มะพร้าวได้ชื่อว่าเป็นต้นไม้สารพัดประโยชน์ เนื่องจากเป็นที่มาของปัจจัยสี่ ได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่มห่ม ยารักษาโรค และที่อยู่อาศัย มาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยที่คนไทยไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ แต่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง น้ำมันมะพร้าวและกะทิ ถูกระบุว่าเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ เพราะมีคอเลสเตอรอลสูง และเมื่อบริโภคเข้าไป ร่างกายก็ไปเปลี่ยนเป็นคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในกระแสโลหิต แต่ในปัจจุบันได้มีรายงานการวิจัยซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้ตีพิมพ์และชี้ให้เห็นว่า น้ำมันมะพร้าวที่เคยถูกระบุว่าเป็นสาเหตุของโรคหัวใจนั้นไม่เป็นความจริง
น้ำมันมะพร้าวเป็นโทษกับร่างกายหรือไม่?
วงการแพทย์และนักโภชนาการสมัยใหม่ค้นพบแล้วว่า น้ำมันมะพร้าวไม่เป็นโทษกับร่างกาย กลับกัน สิ่งที่ให้โทษกับร่างกายคือน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีหรือน้ำมันพืชที่เราใช้ปรุงอาหารอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้แล้วผลงานวิจัยต่างๆยังสรุปได้ว่าน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดในโลก ช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคข้อเสื่อมและโรคอื่นๆ อีกทั้งยังมีประโยชน์ช่วยลดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณดี ไม่เหี่ยวย่นแก่ก่อนวัย น้ำมันมะพร้าวไม่เป็นโทษแม้แต่กับเด็กเล็ก เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดลอริค ซึ่งเป็นกรดไขมันที่พบได้มากในน้ำนมแม่ในช่วงอายุ 6 เดือน
กะทิกับน้ำมันมะพร้าวต่างกันอย่างไร
จริงๆแล้วยังมีหลายคนสับสนหรือไม่เข้าใจกับการการกินน้ำมันมะพร้าวว่าจะช่วยเรื่องลดคอเรสเตอรอลได้อย่างไร ในเมื่อมันก็คือกะทิ??? ……ก็จริงอยู่ที่น้ำมันมะพร้าวมาจากกะทิจริง แต่ก็ต้องผ่านกระบวนการสกัดจนได้น้ำมันที่บริสุทธิ์ 100 % ส่วนกะทินั้นก็จะยังมีส่วนของน้ำมะพร้าว และน้ำมันมะพร้าวบ่นกันอยู่
ประเภทของน้ำมันมะพร้าว
น้ำมันมะพร้าว แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามกระบวนการผลิตดังนี้
1. น้ำมันมะพร้าว RBD
ผ่านกระบวนการใช้ความร้อนสูง และขบวนการทางเคมี RBD คือการทำให้บริสุทธิ์ (refining) ฟอกสี (bleaching) และกำจัดกลิ่น (deodorization) เพื่อให้เหมาะสำหรับการบริโภค ได้น้ำมันสีเหลืองอ่อนไม่มีกลิ่นและรส ปราศจากวิตามินอี (เพราะถูกขจัดออกไปโดยขบวนการทางเคมี) ปัจจุบันไม่ค่อยมีจำหน่าย เพราะโรงงานปิดตัวไปและไม่ได้รับความนิยมครับ
2. น้ำมันมะพร้าวบีบเย็น (cold-pressed coconut oil)
ผ่านขบวนการบีบโดยไม่ผ่านความร้อน ผลิตจากเนื้อมะพร้าวสดเป็นน้ำมันมะพร้าวที่บริสุทธิ์ที่สุด สีใสเหมือนน้ำ มีวิตามินอี และไม่ผ่านขบวนการเติมออกซิเจน (oxidation) มีกลิ่นมะพร้าวอย่างอ่อน ๆ ได้รับความนิยมเพราะมีคุณค่าสูงได้รับวิตามินเต็มที่
ทำไมการทานน้ำมันมะพร้าวจึงเป็นผลดีต่อสุขภาพ
- กรดไขมันอิ่มตัวสายโซ่ปานกลาง สามารถเปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นกรดไขมันอิ่มตัวที่มีคุณสมบัติทางด้านสุขภาพและความงามที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง กรดลอลิคหรือเข้าใจง่ายๆคือ กรดที่มีอยู่ในน้ำมนมารดา เป็นตัวที่ทำให้น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติเด่นกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วง 50-53% ของปริมาณกรดไขมันทั้งหมด
- น้ำมันมะพร้าวได้ชื่อว่าเป็น "น้ำมันแคลอรีต่ำ" และมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้ แม้จะได้ชื่อว่าแคลอรีต่ำก็ยังอยู่ที่ 6.8 แคลอรีต่อกรัม ซึ่งก็ยังสูงกว่าแป้งและโปรตีนอยู่ดี แต่สาเหตุที่น้ำมันมะพร้าวช่วยลดน้ำหนักได้ ก็เพราะเมื่อกินนน้ำมันมะพร้าวร่วมกับอาหารอย่างเหมาะสม จะทำให้รู้สึกอิ่มท้อง ไม่กระวนกระวายอยากกินของจุบจิบ ซึ่งเป็นปกตินิสัยที่ไม่ค่อยดีของคนอ้วนทั้งหลายอยู่แล้ว"
