ทีนี้ กลับมาว่ากันว่าในภาวะปัจจุบัน เราจะทำอย่างไร จึงจะเลือกช่างที่ดี และมีความสามารถเพียบพร้อมได้ ผมก็จะมานำเสนอ “หลักการเลือกช่าง” มาให้ท่านผู้อ่านได้ใช้ในการพิจารณานะครับ

        1. เลือกช่าง “มืออาชีพ” ให้ตรงกับประเภทของงาน เช่น เมื่อเราจะซ่อมท่อประปาที่อุดตัน เราก็คงต้องหาช่างประปามืออาชีพมาซ่อม และทางที่ดี ก็ควรจะเอาคนที่คุ้นเคยกับการซ่อมท่ออุดตันจริงๆ เพราะบางที ช่างประปา เหมือนกัน แต่ดันไปถนัดเรื่องการติดตั้งหรือเดินท่อ ก็มี

        ผมมีเรื่องเกี่ยวกับการซ่อมท่ออุดตันที่จะเล่าให้ฟัง คือมีบ้านอยู่หลังหนึ่งมีปัญหาเรื่องท่ออุดตันอยู่บ่อยๆ สาเหตุน่าจะเป็นเพราะเดินท่อไว้ไม่ดีตั้งแต่แรก พอบ้านเสร็จแล้วจะรื้อมาซ่อมท่อก็ไม่ได้ เลยต้องเรียกช่างมาแก้ปัญหาท่ออุดตันอยู่บ่อยๆ พอเรียกช่างประปาคนแรกมา ช่างก็ทำการถอดโถสุขภัณฑ์ออก และใช้ไม้แหย่เข้าไปให้ดันเจ้าสิ่งที่อุดตันให้หลุดออก ช่างคิดค่าใช้จ่าย 500 บาท ซึ่งก็ใช้ได้ประมาณสักสามสี่เดือน แล้วก็กลับมาเป็นใหม่ เลยต้องเรียกช่างกลับมาอีก แต่พอเป็นอย่างนี้สักสองสามครั้ง ช่างก็เริ่มไม่อยากมาแล้ว เพราะปัญหามันเป็นที่เดิม เจ้าของบ้านเลยต้องเรียกช่างเจ้าที่สอง เจ้านี้ ก็เทคนิคสูง ใช้วิธีเอาแก็สมาระเบิดท่อ (เอาไว้จะเล่าเทคนิคนี้ให้ฟังนะครับ) ซึ่งก็ได้ผลดีทีเดียว ท่อโล่งตลอดเชียว ช่างคิดเงินไปสามพัน แต่เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังว่า สบายอยู่เกือบปี แต่ก็กลับมาตันอีก คราวนี้ดันหาเบอร์โทรไม่เจอ เลยต้องไปเรียกหาเจ้าที่สาม เจ้านี้ ก็มาอีกแบบ คือใช้วิธีทุบพื้นออก แล้วมุดลงไปตัดต่อท่อให้ใหม่ คราวนี้คิดตังค์ไปอีกสามพัน จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ยังไม่ได้เรียกช่างมาอีก ก็เลยคาดว่าปัญหานี้น่าจะหมดไปแล้ว

        เห็นมั้ยครับ แค่ปัญหาเรื่องท่ออุดตันเพียงเรื่องเดียว ช่างที่ชำนาญก็ยังมีวิธีและเทคนิคการแก้ไขปัญหาไม่เหมือนกัน และก็ได้ผลมากน้อยต่างกันไป (ค่าใช้จ่ายก็ต่างกันไปด้วย)

        แต่ที่ผมอยากจะให้ระมัดระวังมากที่สุด คือช่างสารพัดนึก คือเป็นได้ทุกประเภท เริ่มต้นก็มักจะเป็นช่างปูน ทำไปทำมา ก็เดินท่อประปาได้ด้วย งานไฟก็เป็น งานมุงหลังคารึก็เก่ง ซึ่งหากจะถามผมว่า มันผิดไหมที่ช่างจะเป็นซะทุกอย่าง ผมก็ว่าไม่ผิดหรอกครับ เพราะว่างานช่างมันเรียนรู้ได้ทุกคน อาศัยแค่การฝึกฝนสักเล็กน้อย ก็พอจะทำได้แล้ว แต่หากจะรับงานเป็นอาชีพ คงต้องเป็นช่างที่ชำนาญสักหน่อย ซึ่งความชำนาญหรือ Skill นี้ จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนพอสมควร จึงจะได้ผลดี คุ้มกับค่าเงินที่คุณต้องจ่ายไป ยกตัวอย่างเหมือนกับที่คุณอยากจะจ้างคนขับรถมาขับรถให้คุณ คุณก็คงไม่อยากสั่งให้คนที่เพิ่งได้ใบขับขี่มาขับรถคันโปรดของคุณแน่ๆ ใช่มั้ยครับ...

