เราอาจเคยเห็นตึกสวยๆ สถาปัตยกรรมสุดโมเดิร์นมามากมาย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เน้นความเรียบง่ายมาพร้อมกับโทนสีสุดคลาสสิก เพื่อคงไว้ซึ่งความงาม หรูหราเหนือกาลเวลานั่นเองค่ะ แต่ก็ยังมีอีกหลายๆ อาคารที่นอกจากจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความสวยงามแล้วยังมีลูกเล่นและเน้นโทนสีสันสดใส สุดจี๊ด ให้กลายเป็นจุดเด่นและสามารถดึงดูดสายตาของคนทั่วไป อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปพร้อมๆ กับความหรรษา จนหลายคนต้องรีบยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาแชะภาพคู่ เก็บความประทับใจสไตล์ฮิปเตอร์ (ดูอินเตอร์ไปอีก…..)

      และบทความนี้ Karuntee จะมาเติมความ Colorful ให้แฟนๆ บาริโอ โดยการพาไปรู้จักตึกหรืออาคารต่างๆ ที่เน้นสีสันจนกลายเป็นสถานที่อันโดดเด่นที่เห็นแล้วบอกได้คำเดียวว่า Wow……  สุดๆ ไปเลยค่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ Follow Now!

 

 

      Chefchaouen,Morocco

      อากาศร้อนๆ แบบนี้ หลายคนนึกถึงทะเลใช่ไหมคะ? และใช่ค่ะ Karuntee พาทุกคนมาที่ทะเล แต่ทะเลที่หมายถึงคือ เมืองที่เปรียบเหมือนทะเล นั่นก็คือ เชฟชาอูน (Chefchaouen) เมืองเล็กๆ ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศโมร็อกโก ซึ่งถูกปกคลุมด้วยบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นและโดนฉาบ พร้อมวาดลวดลายตัวอาคารให้กลายเป็นสีฟ้าทั้งหมด ชวนให้ผ่อนคลายและสบายตาทุกครั้งที่พบเห็น…..

      เหตุผลที่ทำให้เชฟชาอูนกลายเป็นเมืองสีฟ้านั่น เริ่มตั้งแต่สมัยที่ชาวยิวที่อพยพมาตั้งรกรากในช่วงยุค 1930 และพวกเขาเหล่านั้นมีความเชื่อว่าสีฟ้าคือตัวแทนของท้องฟ้าและสวรรค์ ในขณะที่บางคนก็เชื่อว่าผนังสีฟ้าจะช่วยไล่ยุงหรือแมลงเล็กๆ ที่สามารถทำอันตรายต่อคนได้ หลังจากนั้นจึงเริ่มเปลี่ยนเมืองอันแสนธรรมดาให้กลายเป็นเมืองสีสัน โดยได้ทำการทาสีผนังและอาคารด้วยสีฟ้าสลับกับสีขาว (เล็กน้อย ) ทั้งหมด จนกลายเป็นจุดเด่นที่สุดของเมืองในปัจจุบัน

      ต้องขอบอกเลยนะคะว่านอกจากเชฟชาอูนจะกลายเป็นสีฟ้าทั้งเมืองแล้ว พื้นที่แห่งนี้ยังถูกโอบล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่และบรรยากาศที่เรียกว่าค่อนข้างดีตลอดทั้งปีเลยค่ะ จึงเป็นอีกหนึ่งแห่งที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนใฝ่ฝันต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต (Karuntee ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยค่ะ)

 

      Happy Rizzi House

      Happy Rizzi House  หรือแปลเป็นไทยก็คือ บ้านที่สุขที่สุดในโลก เป็นตึกแนว pop-art ตั้งตระหง่าน เก๋ไก๋ กวนประสาท อยู่ที่ เมือง Braunschweig ประเทศเยอรมัน สร้างสรรค์ความมันส์และละเลงสีสันโดยสถาปนิก Konrad Kloster โดยจุดมุ่งหมายและเจตนาในการเปลี่ยนพื้นที่รกร้างให้กลายเป็นตึกที่มีความสวยงาม แปลกประหลาดและดึงดูดสายตา เพื่อปลุกชีวิตให้ตึกน้อยใหญ่ หันมาเป็นมิตรแท้ แชร์รอยยิ้ม สร้างสีสันให้ผู้ผ่านไปมา จน Happy Rizzi House บ้านที่สุขที่สุดในโลก กลายเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงแห่ง Braunschweig

