สวัสดีอีกครั้งค่ะ…เรามาพบกันเป็นเดือนที่สองติดต่อกันแล้วนะคะ จากเดือนที่แล้วที่รำเพยได้นำเสนอเรื่องราวของบ้านหรูใจกลางเมืองไปแล้ว แต่ยังขาดในส่วนของห้องแต่งตัวและห้องน้ำ ครั้งนี้ รำเพยเลยขอมานำเสนอส่วนที่เหลือกันในเดือนนี้นะคะ

      สำหรับห้องแต่งตัวของบ้านหลังนี้ มีจุดที่น่าสนใจมากตรงที่เจ้าของบ้านได้จัดสรรพื้นที่ห้องแต่งตัวไว้ถึง 42 ตร.ม.เลยทีเดียว ซึ่งพื้นที่ห้องแต่งตัวใหญ่ๆ แบบนี้ แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของห้องแต่งตัวในบ้านที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ

      ก่อนอื่น รำเพยขอพูดถึงห้องแต่งตัวสักนิดนะคะ สำหรับเมืองไทยแล้ว ห้องแต่งตัวจัดว่าเป็นห้องที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่บ้าน เมื่อสัก 20-30 ปีมานี้เอง ซึ่งก็จะมีเฉพาะบ้านในยุคหลังปี 2000 และก็คงต้องเป็นบ้านขนาดใหญ่สักหน่อยด้วย เพราะห้องแต่งตัวนี้ จัดว่าเป็น Function ประเภทฟุ่มเฟือย คือมีก็ดี แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไรค่ะ

      แรกเริ่มของห้องแต่งตัวนี้ ถูกแยกออกมาจากห้องนอน โดยแต่ก่อน ห้องนอนทุกห้องจะมีตู้สำหรับเก็บเสื้อผ้าของเจ้าของห้อง ซึ่งตอนแรกตู้เสื้อผ้านี้ ก็จะเก็บเฉพาะเสื้อผ้าอย่างเดียว แต่ต่อมาภายหลัง Lifestyle ของคนเราเริ่มเปลี่ยนไป เราเริ่มซื้อของใช้ส่วนตัวกันมากขึ้น เช่น เสื้อผ้าแบรนด์หรู กระเป๋าถือราคาแพง เครื่องประดับสวยๆ รวมไปถึงนาฬิกาข้อมือสุดเริ่ด

      ซึ่งของใช้ส่วนตัวพวกนี้ มีราคาแพงระยับ ดังนั้น เจ้าของจึงไม่ค่อยอยากจะวางไว้ห่างตัวนัก เลยต้องหาที่เก็บไว้ใกล้ตัวให้อุ่นใจ ของพวกนี้จึงได้เข้ามาอยู่ในห้องนอนในที่สุด

      แล้วที่เก็บของพวกนี้ คงหนีไม่พ้นตู้เสื้อผ้า เพราะเป็นตู้ขนาดใหญ่และมีพื้นที่เก็บของได้มาก ไปๆ มาๆ ตู้เสื้อผ้าเลยต้องขยายออกเรื่อยๆ จนสุดท้าย ตู้เสื้อผ้าใหญ่มากจนคับห้องนอน บรรดา Designer เลยพร้อมใจกันแบ่งพื้นที่ของห้องนอนไว้ให้ตู้เสื้อผ้าโดยเฉพาะ จนกลายเป็นห้องใหม่ไป

      เมื่อห้องนี้มีส่วนที่เก็บเสื้อผ้าโดยเฉพาะ และยังเป็นห้องที่อยู่ระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำ ดังนั้น การเพิ่มส่วนแต่งตัวเข้าไปในห้องด้วย เช่น โต๊ะแต่งตัว หรือกระจกเงาบานใหญ่ จึงเป็นการเพิ่มประโยชน์ใช้สอยที่ลงตัว และสะดวกต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี ต่อมา ห้องนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นห้องแต่งตัวในบ้านไปค่ะ

