เมื่อย่างก้าวออกนอกบ้าน บางวันก็แดดร้อนจนตัวไหม้เกรียม (เวอร์ไปมั๊ย) แต่อีกวัน ฝนก็ตกหนักอย่างกับพายุ จะเดินทางไป ไหนมาไหน ก็ไม่สะดวก เนื้อตัวเปียกปอนไปด้วยฝน (เฮ้อ เซ็งจิต) และโรคฮิตในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยช่วงนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นโรคไข้หวัด โรคธรรมดา..ธรรมดา....ที่ดูเหมือน จะไม่ธรรมดาซะแล้ว
จากในอดีต ที่โรคหวัดเป็นโรคประเภทธรรมดาสามัญ ที่หลาย คนเป็นๆ หายๆ กันทุกปี โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยจะดูแลตัวเอง ไม่ออกกำลังกาย หรือนอนดึก ทำงานหนัก และอ่อนเพลียง่าย พออากาศเปลี่ยนเข้าหน่อย ก็จะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลกัน เป็นประจำ
วันนี้เรามาอินเทรนด์แบบมีสาระกันดีกว่าค่ะ เพราะว่าหันมองไป ทางไหนก็มีแต่คนฮัดชิ่วๆๆ เพราะโดนไข้หวัดเล่นงานแทบจะ ทุกคนไป
ไข้หวัดกับไข้หวัดใหญ่แตกต่างกันอย่างไร
หลายคนอาจจะสงสัยว่าโรคไข้หวัดกับโรคไข้หวัดใหญ่แตกต่าง กันยังไง (เอ้า....ก็ต่างกันที่คำว่าใหญ่ไง 55)
โอ๊ะ...เชื่อว่ามีคนอยู่จำนวนมากนะคะที่อาจจะงองู 2 ตัว (งง) ว่าไข้หวัดกับไข้หวัดใหญ่แตกต่างกันอย่างไร เพราะอาการมัน คล้ายคลึงกันเหลือเกิน เรามีคำตอบเพื่อไขข้อข้องใจของทุก คนกัน (โฮะ..โฮะ)
ไข้หวัดเป็นโรคประเภทติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน ผู้ป่วยจะมีอาการน้ำมูกไหล ไข้ไม่สูงมาก
สำหรับไข้หวัดใหญ่เป็นการติดเชื้อจากไวรัส ที่เรียกว่า "Influenza virus" เป็นการติดเชื้อที่อาจจะลามเข้าปอดทำให้เกิด ปอดบวม ผู้ป่วยจะมีอาการค่อนข้างเร็ว ไข้สูงกว่าไข้หวัด ผู้ป่วย จะมีไข้สูง ปวดศรีษะ ปวดตามตัวปวดกล้ามเนื้อมาก ลักษณะ อาการของไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
|
อาการของไข้หวัด คือ น้ำมูก เจ็บคอ เสียงแหบ ไอ อาจมีไข้ต่ำๆ ร่วมด้วย ผู้ป่วยมักมีอาการโดยทั่วไปไม่มากนัก สามารถทำงาน และดำเนินชีวิตได้ตามปกติ อาการของผู้ป่วยมักทุเลาหายได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องพบแพทย์อาการ
ส่วนอาการของไข้หวัดใหญ่ ไข้ขึ้นสูง 39-40 องศา ตัวร้อน หนาว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะที่หลัง ปวดรอบกระบอก ตา ต้นแขน ต้นขา ปวดศรีษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ขมในคอ คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้งๆ จุกแน่นท้อง
|
เอ...แล้วถ้ามีคนถามว่าแล้วสาเหตุของไข้หวัดกับไข้หวัดใหญ่เกิดจากอะไรล่ะ คำตอบง่ายๆเลยค่ะ สำหรับไข้หวัดสาเหตุที่เกิดเนื่อง มาจากเชื้อไวรัสที่มีอยู่มากกว่า 200 สายพันธุ์ของกลุ่มไวรัสต่างๆ แต่ที่พบบ่อยที่สุดเกิดจากเชื้อไวรัส กลุ่มไรโนไวรัส (rhinovirus) ซึ่งมีมากกว่า 100 ชนิด และเป็นกลุ่มไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย
ส่วนไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (influenza virus) ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 3 ชนิดใหญ่ เรียกว่า ชนิด เอ บี และ ซี ซึ่งแต่ละชนิดยังแบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยอีกมากมาย โดยเฉพาะเชื้อ ไวรัสไข้หวัดใหญ่เอ จะก่อให้เกิดโรคบ่อยที่สุด มีอาการรุนแรง มากกว่า และสามารถกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ๆ ซึ่งมักจะ รุนแรงกว่าสายพันธุ์เดิม ไวรัสไข้หวัดใหญ่เอ สามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งกับคนและสัตว์ รวมถึงสามารถแพร่กระจายเชื้อโรคจากสัตว์ไป ยังคนได้ และโรคไข้หวัดนกที่มีการแพร่ระบาดก็จัดอยู่ในกลุ่ม ไวรัสชนิดนี้
|
ต่อไป คือตัวอย่างโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ ที่ระบาดไปเกือบทั่วโลกและทำให้ผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก
ลักษณะอาการของไข้หวัดนก
ส่วนคนที่ติดเชื้อ จะมีการไข้สูงมากกว่า 38 องศา หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามข้อ ไอแห้ง ตาแดง มักพบอาการปวดบวม ในผู้ป่วยทุกคน ขณะที่ผู้ที่มีโรคประจำตัวอาจมีอาการรุนแรง หายใจลำบาก หอบ และอาจมีอาการระบบหายใจล้มเหลว อย่างรวดเร็วจนเสียชีวิตได้ ยาที่ใช้ในการรักษา ได้แก่ Oseltamivir[tamiflu] และยา Zannamivir[Relenza] เป็นยาที่จะช่วยบรรเทาอาการของโรคแต่ต้องให้ยาภายใน 48 ชั่วโมงหลั่งเกิดอาการ