      เราจะพบว่าตึก Happy Rizzi House  นี้ นอกจากการใช้สีสันหลากหลายสีเพื่อสร้างให้คนที่พบเห็นมีความสุขแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นคือการออกแบบสไตล์ Paintings คือการดีไซน์ตัวตึกให้เต็มไปด้วยความรู้สึกจาก หัวใจสีแดงมีพลัง ดวงตาเปล่งประกายจากการผสมผสานความคอนทราสต์ให้ลงตัวด้วยสีขาวและดำ ​​ดาวสีเหลืองสกาวและนกที่กำลังโบยบินไปทั่วทั้งพื้นที่ ผ่านท้องฟ้าและพสุธาอันสดใส เป็นต้น ยังมีอีกหลายเฉดสีที่ถูกถ่ายทอดออกมาแต่ละสีล้วนทำให้คุณรู้สึกในแบบที่แตกต่างกันแต่พออยู่รวมกันแล้วเกิดความกลมกลืนและประสานกันได้อย่างลงตัวเลยทีเดียวค่ะ

 

 

      Cape Town, South Africa

      เคปทาวน์ (Cape Town)  นอกจากวิวสวย ธรรมชาติงดงามน่าเก็บตังค์ไปเที่ยวสักครั้งในชีวิต บ้านเรือนในเมืองเคปทาวน์ยังเต็มไปด้วยสีสันและสถาปัตยกรรมที่แปลกตาอีกด้วย โดยแต่เดิมนั้นชาวดัตช์เคยเข้ามาปกครองที่นี่และได้ทิ้งสัญลักษณ์ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไว้ เรียกว่าสไตล์ “Cape Dutch”  คือรูปแบบบ้านเรือนที่มีการตกแต่งหลังคาหน้าจั่วด้านหน้าอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังได้ผสมผสานอิทธิพลจากมาเลเซียคงหลงเหลืออยู่ตามบ้านเรือนสีสันสดใส และยังมีหอสูงยอดแหลมให้เห็นอยู่บ้างในเขต Bo-Kaap

 

 

      Ministry of Culture

      อาคาร Ministry of Culture, Community and Youth ประเทศสิงคโปร์ เพื่อนบ้านอาเซียนไทยนี่เองค่ะ ถือเป็นอาคารเก่าขนาดใหญ่ที่ถูกนำมารีโนเวทใหม่ ด้วยการการทาสีที่บริเวณบานหน้าต่างไม้ของอาคารด้วยสีสดๆ แตกต่างกัน สร้างสีสัน ความโดดเด่นและทำให้ดูแปลกใหม่ จนกลายเป็นแหล่งถ่ายภาพฮิปๆของบุคคลทั่วไปรวมถึงบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลาย โดยตึกนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพาน Coleman Bridge ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟใต้ดิน Clark Quay Station โดยในตอนกลางคืนที่อาคารจะมีการเปิดไฟส่องสว่างที่หน้าต่างสร้างบรรยากาศให้สวยงามและน่าสนใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

 

      ยังอยู่ที่สิงคโปร์แต่ข้ามฟากมาที่ฝัง Little India ค่ะ สีสันของอาคารบ้านช่องแห่งนี้ สวยงามไม่แพ้ อาคาร Ministry of Culture เลยล่ะ แต่อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะถ้าใครไปถึงย่านนี้แล้วเจอแต่คนอินเดียเป็นส่วนใหญ่ เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมสีสันแห่งวัฒนธรรมของชาวอินเดียนั่นเอง (ตามชื่อเลยค่า…..) เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปในย่านนี้คุณจะรู้สึกได้ถึงสีสันอันจัดจ้าน ร้อนแรงตามแบบฉบับอินเดียน ถึงจะเป็นตึกและอาคารเล็กๆ แต่ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของสิงคโปร์เลยค่ะ

 

 

      La Boca, Argentina

      ลาโบกา (La Boca) ประเทศอาร์เจนติน่า มีอาคารบ้านเรือนเป็นสไตล์ดั้งเดิมแต่ได้ใส่ความร่วมสมัยลงไปด้วยการทาสีหลากสีอย่างตัดกัน เปรียบดั่งหมู่บ้านสีรุ้งและถนนศิลปะ ช่วยสร้างสีสันและความแปลกใหม่ให้กับเมืองหลวงแห่งนี้

      แต่เดิมชาวลาโบกาค่อนข้างมีฐานะยากจน และอาศัยอยู่ใกล้ท่าเรือ เวลาจะสร้างบ้านจึงนำวัสดุที่เหลือใช้ไม่ว่าจะเป็นซากหรือเศษเรือ รวมถึงแผ่นโลหะและกระดาษลูกฟูกมาต่อเติมให้กลายเป็นที่อยู่ นอกจากนี้ยังได้นำสีที่เป็นของเหลือมาทาบ้าน ซึ่งแต่ละสีมีจำนวนไม่มากพอที่จะทาทั้งหลังได้ ทำให้บ้านแต่ละหลังมีหลากหลายสีนั่นเอง จนเวลาล่วงเลยทำให้เกิดการเสื่อมโทรมมาตามลำดับ

