สีย้อมคราม สีน้ำเงิน  หรือที่เรียกว่า Indigo Dye เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมที่เราเห็นกันมานานครับ  นอกจากจะเป็นสีที่เกิดจากธรรมชาติ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาของผ้าย้อมครามยังให้ความรู้สึกละเมียดละไม ดูดีด้วยความเป็นงานคราฟท์แฮนด์เมด จึงดูดึงดูดด้วยน้ำหนักสีที่หนัก เบา สลับกัน แต่ก็ยังคงความผ่อนคลายสบายๆ  และด้วยลักษณะที่ปะปนความดิบอยู่ในนั้น ทำให้ผ้าแบบนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ยากจะลอกเลียน และยังทำให้มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่ออีกด้วยครับ

      แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก ผ้ามัดย้อมคราม ก็อย่าเพิ่งงงงวยกันไปนะครับ เอาเป็นว่าถ้าได้อ่านบทความนี้  เพื่อนๆน่าจะได้ทำความรู้จักกับผ้ามัดย้อมลายครามเป็นอย่างดี รวมถึงอาจจะหลงเสน่ห์ผ้ามัดย้อมลายครามนี้ จนต้องหาไปใส่ หรือเอาไปประดับตกแต่งบ้านเลยก็ได้นะครับ ^^

ผ้าย้อมครามคืออะไร

ผ้าย้อมคราม คือผ้าที่ย้อมสีด้วยครามธรรมชาติ มีเฉดสีฟ้าถึงสีน้ำเงินเข้ม ผ้าย้อมครามนิยมใช้กันแพร่หลายในหลายเขตพื้นที่ของโลก โดยเฉพาะเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี อินเดีย ลาวและประเทศไทย เนื่องจากมีองค์ความรู้ในการปลูกต้นครามและการย้อมคราม ผ้าย้อมครามในประเทศไทยมีมากในภาคอีสาน โดยเฉพาะจังหวัดสกลนครซึ่งมักจะย้อมครามที่เส้นฝ้าย เส้นฝ้ายก่อนนำไปทอด้วยมือให้เป็นผืน บ้างมัดหมี่ให้เป็นลวดลายก่อนแล้วจึงนำไปย้อมและทอมือด้วยกี่พื้นบ้าน เกิดเป็นผ้ามัดหมี่ทอมือย้อมครามที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น ในปัจจุบันมีการผสมเทคนิคใหม่ๆ เช่นการมัดย้อม การเขียนเทียน บาติก เพื่อให้ได้ลวดลายและสีสันที่ร่วมสมัยครับ

จุดเริ่มต้นของผ้าย้อมคราม

ประเทศไทยไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ามีการใช้ผ้าย้อมครามตั้งแต่เมื่อใด แต่มีการผลิตและใช้กันในชนเผ่าภูไท สกลนครเป็นจังหวัดแรกของประเทศไทย ที่ฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการทอผ้าย้อมคราม และพัฒนาให้มีมาตรฐานสามารถนำผลิตภัณฑ์ผ้าครามจากภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าแทรกตลาดที่กำลังกลับมาบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารเคมีและไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

      การทำผ้าย้อมครามบ้านโคกภู ตำบลโคกภู อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร สืบทอดมาจากบรรพบุรุษที่อพยพย้ายถิ่นฐานเพื่อเสาะแสวงหาพื้นที่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูก ตั้งรกรากปักฐาน จังหวัดสกลนคร ประกอบด้วยชนเผ่าต่าง ๆ ได้แก่ ไทญ้อ ไทโย้ย ภูไท ไทกะเลิง ไทโซ่ ไทข่า และไทลาว ชาวอีสานตอนบนมีวัฒนธรรมด้านเครื่องนุ่งห่มใช้สีดำหรือสีน้ำเงินเป็นหลัก ทุกเผ่าจะมีเสื้อผ้าสีดำหรือน้ำเงินเป็นพื้นแตกต่างกันในรายละเอียดอื่นๆเท่านั้นนิยมนำไปย้อมผ้าและมัดเป็นลายเรียกว่าผ้าย้อมคราม 

      คราม เป็นไม้พุ้มตระกูลถั่ว ชอบแดดจัดและที่น้ำไม่ท่วมขัง จึงต้องปลูกในที่ตอนราวปลายเดือนเมษายน ดายหญ้าทุก 1 สัปดาห์ ให้ครามได้รับแสงแดดเต็มที่ เพื่อสร้างสีครามไว้ที่ใบ เมื่อครามอายุราว 3-4 เดือน ใบจะเขียวเข้มและออกฝัก ตอนเช้าตรูสังเกตเห็น หยดน้ำเงินใต้ต้นคราม แสดงว่าครามแก่ให้สีได้แล้ว จึงตัดหรือเกี่ยวทั้งต้น กิ่งและใบ ในเวลาเช้าตรูเพื่อให้ได้ใบครามสดที่สุด มีสีครามมากที่สุด หากเก็บครามยามสาย ใบครามจะเหี่ยว (น้ำน้อย) ทำให้สารเคมีในใบคราม ไม่ทำงานเมื่อนำมาแช่น้ำ สีครามในใบคราม(Indican) จะไม่สามารถออกมาละลายในน้ำได้ครับ