|
|
ประกอบด้วยการรวมกันของพันธุกรรมของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ในคน ในสัตว์ปีก และในสุกร รวมกับไวรัสไข้หวัดใหญ่สุกร ยูเรเซีย ซึ่งเป็นโรคแพร่ติดต่อระหว่างคนสู่คน ไม่พบข้อมูล ว่ามีการติดต่อจากสุกรสู่คน
ลักษณะอาการของโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009
ปัจจุบันมียาที่สามารถรักษาใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่และไข้หวัด ใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009แล้ว คือ โอเซลทามิเวียร์(oseltamivir) เป็นยาชนิดเม็ด และซานามิเวียร์(zanamivir ซึ่งเป็นยาชนิดพ่น ยาต้านไวรัสทั้งสองชนืดนี้ ใช้ได้ผลดีมาก คือ ทำให้ผู้ป่วยมี อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้ป่วยได้รับยาทันที เมื่อมีอาการไข้ ปรากฏภายใน 2 วัน
ไวรัส Influenza C พบไม่บ่อยและก่อให้เกิดโรคไม่รุนแรง ในคน เป็นไวรัสที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง
เอาเป็นว่าตอนนี้เรามีวิธีการรักษาตัวเองอย่างไร ไม่ให้เป็นหวัดมาฝากกันจ้า
1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนน้อยเกินไป จะทำให้จำนวนเซลล์ในร่างกายที่ทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ ลดลง
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอหรืออย่างน้อยวันละ 5-8 แก้ว เพื่อจะช่วย ป้องกันอาการป่วยได้ เนื่องจากน้ำทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ ในระบบ ทางเดินหายใจชุ่มชื้น ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคฝังตัว และทำ ให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
|
4. หมั่นทำความสะอาดที่อยู่อาศัย เปิดบ้านหรือหน้าต่าง เพื่อให้มี อากาศถ่ายเท เพื่อให้ร่างกายได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ไปพร้อมๆ กับไล่เชื้อโรคที่มีอยู่ด้วย
5. ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ จะช่วยป้องกันเชื้อโรคได้
6. ลดความตึงเครียดลงบ้าง เพราะความเครียดเป็นบ่อเกิดของ สภาพร่างกายทรุดโทรมและนำไปสู่การเจ็บป่วยได้ในที่สุด
7. วิธีที่ดีที่สุดก็คือการออกกำลังกาย โดยอย่างน้อยต้องออก กำลังกายวันละครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงโดยประมาณ เนื่องจากจะเป็นการช่วยเพิ่มเซลล์ที่ป้องกันโรคได้และนอกจากนี้การออกกำลังกายยังทำให้ร่างกายแข็งแรง แถมยังเป็นเกราะป้อง กันชั้นดีที่จะไม่ทำให้เกิดโรคต่างๆได้อีกด้วย
ขั้นตอนรักษาหากเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่
1. นอนหลับผักผ่อนให้เพียงพอ พักผ่อนอยู่ภายในบ้านอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพราะอาจจะแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ และต้องดูแล ร่างกายให้อบอุนอยู่เสมอ
2. ห้ามดื่มน้ำเย็น เพราะว่าอาจจะทำให้น้ำมูกไหลหรือเจ็บคอ เพิ่มมากขึ้น ควรดื่มน้ำอุ่นให้มากๆ
3. กินอาหารที่มีประโยชน์และย่อยง่าย
4. เวลาจาม หรือไอ ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกเพื่อกันเชื้อโรค ไม่ให้ติดต่อไปยังคนอื่น
5. หากอาการหนักให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจจะมีโรค แทรกช้อน หรืออาจจะเป็นเชื้อหวัดที่ต้องได้รับการดูรักษา เป็นพิเศษ (อันตรายถึงชีวิตเลยนะ)
อัพ แอนด์ ดาวน์ เอ้า อัพ แอนด์ ดาวน์ (แฮ่...ๆๆ) เห็นมั๊ยล่ะคะว่ากว่าที่จะได้ร่างกายที่สมบูรณ์และแข็งแรงมานั้น ก็ต้องใส่ใจดูแลร่างกาย ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ และหมั่น ออกกำลังกายให้ฟิตพร้อมที่จะสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ เพราะถ้าเมื่อ ไหร่ที่เราละเลย ไม่เพิ่มเกราะป้องกันให้ตัวเองแล้วล่ะก็ เมื่อนั้น แหละเจ้าไข้หวัดก็จะอาศัยโอกาสนี้เข้ามาทำให้เราต้องป่วยออดๆแอดๆ ต้องเสียเงินไปหาคุณหมอ แถมยังอาจจะนำโรคไข้หวัด ไปติดคนใกล้ชิดอีกต่างหาก
|