยแห่งแรกของเยอรมันเปิดทำการสอนในเมืองนี้ตั้งแต่เมื่อกว่า 620 ปีที่แล้วคือสาขาวิชาการแพทย์ทำให้สถานที่แห่งนี้มีเรื่องเล่า และความพิเศษหลายๆอย่าง เป็นอีกหนึ่งที่ที่ไม่ควรพลาดในการไปเที่ยว และเยี่ยมชม

 

 

      เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับสถานที่ที่นำมาเอาใจคนรักการออกแบบตกแต่งภายในทุกคนในทวีปยุโรป เป็นสถานที่ที่มีที่มาที่ไป ทั้งเรื่องเล่า ศิลปะ สถาปัตยกรรม รวมทั้งความสวยงาม และพิเศษ หามีโอกาสได้ไปก็อย่าลืม 10 สถานที่ที่พิเศษเหล่านี้กันนะคะ ไปแล้วก็อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังกันด้วยนะคะ....

 

 

 

 

ที่มา piyanan090.wordpress.com

 

 

 

http://www.travelcaffeine.com/versailles-palace-tips/

 Contact us / Join us

ออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาตกแต่งภายใน ตกแต่งภายใน ออกแบบภายใน Interior design Thailand

www.bareo-isyss.com เป็น web magazine ที่ update รายเดือนเพื่อผู้อ่าน ทัศนะและความคิดเห็นใดๆ ของผู้ประพันธ์ หรือผู้สนับสนุน
ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะอันอาจก่อให้เกิดความเข้าใจอย่างชัดแจ้ง หรือไม่แน่ชัดใน www.bareo-isyss.com มิได้มาจาก บริษัท บาริโอ จำกัด และบริษัทในเครือแต่อย่างใด
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น

Bareo-Isyss รับออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาตกแต่งภายใน ออกแบบภายใน ออกแบบตกแต่งภายใน Interior design Thailand