- น้ำมันมะพร้าวมีองค์ประกอบเป็นกรดไขมันและไตรกลีเซอร์ไรด์สายโซ่ปานกลางมากที่สุดในโลก ทำให้ดูดซึมเป็นพลังงานแก่ตับได้เร็วมากภายใน 1-2 ชั่วโมง โดยไม่เหลือไขมันตกค้าง
- เป็นอาหารแก่เซลล์ได้รวดเร็วมาก โดยไม่ต้องพึ่งอินซูลิน ต่างจากการได้สารอาหารจากแป้งหรือกลูโคสในน้ำตาล หรือจากกรดไขมันสายยาวชนิดอื่น จึงเหมาะกับเป็นอาหารเสริมให้กับผู้ทีป่วยเป็นโรคเบาหวาน และกลุ่มโรคสมองเสื่อม (ความจำเสื่อม, พาร์กินสัน, ลมชัก, อัมพาต) และรวมไปถึงโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ วิธีการบริโภคกลุ่มนี้คือ งดแป้ง งดน้ำตาล และบริโภคน้ำมันมะพร้าวเสริม
- เมื่ออัตราการเผาผลาญสูงขึ้น จึงทำให้ลำไส้เคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น ระบบการขับถ่ายดีขึ้น ในช่วงแรกๆของนักบริโภคมือใหม่ จึงอาจต้องค่อยๆปรับระดับการบริโภคให้ทยอยเพิ่มขึ้นจากน้อยไปหามากเพราะอาจมีอาการคล้ายท้องเสีย
- น้ำมันมะพร้าวมีคอเลสเตอรอลน้อยมาก เพราะมีเพียง 14 ส่วนในล้านซึ่งน้อยกว่าน้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งมี 28 ส่วน และที่สำคัญคือ เมื่อบริโภคน้ำมันมะพร้าวเข้าไป ในร่างกาย ก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นคอเลสเตอรอลในกระแสโลหิต อีกทั้งยังไม่ได้ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวเหมือนกับน้ำมันพืชประเภทไม่อิ่มตัว นอกจากนั้นน้ำมันมะพร้าวยังมีวิตามินอีที่ช่วยขยายหลอดเลือดและป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ นักโภชนาการสมัยใหม่จึงสรุปว่า น้ำมันมะพร้าวช่วยทำให้หัวใจมีสุขภาพดี เพราะเป็นหนึ่งในสองชนิดของน้ำมันบริโภค ซึ่งช่วยลดความหนืด (stickiness) ของเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจครับ
ชนิดของน้ำมัน
|
ปริมาณคอเรสเตอรอล (ส่วนต่อล้าน )
|
น้ำมันมะพร้าว
|
|
น้ำมันปาล์ม
|
18
|
น้ำมันถั่วเหลือง
|
28
|
น้ำมันข้าวโพด
|
50
|
เนยเหลว
|
3,150
|
น้ำมันหมู
|
3,500
|
|
Cr : ดร. ณรงค์ โฉมเฉลา.2548.เอกสารเผยแพร่ TNCEL
จะกินหรือใช้น้ำมันมะพร้าวอย่างไรดีให้ได้ประโยชน์
สำหรับในปัจจุบัน น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นมีขายในท้องตลาดค่อนข้างเยอะ ทั้งแบบบรรจุในขวด หรือ แบบเม็ดพร้อมรับปประทาน ถ้าเป็นแบบน้ำแนะนำให้รับประทานครั้ง 2 ช้อนโต๊ะ ตามมาตรฐานของน้ำหนักตัวไม่เกิน 60 ก.ก. แต่ถ้าเกินจากนี้แนะนำให้รับประทาน 3 – 4 ช้อนโต๊ะครับ แต่สำหรับใครที่เคยทดลองกินแล้วรู้สึกพะอืดพะอม ให้ลองหาแบบเม็ดรับประทานดูครับ ทานครั้งละ 2 เม็ด ก่อนอาหารกับน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิปกติครับ วิธีกินก็เช่นกันถ้าน้ำหนักตัวเกิน 60 ก.ก. อาจจะเพิ่มอีกสักเม็ดเพื่อให้สมดุลการร่างกายของเราครับ
ไม่เพียงแค่การกินเท่านั้นนะครับ น้ำมันมะพร้าวสามารถนำมาใช้กับร่างกายของเราได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น หมักผม ทาผิว หรือที่เป็นที่นิยมเลยคือ การทำ Oil Pulling (การกำจัดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก )
การทำออยพูลลิ่งเป็นการบำบัดโดยวิธีทางธรรมชาติ โดยช่วยขจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคหรือเป็นตัวการปล่อยสารพิษให้หมดไป ทำให้เหงือกและฟันแข็งแรงขึ้นอีกด้วยครับ
รู้แบบนี้แล้วน่าจะทำให้ใครหลายๆคนหันมาสนใจเจ้าน้ำมันมะพร้าวกันมากขึ้นนะครับ การเลือกที่จะกินของที่ดีถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนยุคสมัยใหม่อย่างเรานะครับ หาข้อมูลเพื่อนำมาประกอบกันหลายๆอย่างก็จะยิ่งดีเข้าไปอีก เพราะทำให้เรามั่นใจว่าเราได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวของเรา ถ้าใครอยากจะลองกินลองใช้ก็ลองไปหาซื้อกันได้นะครับ เผื่อจะได้สุขภาพดีกันทั่วหน้า ^^ สำหรับบทความดีๆแบบนี้บียอนจะคอยหามาให้แฟนๆชาวบาริโอได้เข้ามาอ่านกันเรื่อยๆนะครับ อ๊ะ อ๊ะ แล้วก็อย่าลืม คลิ๊กเข้าไปดูผลงาน ออกแบบตกแต่งภายใน สวยๆของบาริโอด้วยนะครับ มีมาอัพทเดทให้ได้ดูกันทุกเดือนครับ แล้วเจอกันใหม่ สวัสดีครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก
native-brandz.com manager.co.th
|