cover

      “ขอส่งให้เสียงเพลงดังไปยังสวรรค์ ว่าพวกเรานั้นคิดถึงองค์พระราชา”

      เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมเวียนมาอีกครั้ง ยิ่งหวนให้เราระลึกถึงองค์พระราชาผู้ยิ่งใหญ่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้เราเลยขอพาไปเที่ยว “บ้าน” อีกหนึ่งหลังของพระราชาผู้พอเพียง สถานที่ที่ถูกพลิกจากแผ่นดินอันแห้งแล้ง ให้กลายเป็นแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ นั่นก็คือ โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ จ.เพชรบุรีนั่นเองค่ะ

 

 

      ชื่อโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำรินี้ มีที่มาจากช่วงเวลาที่พระองค์ท่านประทับอยู่ ณ วังไกลกังวล…

      วันหนึ่ง มีชาวบ้านนำมันเทศมาถวาย แต่พอดีเป็นช่วงที่พระองค์จะต้องเสด็จกลับกรุงเทพฯ พอดี เลยรับสั่งให้เจ้าหน้าที่นำหัวมันเทศนั้นไปวางไว้บนตาชั่งในห้องทรงงาน ก่อนเสด็จกลับกรุงเทพฯ จากนั้น เวลาล่วงเลยไปเป็นเดือน เมื่อเสด็จกลับมาหัวหินอีกครั้ง ทรงพบว่ามันเทศนั้นได้แตกใบ เลยตรัสว่า “มัน อยู่ที่ไหนก็ขึ้น”

      จึงมีพระราชดำริให้จัดหาที่ดิน เพื่อทำโครงการด้านการเกษตร จนปี พ.ศ. 2551 ก็ได้ซื้อที่ดินจำนวน 120 ไร่ และต่อมาในกลางพ.ศ. 2552 ทรงซื้อที่ดินแปลงติดกันเพิ่มอีก ณ บ้านหนองคอไก่ ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี จำนวน 250 ไร่เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์รวบรวมพืชเศรษฐกิจนานาชนิด เพื่อเป็นแนวทางให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะในพื้นที่อ.ท่ายาง
จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ทรงพระราชทานพันธุ์มันเทศ ซึ่งงอกออกมาจากหัวมันที่ตั้งอยู่บนตาชั่งในห้องทรงงานที่วังไกลกังวล ให้นำมาปลูกไว้ที่ที่ดินแปลงนี้และพระราชทานชื่อโครงการว่า “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ”

 

 

      โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมโครงการนี้ด้วยพระองค์เอง มีพระตำหนักทรงงานที่ตั้งอยู่ภายในโครงการเป็นบ้านไม้สองชั้นเรียบง่าย ที่ใช้ทรงงานและพักผ่อนพระอิริยาบถเมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมโครงการนี้

      เนื้อที่ภายในโครงการกว้างไกล ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา มีทั้งแปลงพืชเศรษฐกิจ ไม้ผล พืชไร่ และพืชผักต่างๆ โดยทั้งหมดนี้จะเน้นไม่ให้มีการใช้สารเคมี หรือหากจำเป็นต้องใช้ก็ให้ใช้ในปริมาณที่น้อยที่สุด  มีฟาร์มโคนม ฟาร์มไก่ และแปลงเกษตรที่จัดเป็นสวนสวยให้คนแวะมาเยี่ยมชม เปิดให้ชมตั้งแต่ 08.30 น. – 18. 00 น.

 

 

      ในโครงการมีทางเลือกให้เราสองทาง ระหว่างสายลุย กับสายชิล สายลุยก็ตามเราไปคว้าจักรยาน (ใช้บัตรประชาชนวางเพื่อยืม) จักรยานที่นี่ส่วนมากจะเป็นแบบมีเกียร์ แต่ด้วยความที่จำนวนคนมาเยี่ยมชมโครงการมาก สภาพจักรยานอาจจะไม่สวยงาม 100% เลือกคันที่ถูกใจ เช็กเบรกและเกียร์ให้เรียบร้อยแล้วปั่นไปพร้อมกับเราได้เลยค่ะ

 

 

      เป้าหมายแรกของเราคือ เรือนทรงงานของพ่อหลวงนั่นเองค่ะ เรือนหลังนี้ เป็นเรือนไม้สองชั้นที่หันหน้าเข้าแปลงเกษตร ดูเงียบสงบและเรียบง่ายสมกับเป็นที่ประทับของพ่อที่พร่ำสอนให้เรารู้จักความพอเพียงเสียจริง แต่น่าเสียดายที่พื้นที่ส่วนนี้เราสามารถเที่ยวชมได้แค่ภายนอกเท่านั้นค่ะ

 

 

 

      จากนั้นเราจะผ่านแปลงผัก ผลไม้ต่างๆ ที่ปลูกสลับกันไป ช่วงนี้จะเป็นสับปะรดพันธุ์เพชรบุรี ไร่ข้าวโพดและนาข้าว ภาพที่เราเห็นคือลมพัดยอดข้าวปลิวไปเป็นคลื่นสีเขียว ดูสบายตา สีเขียวของต้นข้าว ถ้าออกรวงเป็นสีทองก็คงสวยไม่แพ้กัน

 

 

      นี่คือโรงบรรจุภัณฑ์นมโคตราชั่งหัวมันอันโด่งดัง ที่โครงการจะมีทั้งแบบพาสเจอร์ไรส์ และแบบสเตอริไลซ์ โดยปกติอายุของนมพาสเจอร์ไรส์จะน้อยกว่าแบบสเตอรีไลซ์ ทำให้นมพาสเจอร์ไรส์ของที่นี่มีขายแค่เฉพาะในโกลเด้นเพลซ สาขาโครงการชั่งหัวมันเท่านั้นค่ะ แอบกระซิบว่า เป็นนมที่อร่อยและยังคงคุณค่าทางอาหารไว้ได้อย่างดีที่สุดด้วย