      และปัจจุบันหมู่บ้านลาโกบาได้ถูกฟื้นฟูขึ้นใหม่อีกครั้ง โดย Benito Quinquela Martín ศิลปินชาวท้องถิ่นที่ตัดสินใจระบายสีบนผนังบ้านเก่าเหล่านั้นให้ดูสว่างและสดใสขึ้น พร้อมกับการสร้างเวทีเล็กๆ สำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ของหมู่บ้าน จนทำให้ย่านลาโบกากลายเป็นถนนยอดนิยมของเหล่าศิลปินและแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมือง ที่สำคัญยังมีชื่อเสียงโด่งดังในด้านอาคารบ้านเรือนสีสันสดใส และมีร้านค้าแผงลอยขายงานด้านศิลปะและอื่นๆ อีกด้วย

 

 

      Burano Island , Italy

      เกาะบูราโน่ (Burano Island)  ประเทศอิตาลี หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อว่า เมืองลูกกวาด เพราะเต็มไปด้วยสีสันตลอดจนสองฝั่งทางนั่นเอง ทั้งตัวตึกและดอกไม้สีสันสดใสที่สวยชูช่อแบบไม่แพ้กันเลยค่ะ

      บูราโน่เป็นเกาะเล็กๆ ที่เราสามารถเดินลัดเลาะซอยเที่ยวชมได้ทั่วเมืองโดยใช้เวลาไม่มากมายนัก และคุณจะสะดุดตากับสีสันอันจัดจ้านของบ้านทรงสี่เหลี่ยมที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามริมคลอง ซึ่งแต่ละหลังประดับนั้นมักจะประดับกระถางต้นไม้ไว้บริเวณริมหน้าต่างบานคู่ โดยเล่ากันมาว่าเหตุผลที่ผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะบูราโน่ต้องทาบ้านเรือนด้วยสีสันสว่างไสวนั่น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวประมงมองเห็นเกาะนี้เมื่อเดินทางเข้าฝั่ง หลังจากการหาปลา ซึ่งในปัจจุบันสภาเทศบาลของเมืองจะเป็นผู้กำหนดสีที่ชาวเมืองบูราโน่ต้องทาบ้านของตัวเอง และสีสันสดใสเหล่านี้ที่สะท้อนบนพื้นน้ำเหมาะกับการถ่ายภาพสุดๆ ไปเลยค่ะ

 

 

      Cinque Terre, Italy

      อีกหนึ่งสถานที่ในประเทศอิตาลีที่สวยงามไม่แพ้กัน คือ  ชิงเคว เทเร (Cinque Terre) หมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนเชิงเขาสูงชันริมทะเล ซึ่งประกอบไปด้วย 5 หมู่บ้าน อาคารบ้านเรือนน้อยใหญ่ที่ตั้งเรียงรายไปตามแนวพื้นดินต่างระดับ พร้อมสีสันอันสวยงามของตัวบ้านที่ตัดกับความงามของสีฟ้าท้องทะเล สวยงามราวดั่งกับภาพวาดเลยค่ะ

      บ้านเรือนส่วนใหญ่ถูกปลูกด้วยอิฐ สีสันจัดจ้านที่บรรจงแต่งแต้มลงบนผนังแตกต่างกันไปตามความชื่นชอบของผู้อาศัย เหตุผลของการทาสีบ้านให้ดูมีสีสันคล้ายๆ กันกับเกาะบูราโน่เพราะชาวบ้านนั่นประกอบอาชีพทำการประมง จึงต้องทาสีบ้านให้โดดเด่น เห็นแต่ไกล ด้วยต้องการให้รู้สึกอุ่นใจยามเมื่อออกทะเลไกล จะได้มองเห็นและจดจำบ้านตนเองได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังสบายใจได้ว่าครอบครัวของพวกเขายังอยู่ดีและปลอดภัยไม่ได้ไปไหน และความเชื่อของพวกเขานี้เองที่สร้างความงามและโดดเด่นจนคนนอกก็อยากมาเยี่ยมเยือน

      นี่แค่เรียกน้ำย่อยนะคะแต่ละที่สวยงามและสดใสได้ใจไปสุดๆ และยังมีอีกหลายๆ สถานที่ที่โดดเด่นเต็มไปด้วยสีสัน เอาไว้โอกาสดีๆ ครั้งหน้า Karuntee พาไปเที่ยวชมอีกนะคะ

 

 

 

รูปภาพจาก pinterest