     กลับมาว่ากันต่อสำหรับบ้านหลังนี้นะคะ ห้องแต่งตัวของบ้านหลังนี้ มีลักษณะเป็นห้องที่แคบและยาว อันเนื่องมาจากการยุบห้องขนาดกลาง 2 ห้องเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นห้องขนาด 3.50 x 12 ตร.ม. และมีประตูทางเข้าห้องวางอยู่เกือบจะกึ่งกลางผนังด้านยาว จึงทำให้ห้องดูเหมือนถูกแบ่งออกเป็น 2 ข้าง ทำให้สามารถแบ่ง Function ต่างๆ ได้ง่ายและลงตัวมากค่ะ

 

 

      สำหรับห้องนี้ เมื่อเข้าไปแล้ว ก็จะพบกับตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่สูงจรดเพดาน มีหน้าบานเลื่อนสลับขนาดใหญ่ โดยตัวบานเลื่อนของตู้จะเป็นบานที่มีขอบเป็นกระจกเงาสลับลูกฟักกระจกใสตรงกลาง แล้วรัดรอบบานด้วยขอบไม้หนาสี Dark Oak ซึ่งไปตัดกับขอบตู้สีขาว Maple Snow ตัดกับความอ่อนช้อยของโคม Chandelier ที่วางอยู่ในหลุมฝ้า ที่แบ่งเป็นสองชุด ทำให้ห้องยาวๆ ห้องนี้ ดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหลมากเลยค่ะ

      สำหรับห้องแต่งตัวห้องนี้ ตู้เสื้อผ้าฝั่งซ้ายมือจะอยู่ใกล้กับห้องน้ำ ดังนั้นส่วนนี้จึงจะทำหน้าที่เป็นส่วนเก็บเสื้อผ้าที่ใช้บ่อย และมีราวแขวนกางเกงแบบดึงออกมาได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน ในขณะด้านบนของตู้ ในส่วนที่สูงมากกว่า 2.00 เมตร ก็จะมีชั้นไม้สำหรับเก็บกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไว้เป็นสัดส่วน

      นอกจากนี้ ฝั่งซ้ายมือนี้ ทาง Designer ได้จัดวาง Bench หนังแท้สีครีมไว้สำหรับใช้งานอเนกประสงค์ เช่น นั่งพักรอ หรือจะใช้วางเสื้อผ้า เพื่อจัดให้เข้าชุดกันก็ได้ค่ะ

 

 

      ส่วนตู้เสื้อผ้าอีกด้านหนึ่ง นอกจากจะใช้เก็บเสื้อผ้าและกระเป๋าเดินทางแล้ว ก็จะมี Minibar เล็กๆ สำหรับให้เจ้าของห้องใช้จัดเก็บเครื่องดื่มยามค่ำคืน หรือจะใช้ชงชาตอนเช้าก็ได้ค่ะ

      สำหรับตู้เสื้อผ้าฝั่งขวามือนั้น เป็นตู้ฝั่งที่ไกลจากห้องน้ำ ดังนั้นจึงเหมาะที่จะใช้เก็บเสื้อกันหนาว หรือชุดราตรี ชุดออกงาน รวมทั้งของใช้ส่วนตัวประเภทต่างๆ เช่น กระเป๋าที่สะสม หรือเครื่องประดับ และนาฬิกา เป็นต้น ทางผู้ออกแบบจึงได้เลือกใช้ตู้เสื้อผ้าชนิดที่มีตู้ลิ้นชักด้านใน เพื่อให้เจ้าของห้องได้ใช้เก็บของใช้ต่างๆ ได้สะดวกด้วยค่ะ

 

 

 

      และเนื่องจากตู้เสื้อผ้าส่วนนี้ ค่อนข้างยาวและเป็นรูปตัวแอล จึงมีพื้นที่จัดเก็บมากอยู่แล้ว ทาง Bareo จึงได้วางตัวเบรค เพื่อแบ่งจังหวะของตู้เสื้อผ้า ไม่ให้น่าเบื่อจนเกินไป โดยให้จัดวางตู้ลิ้นชักเตี้ยพร้อมกระจกเงาบานใหญ่ มีลักษณะเหมือนพื้นที่สำหรับยืนแต่งตัวสำหรับผู้ชาย เหมาะสำหรับการใช้งานในช่วงสบายๆ หรือในวันที่เร่งรีบ ก็ไม่ผิดกติกาค่ะ

