อาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองนครศรีธรรมราช เป็นโครงการที่เราชาว Bareo & Isyss ภูมิใจเสนอสำหรับเดือนแห่งสีสันฤดูร้อน ประจำปีนี้ ด้วยฝีมือการออกแบบของคุณมนัส ซิ หรือพี่นัท ภายใต้การดูแลของคุณมยุรี ธรรมกุลางกูร หรือพี่เล็ก พี่สาวคนเก่ง ของเรา

 

สำหรับงานออกแบบในโครงการนี้ พี่นัทได้บรรจงนำเอารูปแบบงาน Modern Contemporary ที่เต็มไปด้วยสีสัน มาสอดใส่ลายเส้นที่นุ่มนวล และงดงาม เกิดเป็นความลงตัวในแบบที่หรูหราแต่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นในทุกอณูรายละเอียด

 

เนื่องจากอาคารหลังใหญ่นี้ เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นลึก 16 เมตร ขนาด 2 ห้องติดต่อกัน พี่เล็กจึงได้วาง Zoning ของบ้านออกเป็นส่วนๆ โดยเริ่มจากชั้นล่างที่ประกอบไปด้วยส่วนรับรองแขกใหญ่ที่รวมเอาส่วนรับแขก ส่วนทานอาหารและ Pantry เข้าไว้ด้วยกันแบบ Open Plan ทำให้สะดวกต่อการใช้งานและยังทำให้บ้านดูโปร่งและโล่งขึ้นมาก

 

ในการพัฒนาแบบตกเป็นความรับผิดชอบของพี่นัท เริ่มตั้งแต่การกำหนด Concept และดูแลรายละเอียด ซึ่งในส่วนของห้องรับแขก พี่นัทได้ Match วัสดุต่างๆ ทั้งในด้าน Texture และเส้นสายได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้กระจกเงาที่เจียรปรีเพื่อสร้างมิติ หรือผนังพ่น หินทราย สลับกับผนังกระเบื้องหินที่ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อปกปิดโครงสร้าง ผนวกกับงานเฟอร์นิเจอร์ติดตั้งกับที่สีขาว เดินเส้นลวดลายของ เถาวัลย์เพื่อลดทอนความแข็งกระด้างของเส้นสายแบบ Modern ทำให้ภาพรวมของห้องดูหวานและลงตัวมากขึ้นอย่างน่าประทับใจ

นอกจากนี้ การจัดวางแสงธรรมชาติให้เข้าในอาคารนี้ เป็นปัญหาใหญ่ที่พี่นัทได้ร่วมมือกับสถาปนิกชั้นนำของประเทศอย่างคุณชูสิทธิ์ ธรรมกุลางกูร ร่วมกันแก้ไข ทำให้อาคารที่ออกมาดูไม่อึดอัด เพราะทางสถาปนิกได้กำหนดให้มีช่องแสงจากหลังคาลอดผ่านช่องบันได ลงมาถึงชั้นล่าง และให้มัณฑนากรเป็นผู้จัดการดึงแสงเข้าไปใช้ในแต่ละส่วนของห้องอย่างเหมาะสม

 

 

ขึ้นมาที่ชั้นสอง ทางพี่เล็กได้วางไว้ให้เป็นโถง Family เพื่อให้ทั้งครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง ฟังเพลง หรือแม้แต่นั่ง ทำงาน โดยมีโถงวงกลมโปร่งใสด้วยกระจก ที่จัดเป็นชุดนั่งเล่นสีสดใสเป็นส่วนเชื่อมกิจกรรมทั้งหมดเข้าด้วยกัน

 

ซึ่งในการเลือก Color Scheme ของห้อง พี่นัทก็ได้กำหนดสีส้มแดงตัดกับสีเขียวใบตอง เพื่อช่วยกันขับให้ห้องดูสดใส และตรงใจมากขึ้น โดยนอกจากจะมีรูปทรงโซฟาที่เก๋แล้ว ยังสามารถเลือกรับแสงธรรมชาติผ่านทางผนังกระจกโค้งด้านหลัง หรือจะดึงม่านลงมาเพื่อควบคุม แสงภายในก็ได้ตามสะดวก

 

ในส่วนของห้องทำงาน ก็ได้มีการจัดวางชุดโต๊ะทำงานไว้ถึง 4 ที่นั่ง เพื่อรองรับสมาชิกในบ้านที่จะมาใช้งานกันพร้อมหน้า โดยทุกโต๊ะจะ ได้รับแสงจากหน้าต่างเช่นเดียวกัน ยกเว้นในส่วนของโต๊ะทำงานใหญ่ที่ถูกจัดให้ลึกเข้ามา เพื่อเน้นความสำคัญและได้เพิ่มแสงจากโคมไฟ ประดับจากเพดานไว้อย่างพอเพียง

 

