สวัสดีค่ะ พบกันอีกครั้งกับ New Project ที่ทุกท่านรอคอย ผ่านไปอีกเดือนพร้อมกับก้าวเข้าสู่เดือนใหม่ด้วยบรรยากาศที่สดชื่น ฝนยังคงโปรยลงมาอย่างต่อเนื่องยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ แต่อากาศก็ช่างเป็นใจให้อยากจะนอนอ่าน New Project เพลินๆอยู่บ้านเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ แถมทางบาริโอก็ยังมีผลงานมาอัพเดตอยู่สม่ำเสมอไม่ปล่อยให้ต้องคอยนานอย่างแน่นอน

      New Project เดือนนี้จะพาทุกท่านก้าวข้ามเข้ามาในบรรยากาศที่แปลกตาจากเดือนที่ผ่านมาไม่มากก็น้อย การตกแต่งภายในสไตล์ที่คลาสสิค หรูหรา หรือไม่ว่าจะเป็น Contemporary ท่านที่คอยติดตามก็คงได้เห็นผ่านตามาบ้างแล้ว ในบ้านหลังนี้ก็เช่นกัน ทางดีไซน์เนอร์ได้ออกแบบให้งานตกแต่งที่แสนจะคลาสสิค หรูหรา มาพร้อมกับความอบอุ่นไปในตัว ด้วยพื้นที่ของบ้านที่ไม่จำเป็นต้องใหญ่มากนัก แต่เสมือนมีเวทมนต์แอบเสกคาถาเพิ่มความหอมหวานให้กับบ้านหลังนี้ ทำให้ภายในบ้านทั้งกลมกล่อมไปด้วยความคลาสสิคที่แสนอ่อนโยน เกิดเป็นบรรยากาศแสนละมุนบนความหรูหราเข้ากันได้เป็นอย่างดี

 

 

      เมื่อข้ามผ่านประตูเข้ามาจะได้พบกับความหรูหราที่แทรกตัวไว้ตามมุมต่างๆ ภายในตัวบ้านมีมุมมองที่หลากหลายสามารถกวาดสายตาไปได้ทั่ว  เนื่องจากในส่วนของ Living room  จะมีลักษณะเป็นห้องโถงที่เปิดกว้างมองเห็นไปถึงส่วนของ Dining  บรรยากาศถูกตกแต่งในสไตล์คลาสสิค เพิ่มความมีระดับด้วยการติดแผ่นทองที่ฝ้าเพดาน พร้อมกับซ่อนไฟไว้เพื่อช่วยส่งเสริมฝ้าเพดานสีทองให้เพิ่มความโอ่อ่าได้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับเติมความอ่อนหวานให้กับผนังตกแต่งที่กรุด้วยไม้ย้อมสีวานิลลา นอกจากจะได้บรรยากาศที่ดูโอ่โถงแล้วยังให้ความรู้สึกที่อ่อนละมุนผสมผสานกันเข้าไปด้วย

 

 

 

      สลับมาที่อีกด้านของ Living room  จะเป็นส่วนของผนังทีวีที่เพิ่มจุดดึงดูดสายตาด้วยการติด Wall Paper ริ้วทองให้รับกันกับฝ้าเกิดเป็นดีไซน์ที่เชื่อมโยงกัน ใช้การกรุกระจกเงาสีชาดำเพิ่มรายละเอียดและ เสริมความน่าสนใจด้วยตู้โชว์ขนาบอยู่ทั้งสองด้าน ภายในตู้โชว์ด้านหลังกรุกระจกเงาสร้างมิติในกับของที่ใช้สำหรับตั้งโชว์ บริเวณตู้ด้านล่างหน้าบานทำลวดลายลักษณะเป็นรูปร่างโค้งรับกับซุ้มประตูทางเดินที่อยู่บริเวณด้านข้างของตู้โชว์

 

 

      ถัดเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าวก็จะพบกับส่วนของ Dining และ Pantry  ซึ่งอยู่ใกล้ๆในบริเวณเดียวกัน ในมุมนี้ถูกจัดสรรพื้นที่ที่มีจำกัดได้อย่างลงตัว สามารถทำเป็นมุมสำหรับเตรียมและรับประทานอาหารได้อย่างสะดวก ครบถ้วน ทางดีไซน์เนอร์ยังได้ใส่รายละเอียดที่แฝงความพิถีพิถันไว้ให้เป็นที่สะดุดตาอยู่ในหลายๆจุด ทางด้านของ ผนังส่วนPantry กรุด้วยกระเบื้องลายเปลือกหอย เมื่อเวลาเปิดไฟจะพ่วงความพิเศษให้กับมุมนี้มีความเงาระยิบระยับเพิ่ม gimmick ได้อย่างดี

 

 

      Family Room ที่ทางครอบครัวใช้เป็นห้อง พักผ่อน ใช้เวลาร่วมกันสร้างความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว ทำให้ห้องแห่งนี้ถูกโอบไว้ด้วยความอบอุ่นทั้งจากความรักความเอาใจใส่ซึ่งกันและกันของคนในครอบครัว และยังได้สัมผัสที่อ่อนโยนไปกับการตกแต่งที่มีการคลุมโทนสีที่สบายตาพร้อมกับมีกลิ่นไอความคลาสสิคอยู่บางๆ ผนังทีวีถูกตกแต่งด้วยลวดลายฉลุที่มีลวดลายที่ม้วนโค้งให้ความรู้สึกที่สบาย ผ่อนคลายเหมาะกับบรรยากาศภายในห้อง พร้อมกับติดกระจกเงาเน้นลายฉลุให้มีมิติโดดเด่นออกมา