      และส่วนนี้ ยังมีพื้นที่ริมหน้าต่าง ที่มีแสงเข้ามาได้ ดังนั้น เราจึงได้วางตู้ Island สี Dark Oak ตาม Theme ของบ้าน ซึ่งตู้นี้ ก็จะมีส่วนด้านบนเป็น Top กระจกใส ด้านในมีลิ้นชักแบบยาวเลื่อนออกมาได้ เพื่อให้เจ้าของบ้านสามารถจัดเก็บเครื่องประดับและนาฬิกาได้โดยสะดวก และง่ายต่อการเลือกใช้งานค่ะ

 

 

      ส่วนสุดท้ายของห้องนี้ คงหนีไม่พ้นโต๊ะแต่งตัว ซึ่งถูกจัดวางให้อยู่กึ่งกลางของห้องเลยทีเดียว เป็นชุดโต๊ะนั่งแต่งตัวแบบมาตรฐานพร้อมลิ้นชักข้าง และกระจกเงาแบบ 3 บาน ปรับองศาได้ มีการให้แสงไฟลอดผ่านด้านข้างของกระจกเงาบานกลาง ทำให้เวลานั่งแต่งหน้า ก็จะเห็นชัดและไม่เกิดเงาดำด้วยค่ะ

      เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับห้องแต่งตัวที่สุดอลังการห้องนี้ รำเพยตั้งใจแบ่งไว้บรรยายให้ฟังโดยเฉพาะเลยทีเดียวนะคะ แต่ไม่ว่าจะบรรยายดีอย่างไร ก็คงไม่ครบสมบูรณ์ หากไม่พูดถึงห้องน้ำที่หรูหราไม่แพ้กันเลยทีเดียวค่ะ

      ห้องน้ำที่ต่อกับห้องแต่งตัวนี้ จะแบ่งออกเป็น 3 ห้องย่อยด้วยกัน คือห้องหลักที่เข้าไปถึง ก็จะพบกับห้องที่มีอ่างล้างหน้าและอ่างอาบน้ำอยู่ด้วยกัน กับห้อง Shower ที่แยกไปด้านข้างและห้องสุดท้าย คือส่วน Toilet ค่ะ

      ห้องน้ำห้องนี้ ถูกวาง Theme และตกแต่งในลักษณะของงานร่วมสมัย แบบ Chinese Modern ที่ดึงเอา Character ของงานแบบจีนยุคเซี่ยงไฮ้ มาผสมกับงานตกแต่งแบบยุโรป ทำให้ห้องน้ำห้องนี้ดูสะดุดตามากค่ะ

 

 

      เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าในห้องนี้ ได้ถูกออกแบบเป็นตู้ทึบสีเข้ม มีลวดลายที่หน้าบานเป็น Inlay สีทอง ดูหรูหรา ด้านบนจัดวางเป็นอ่างล้างหน้า 2 ชุด เพื่อให้รับกับกระจกเงาที่มีกรอบไม้แบบจีน 2 บาน พร้อมโคมไฟผนังตกแต่ง ทำให้ได้บรรยากาศของจีนในยุคเซี่ยงไฮ้มากเลยทีเดียว

      สำหรับการเลือกใช้วัสดุตกแต่งในห้องนี้ ทาง Designer ได้เลือกใช้หินอ่อน Alabescato ตัดกับ Dark Emperado เป็นลวดลาย Graphic สี่เหลี่ยมง่ายๆ ช่วยเปลี่ยนผนังเรียบๆ ให้ดูเด่น และส่งเสริมให้ตัวเคาน์เตอร์เด่นขึ้นมาอย่างมากเลยทีดียว และด้วยความลงตัวของงานออกแบบห้องน้ำห้องนี้ ทำเอารำเพยอยากยกไปไว้ที่บ้าน จะได้ใช้งานได้ทุกวันจริงๆ ค่ะ

      เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับเดือนนี้ที่รำเพยพาไป Review เฉพาะห้องแต่งตัวกับห้องน้ำโดยละเอียด ทำให้ทุกท่านอยากตกแต่งทั้งสองส่วนนี้เพิ่มเติมบ้างหรือเปล่า ถ้าสนใจสามารถติดต่อเข้ามาได้นะคะ ทางทีมงานของ Bareo ทุกคนพร้อมรับใช้ทุกท่าน ให้ได้บ้านสวยตามใจฝันเลยทีเดียวค่ะ