        2.เลือกช่างให้เหมาะกับปริมาณของงาน กล่าวคือ หากงานซ่อมแซมเล็กๆ น้อยๆ เราก็ควรจะใช้ช่างทั่วไป เพราะราคาค่าจ้างค่าแรงจะถูกกว่าบริษัทใหญ่ๆ (บริษัทใหญ่ จะต้องบวกค่าดำเนินการ ซึ่งเป็นผลมาจากการมีบุคลากรจำนวนมากไว้คอยรองรับงานที่หลากหลาย) แต่ถ้างานใหญ่หน่อย ราคาเป็นแสนๆ เช่นงานต่อเติม หรืองานเดินระบบ เราก็ควรจะเลือกผู้รับเหมาที่มีหลักมีฐาน น่าเชื่อถือสักหน่อย ทางที่ดี เราควรจะไปพบหรือไปพูดคุยกับผู้รับเหมาถึงที่ทำงานของพวกเขาเหล่านั้น จะได้รู้จักตัวจริง เสียงจริงกันไปเลย ไหนๆ ก็จะว่าจ้างชำระเงินกันแล้ว อย่าไปเลือกผู้รับเหมาโดยดูจากรถที่เขาขับ เพราะบางคนก็ไปยืมคนอื่นมาขับเพื่อไปรับงานก็มี อันนี้มีจริงนะครับ อย่าล้อเล่นไป นายผมเคยจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างรายหนึ่ง ตอนมาพบสองสามครั้งแรก ขับรถอย่างหรูไม่ซ้ำกันเลย แต่พอเซ็นสัญญาเสร็จ ขับรถมาซะบุโรทั่งเชียว ถามไปถามมา ปรากฎว่า รถสองสามคันแรกๆ นั้น ยืมคนอื่นมาขับรับงานเฉยๆ คงไม่ต้องให้บอกนะครับ ว่าตอนจบเป็นอย่างไร...

        การไปพบผู้รับเหมาที่ที่ทำงานของเขา จะทำให้เราได้รู้ว่าผู้รับเหมาแต่ละรายมีฐานะอย่างไร มีทีมงานที่จะรองรับงานของเราได้หรือไม่ หากคุณไปว่าจ้างผู้รับเหมาประเภททำงานคนเดียว แต่อยากได้งานหลายล้าน ก็ขอให้พิจารณาให้รอบคอบสักนิด เพราะแค่เงินมัดจำก้อนแรก ก็เพียงพอให้พวกเขาย้ายไปหาที่ทำงานใหม่แล้วครับ
ที่พูดอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าจะดูถูกผู้รับเหมาด้วยกันนะครับ แต่ในประเทศของเรามีคนแบบนี้เยอะทีเดียว เดี๋ยวจะหาว่าแม่นไม่เตือน...

        นอกจากนี้ การไปสำรวจที่ทำงานของผู้รับเหมา ยังช่วยให้คุณได้รู้จักว่าเขามีฐานะความเป็นอยู่อย่างไร จะรับผิดชอบเงินของคุณได้หรือไม่ และทำงานดีมากน้อยเพียงใด ลองคิดดูนะครับ ว่าหากคุณไปจ้างช่างไฟฟ้า ทั้งที่บ้านของเขายังเดินไฟได้ไม่เรียบร้อย คดไปเบี้ยวมา หรือตรงปลั๊กยังมีรอยดำๆ จากไฟฟ้าลัดวงจร เห็นแล้วคุณจะได้ไม่เผลอไปจ้างเข้าให้เจ็บใจเล่น และจะได้ตัดสินใจถอนตัวได้ทันครับ

        3. เลือกบริษัท “มืออาชีพ” ที่มีผลงานยาวนานและรับประกันคุณภาพ สำหรับงานที่มีความซับซ้อน กล่าวคือ หากคุณต้องการต่อเติมอาคาร หรือทำงานที่ต้องใช้ช่างหลายๆ ประเภท เช่นงานต่อเติมห้องรับแขกให้มีหน้าต่างชมจันทร์ตอนกลางคืน พร้อมระบบเครื่องเสียง และห้องน้ำ แถมด้วยระเบียงไม้ไว้จิบกาแฟยามบ่ายอีก หากเราจะจ้างช่างหรือผู้รับเหมาเข้ามาทำงาน ก็ต้องมีช่างอย่างน้อย 6-7 ประเภท ไล่ตั้งแต่ ช่างปูน ช่างประตูหน้าต่าง ช่างไฟฟ้า ช่างประปา ช่างหินหรือช่างปูกระเบื้องสำหรับงานห้องน้ำ ช่างปูพื้นไม้ปาร์เก้ เป็นต้น

        แค่คิดก็ปวดหัวแล้วครับ นี่ยังไม่นับการตกแต่งภายในให้อลังการอีก ดังนั้น ผมเลยอยากจะแนะนำให้เลือกใช้บริษัทที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย เพื่อที่จะได้รับภาระความปวดหัวแทนคุณ แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่เชื่อผมเถอะครับว่า เราใช้เวลาไปทำมาหากิน หาเงินไว้เยอะๆ เพื่อมาจ่ายค่าจ้างจะคุ้มกว่ามานั่งเสียเวลากับการบริหารงานประเภทนี้ นอกจากจุกจิกจนปวดหัวแล้ว บางครั้งงบก็บานปลาย งานก็เละ คุณภาพก็ไม่ได้ ไอ้โน่นก็ผิด ไอ้นี่ก็ใช้ไม่ได้ สุดท้ายเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา แถมไมเกรนถามหาอีกต่างหาก

        แล้วอย่าลืมนะครับ เราควรจะขอดูผลงานเก่าๆ ที่บริษัทเหล่านี้เคยทำมาด้วย อาจจะเป็นรูปถ่าย หรืองานที่กำลังทำอยู่ก็ได้ จะได้รู้ว่าบริษัทเหล่านี้ทำงานดีหรือไม่ ทนุถนอมบ้านของเรามากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่ทำส่วนห้องรับแขก แต่บ้านเละไปจนถึงโรงรถ อย่างนี้ก็ไม่ควรจะเลือกใช้บริการนะครับ