 

 

      อีกมุมหนึ่งของห้องเป็นส่วนที่แสงสว่างส่งผ่านได้อย่างดี ทำให้ภายในห้องสว่างได้จากแสงธรรมชาติและไม่ทำให้ห้องอึดอัดมากจนเกินไป แสงยังสามารถส่องผ่านเข้ามากระทบกับผนังสีเข้มที่ตอกด้วยหมุดเรียงกันไปเป็นแนว เป็นการใช้แนวของการตอกหมุดเพิ่มเส้นสาย ให้กับผนังเรียบๆให้น่าสนใจได้ไม่น้อย

 

 

      เดินขึ้นบันไดมาถึงชั้น 2 จะพบกับโถงบริเวณกลางบ้านที่ทางดีไซน์เนอร์ได้ออกแบบให้เป็นพื้นที่สำหรับวางพระพุทธรูป โดยใช้เป็นตู้ใบใหญ่สีขาวบริสุทธิ์ ทำช่องตรงกลางให้ลักษณะคล้ายซุ้มโค้งอยู่กึ่งกลางของตู้เพื่อใช้วางสิ่งที่เป็นจุดศูนย์กลางทางจิตใจอย่างพระพุทธรูปที่เจ้าของบ้านนับถือ ด้านหลังเป็นกระจกทำสีทองทำให้บริเวณนี้ดูสว่างตา ตัดกันกับสีขาวนวลเนียนของตู้ และมีจุดนำสายตาที่เหมาะสม

 

 

      Master Bedroom ภายในห้องที่ถูกปกคลุมไปด้วยความใส่ใจในงานออกแบบที่พิถีพิถัน คุมโทนความหรูหราได้อย่างพอเหมาะและลวดลายในสไตล์คลาสสิค ถูกนำเข้ามาเป็นส่วนช่วยให้บรรยากาศภายในห้องดูละเมียดละไม  โดดเด่นที่ผนังหัวเตียงถูกดีไซน์เป็นซุ้มสีทองล้อมรอบกระจกเงาที่ช่วยให้ดูกว้างมากขึ้น ลวดลายของซุ้มผนังหัวเตียงยังเข้ากันกับผนังตกแต่งในส่วนอื่นๆ เพื่อทำให้งานตกแต่งภายในห้องไปในทิศทางเดียวกัน

 

 

      ด้านของฝั่งผนังทีวีที่มีจุดสนใจที่ผนัง TV ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเตาผิง โดยดีไซเนอร์ได้ดึงเอาลักษณะเด่นของเตาผิงมาช่วยเป็นตัวสร้างบรรยากาศภายในห้องได้เป็นอย่างดี

 

 

      ภายใน Master Bedroom ยังมีส่วนของ Closet ที่เน้นการใช้ลวดลายที่ปราณีตในการตกแต่ง หน้าบานตู้เสื้อผ้าดูมีมิติด้วยการฉลุลายที่ใช้เทคนิคเรียงต่อลายลงมาตามแนวยาวของหน้าบาน ล้อรับกับลวดลายบริเวณโต๊ะเครื่องแป้งที่ใช้ลวดลายเรียงแถวเป็นแนวตรงตามแนวของขอบกระจกเช่นกัน

 

 

      ห้องสุดท้ายของบ้านคือห้องทำงานที่เลือกใช้โทนสีที่สบายตาอย่างสีขาว ทั้งเหมาะแก่สายตาที่ต้องการพักผ่อนจากการทำงาน และยังสอดคล้องเข้ากับห้องอื่นๆ ความพิเศษของห้องนี้อยู่ที่ฟังก์ชั่นการใช้งาน การดีไซน์ตู้เพื่อให้เกิดประโยชน์การใช้งานอย่างสูงสุด ถูกแบ่งให้มีหน้าบ้านถึง 3 บาน สามารถแบ่งการใช้งานในการใส่ของแยกประเภทได้สะดวก เช่นการแยกประเภทของหนังสือ ก็สามารถทำให้การใช้งานคล่องตัวขึ้น

ต้องขอบอกเลยนะคะว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ถูกตกแต่งในสไตล์คลาสสิคและหรูหราด้วยพื้นที่ที่ไม่มากนัก ทำให้เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าบ้านของเราจะมีขนาดเท่าไร แต่หากได้การจัดการพื้นที่ที่ดี เลือกสรรงานดีไซน์ที่ลงตัวก็สามารถใช้งานพื้นที่ที่มีอยู่ได้อย่างครบถ้วน และยังสามารถดีไซน์ได้ในทุกๆสไตล์ที่ใจเราต้องการ หากใครที่ได้รับชมบทความนี้แล้วเกิดความสนใจ อยากจะมีบ้านที่ตกแต่งได้ตรงใจแถมฟังก์ชันครบถ้วนแบบนี้บ้าง สามารถติดต่อมาได้ที่บาริโอเลยค่ะ แล้วพบกันใหม่เดือนหน้านะคะ สวัสดีค่ะ…