 

การมัดย้อม

      การมัดย้อม เป็นการมัด ผูก เย็บ หนีบ หรือเป็นการ “กันสี ” ในส่วนใดส่วนหนึ่งของผ้าที่ผู้ย้อมไม่ต้องการให้เกิดสีที่จะย้อมในครั้งนั้นๆ โดยใช้วัสดุต่างๆ เช่น เหรียญ เชือกปอ เชือกฟาง ไม้ หนีบ ด้าย หรือถุงพลาสติก มาเป็นวัสดุช่วยในการกันสี ร่วมกับการม้วน พับ จับจีบ ขยำ หรือเย็บผ้า  ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ของลายที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลวิธีในการออกแบบสี และการผสมผสานเทคนิคต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันของผู้ย้อม โดยเรียกการสร้างลวดลายด้วยกรรมวิธีนี้ว่า “ผ้ามัดย้อม”

 

      การมัดย้อมเป็นศิลปะบนผืนผ้าที่มีการสืบทอดกันมานานในหลายประเทศ เช่น ไทย มลายู อินเดีย ญี่ปุ่น  เป็นต้น โดยเรียกรวมๆว่า ว่า  “พลางงี”  มีต้นกำเนิดในเอเชียกลาง  หลังจากนั้นจึงแพร่ขยายไปยังญี่ปุ่นและอินเดีย โดยในอินเดียจะเรียกว่า  “พันธนะ” ซึ่งหมายถึงการมัดหรือผูก   ส่วนในญี่ปุ่นจะ เรียกว่า “ชิโบริ” (Shibori) ซึ่งหมายถึงการมัดหรือปม นั่นเองครับ

      “พลางงี”(Plangi)  เป็นวิธีการมัดย้อมแบบหนึ่ง ซึ่งรวมกลุ่มอยูในงานศิลปหัตถกรรม  ประเภทเดียวกับ มัดหมี่  และ บาติก โดย“พลางงี” เป็นการคําในภาษามลายู ซึ่งหมายความว่า หลากสีหรือลายจุดบนพื้นสี  เป็นวิธีการมัด ผูกหรือเย็บรูดบนผืนผ้าที่ทอแล้วเป็น จุดเล็กๆ ด้วยเส้นด้ายแล้วนําไปย้อมหรือแต้มด้วยสีที่ต้องการ ทําให้เกิดเป็นวงหรือเหลี่ยมเล็กๆสี ขาวหรือตามสีพื้นผ้า นิยมทําเป็นลวดลายธรรมชาติ เช่น ดอกไม้และใบไม้ ครับ

      ในญี่ปุ่นจะเรียกวิธีการมัดย้อมว่า “ชิโบริ” (Shibori) ซึ่งหมายถึงการมัดหรือปม ส่วนมากจะ นิยมย้อมด้วยครามบนผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย ลวดลายของการมัดย้อมลายหนึ่งเป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่น ได้แก่ ลายจุดเล็กๆ ที่เรียกกนว่า “คาโนโกะ ชิโบริ” ( Kanoko Shibori) ซึ่งเกิดจากการผูกผ้าไว้ด้วยด้าย ปลายของวงกลมเล็กๆ แต่ละจุด จะถูกปล่อยไว้โดยไม่ได้มัด ทำให้เกิดวงกลมเล็กๆ ตรงกลาง ของวงแหวนที่เกิดจากการมัด เส้นวงกลมที่เกิดจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับวิธีการมัด และ จำนวนรอบที่ผูก นอกจากนี้ยังมีลวดลายที่เกิดจากการเย็บและรูด การพับด้วย ผ้าที่ย้อมด้วยเทคนิคชิโบรินั้นเป็น งานที่ละเอียดอ่อน ประณีต และมักมีการใช้เทคนิคการปักเข้าร่วมด้วยเพื่อให้เกิดความสวยงามเพิ่มขึ้นครับ

 

 