 

 

      ส่วนนี่คือฟาร์มมะเขือเทศราชินี ที่กำลังออกดอกเหลืองสวย และออกผลเล็กๆ สีเขียวน่ารัก ระหว่างทางมีแปลงผักผลไม้ เกษตรกรกำลังลงเมล็ดใหม่ผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาล

      เราปั่นจักรยานต่อไปเรื่อยๆ เหนื่อยแต่ก็สนุก ข้างทางรายรอบไปด้วยสวนผลไม้ สวนยางพารา จนได้พบกับฟาร์มไก่ไข่ ที่มีโรงเลี้ยงไก่ไข่ถึง 2 เรือนใหญ่

 

 

      ปั่นมาจนถึงฟาร์มโคนม โชคดีที่ช่วงที่เราไปเจ้าหน้าที่กำลังรีดนมวัวพอดี เลยได้เห็นกรรมวิธีการรีดนมวัวทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มนำเครื่องรีดนมจุ๊บเข้าไปที่หัวนมน้องวัว แล้วปล่อยให้เครื่องรีดนมทำงาน น้ำนมจะไหลเข้าไปในถังนม ถ้าตัวไหนน้ำนมไม่ค่อยไหล หรือแอบอั้นน้ำนมเอาไว้ พี่เจ้าหน้าที่ก็ต้องเข้าไปช่วยบีบ เสร็จแล้วก็เอาเครื่องรีดนมออก บีบนมเคลียร์เต้านม อ้อ เจ้าหน้าที่ที่นี่คุยสนุกมาก แถมตอบคำถามให้ความรู้เราได้อย่างดีเลยค่ะ เคยอ่านเจอมาว่า ภายในโครงการชั่งหัวมันนี้ จะมีชาวบ้านมาสมัครเป็นลูกจ้างคอยดูแลพืชผัก ฟาร์มปศุสัตว์ และช่วยกันดำเนินงานต่างๆ ภายในโครงการ ถือเป็นการสร้างอาชีพให้ชาวบ้านในละแวกนี้ไปด้วยในตัว 🙂

 

 

      ฝั่งตรงข้ามจะเป็นคอกวัวรุ่นต่างๆ แต่คอกริมสุดจะเป็นคอกวีไอพี ตัวนี้ชื่อว่า “คุณตุ่ม” เป็นโคหนุ่มที่พ่อหลวงเคยทรงป้อนหญ้าให้ และพระราชทานชื่อให้นั่นเอง ซึ่งตอนนี้คุณตุ่มเป็นโคหนุ่มตัวเดียวในฟาร์ม และยังเป็นวัวเซเลบที่คนชอบมาเซลฟี่ด้วยอีกต่างหาก

 

 

      ระหว่างทางเราจะเจอกับ กังหันลมผลิตไฟฟ้า 20 ต้น จุดนี้แทบจะเป็นแลนด์มาร์คสำหรับคนที่มาเที่ยวเลยก็ว่าได้ค่ะ พื้นที่โล่งด้านล่างมีการปลูกหญ้าเอาไว้เลี้ยงน้องวัว เป็นการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้สูงสุดจริงๆ

 

 

      พอแดดร่มลมตก เราก็ได้เวลาออกมาเดินเล่นที่อ่างเก็บน้ำหนองเสือ ที่พ่อหลวงท่านทรงให้ปรับปรุงระบบระบายน้ำเพื่อใช้ในโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ บรรยากาศในช่วงเย็นของบริเวณนี้ดีมากๆ อากาศเย็นๆ ในหน้าหนาว กับแสงที่ส่องกระทบผืนน้ำยิ่งทำให้นึกว่ากำลังเที่ยวอยู่ภาคเหนือเสียอีก

      บนภูเขาจะมีจุดชมวิวเล็กๆ ให้ขึ้นไปถ่ายรูป ที่ทางขึ้นจะค่อนข้างลำบากนิดหน่อย เพราะเป็นกระเบื้องปูไว้เป็นขั้นๆ แต่ขึ้นมาแล้วคุ้มมาก ได้มองเห็นโครงการทั้ง 250 ไร่ แถมอากาศข้างบนยังเย็นสบายอีกด้วยค่ะ

 

 

      เดินเลยทางขึ้นจุดชมวิวมา จะเป็นสะพานเส้นทางธรรมชาติ สะพานนี้เชื่อมไปฝั่งอุทยานหนองเสือ ตัวสะพานกว้างขวาง มีทางลง 2 แบบทั้งบันได และทางลาด หากพาผู้สูงอายุมายังเที่ยวได้แบบสบายๆ เพราะมีทางเดินที่อำนวยความสะดวกได้ดี เมื่อมองจากบนสะพานไปทางขวาก็จะเจอภูเขา ชวนให้สูดหายใจอย่างเต็มปอด ช่างสดชื่นจริงๆ ค่ะ

 

 

     โครงการชั่งหัวมัน เป็นเงินจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่ทรงซื้อที่ดินมาจากชาวบ้าน และทรงแสดงชื่อเป็นเจ้าของที่ดินในนามเกษตรกร ทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าเป็นบ้านหลังหนึ่ง ที่เจ้าของบ้านชอบทำไร่ทำนา ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง

 

 

      ทั้งหมดนี้เกิดจากความใส่ใจของพ่อหลวงที่มีต่อเราจริงๆ ค่ะ

      บ้านไร่ของในหลวงแห่งนี้ รอคอยทุกคนให้ไปเที่ยวด้วยกันนะคะ ♡