ในบางเวลา ห้องนี้จะถูกกำหนดให้ใช้เป็นห้องสมุดด้วย ดังนั้น ทางมัณฑนากรจึงได้ออกแบบตู้หนังสือไว้ตามส่วนต่างๆ ของห้องอย่างลงตัว เพื่อรองรับจำนวนหนังสือที่จะทยอยเข้ามาสะสมในอนาคต ซึ่งในส่วนของตู้หนังสือนี้ ทางมัณฑนากรได้แบ่งเป็นส่วนของตู้แบบมีบานเพื่อ เก็บหนังสือที่ใช้น้อย และลดปัญหาเรื่องฝุ่นละออง ในขณะที่ตู้แบบเปิดโล่งจะทำหน้าที่เก็บหนังสือใหม่ และใช้บ่อยเพื่อให้สะดวกต่อการ หยิบใช้ในแต่ละครั้งครา

 

ห้องนอนใหญ่ เป็นพระเอกของบ้านเช่นเคย โดยพี่นัทได้จัดสรรพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้นสองไว้รองรับ ซึ่งสามารถแบ่งเป็นส่วนแต่งตัว และส่วนนอนได้อย่างสบาย ทั้งนี้ พี่นัทได้จัดวางส่วนแต่งตัวให้เป็นแนวยาวขนานไปกับห้อง เพื่อเน้นความสามารถในการจัดเก็บเสื้อผ้า รวมทั้งมีการออกแบบตู้เพื่อเก็บรองเท้าบวกกับชั้นโชว์สีส้มแดงไว้ด้านหลังผนังทึบโค้งของห้อง Family

 

ในส่วนนอน พี่นัทได้เลือกใช้สีขาวเป็นพื้น เพื่อให้สีส้มและสีทองได้สามารถเปล่งประกายได้เต็มที่ ทั้งนี้ในส่วนของผนังหัวเตียงยังได้ ออกแบบให้เป็นตู้ซ่อนแนวเสาที่เป็นโครงสร้างของอาคาร โดยมีการกำหนดจุดเด่นในส่วนของหัวเตียงเป็นผนังไม้สีเหลืองสดเดินเส้น ไม้เลื้อยแบบยุโรป ซี่งรับกับผนังด้านตรงข้ามที่กำหนดให้เป็นตู้วางทีวี ที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ Built-in สีเหลืองสด บนผนังลวดลายสีขาว

 

นอกจากนี้ พี่นัทยังได้วางเตียงขนาดใหญ่ไว้ในห้องถึงสองเตียงสำหรับเลือกใช้ได้ตามต้องการ และเป็นการบอกเป็นนัยๆ ถึงความกว้างขวางของตัวห้อง ที่ยังมีส่วนนั่งเล่นและส่วนทำงานที่สวยงามลงตัว ไว้ภายในห้องได้อย่างน่าอิจฉา

 

มาถึงชั้นสาม เป็นส่วนของเด็กๆ ซึ่งเป็นลูกๆ ทั้งสามของเจ้าของบ้าน โดยแบ่งออกเป็นสองห้องสำหรับสองหนุ่มกับหนึ่งสาว ที่กำหนดให้ใช้ โถงวงกลมซึ่งเป็นส่วนนั่งเล่นเฉพาะ ให้กลายเป็นจุดเชื่อมต่อห้องทั้งสองเข้าด้วยกัน

 

ทั้งนี้ ห้องนอนของสองหนุ่ม พี่นัทได้เลือกใช้สีขาวเป็นหลัก และสอดแทรกด้วยสีฟ้าน้ำทะเลเพื่อสร้างงความสดใส และเย็นสบาย และได้ออกแบบให้มีทุกอย่างสองชุดเหมือนกัน เพื่อความเสมอภาค ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอน โต๊ะทำงาน ตู้เสื้อผ้า ยกเว้นเฉพาะ Armchair ริมหน้าต่างเท่านั้น

 

ในขณะที่ห้องนอนของน้องผู้หญิง ที่ได้เอกสิทธิ์ในการครอบครองห้องแต่เพียงผู้เดียว ไม่ต้องแบ่งปันกับใคร จึงสามารถเลือกสีหวานได้ ดังใจ อย่างสีชมพูกุหลาบ เล่นลวดลายกราฟฟิกเป็นวงกลมซ้อนกัน ตั้งแต่ส่วนโต๊ะทำงานไปจนถึงหน้าบานตู้ แถมด้วย Stool แต่งตัวที่สวย หวานได้ตรงใจจริงๆ

 

สำหรับงานออกแบบในครั้งนี้ พี่นัทบอกว่าได้พยายามทำงานให้ตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้า และตอบสนองต่อ Lifestyle ของชีวิตยุคใหม่ และยังต้องนำเสนอสิ่งที่ดีกว่าภายใต้ข้อจำกัดของอาคาร ซึ่งต้องขอบคุณพี่ชูสิทธิ์ ธรรมกุลางกูร สถาปนิกใหญ่ของเรา ที่ช่วยแก้ไขปัญหาจากงานออกแบบเดิมของผู้รับเหมาท้องถิ่น ให้พลิกกลับมาเป็นบ้านใหญ่ที่น่าอยู่ได้อย่างลงตัวที่สุด

 

–Hana–