เสน่ห์ของผ้ามัดย้อมคราม

      ผ้ามัดย้อมครามนอกจากจะมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้านรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ตัวเนื้อผ้าเองจะมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ อย่างเช่น มีกลิ่นหอมอ่อนๆจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นกลิ่นจากคราม  อีกทั้งยังมีความนุ่ม สวมใส่สบายกับทุกสภาพอากาศ อากาศหนาวใส่แล้วอุ่น อากาศร้อนใส่แล้วเย็นเหมาะกับอากาศในเอเชียบ้านเรามากครับ และนอกจากนี้ยังสามารถกันยุงได้ เพราะผ้าครามมีกลิ่นที่ยุงไม่ชอบ ที่พิเศษกว่านั้นคือ คุณสมบัติในการป้องกัน UV สามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต หรือ รังสียูวีได้ดี ทำให้ปกป้องผิวจากแสงแดดได้เป็นอย่างดีครับ

 

      Mix n’ Match กับการตกแต่งปัจจุบัน

 

 

      เราอาจจะคุ้นชินกับเสื้อผ้าย้อมครามซะเป็นส่วนใหญ่ แต่จริงๆแล้วผ้ายอมครามสามารถนำมาประดับตกแต่งภายในบ้านได้ออกมาสวยงาม อาทิ  การนำมาใช้กับเครื่องนอนไม่ว่าจะเป็น หมอน ผ้าห่ม หรือผ้าปูเตียง นอกจากจะให้ความรู้สึกที่สบายแล้ว โทนสีครามเป็นสีโทนเย็นส่งผลให้การนอนหลับพักผ่อนมีประสิทธิภาพที่ดีได้ยิ่งขึ้นครับ   นอกจากนี้ชุดโซฟาจากผ้าย้อมครามก็ยังถือเป็นชิ้นส่วนการตกแต่งที่ดูแปลกตาสำหรับคนชอบการตกแต่งที่ไม่เหมือนใคร ให้ความรู้สึกดิบ   แต่ยังผ่อนคลายด้วย  texture ของผ้าย้อมครามที่ดูไม่เนี๊ยบจนเกินไป ถ้าใครชอบแนวนี้ก็ จัดไปเลยกับชุดโซฟาจาก ผ้าย้อมครามครับ

      สำหรับใครที่คิดว่าเปลี่ยนของชิ้นใหญ่มันแสนจะยากลำบาก  ก็ลองหันมาเปลี่ยนเป็นชิ้นเล็กๆน้อยๆ อย่างผ้ากันเปื้อนบนโต๊ะอาหาร ก็เป็นไอเดียที่เข้าท่าดี  เพราะนอกจากอาหารที่เราทำจะต้องใช้ฝีมือแล้ว ผ้ามัดย้อมลายครามก็ยังดูเป็นงานคราฟท์แฮนด์เมดทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูชิลล์เหมือนนั่งกินอาหารอยู่ริมทะเลเลยล่ะครับ ^^

      ผ้ามัดย้อมลายครามก็สามารถนำมาเป็นผ้าม่านได้อย่างดูสวยงาม  สำหรับใครที่ชอบลวดลายธรรมชาติ ก็มัดย้อมในรูปแบบต่างๆที่มีให้เลือกหลายลาย ทำให้สามารถสร้างเอกลักษณ์กับบ้านของคุณได้เช่นกันครับ  เลือกผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือผ้าจากใยสับปะรด ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะจะได้ความโปร่งของผ้า ทำให้บ้านดูไม่ทึบจนมากเกินไปครับเหมาะกับอากาศบ้านเราเป็นอย่างดีครับ

 

      สำหรับใครที่อ่านจบแล้ว เกิดอยากได้ผ้าย้อมครามขึ้นมา บียอนแนะนำว่าไปที่แหล่งอย่าง ถนนผ้าคราม จังหวัดสกลนคร มีให้เลือกซื้อสินค้าผ้าย้อมครามมากมายหลากหลาย อาทิ ชุดผ้าคราม ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ กระเป๋า เสื้อยืดย้อมคราม หมวก รองเท้า พวงกุญแจ สมุดโน้ต และอีกมากมาย จากกลุ่มชุมชนผู้ผลิตผ้าครามที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสกลนคร   ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีนะครับ นอกจากจะได้ไปเที่ยวแล้ว ยังได้อุดหนุนผลงานคนไทยที่มีฝีมือและถือเป็นการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกด้วยครับ ☺

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

i-san.tourismthailand.org

sodeice.blogspot.com

รายงานการวิจัยเรื่อง ศิลปะการออกแบบลวดลายผ้าด้วยการมัดย้อมสีจากธรรมชาติ
: ศึกษาเฉพาะ ประเภท รูปแบบ เทคนิคและกระบวนการ ออกแบบลวดลายด้วยการมัดย้อมผ้า การสกัดสีย้อมจากธรรมชาติ
: คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

pinterest.com