home head
head1

 

 

 

 

วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและนับว่าเป็นวันแม่แห่งชาติเป็นวันสำคัญที่เป็นโอกาสพิเศษให้แม่ลูกและครอบครัวได้มีกิจกรรมร่วมกันเพิ่มความรัก ความใกล้ชิดให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นกว่าเคย “วันแม่” ในปีนี้ ถ้าลูกๆคนไหนต้องการใช้เวลาแห่งความสุขในโอกาสพิเศษๆแบบนี้กับคุณแม่ การเดินทางท่องเที่ยวไปด้วยกันคู่แม่ลูก ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่องเรือเที่ยวไปตามริมแม่น้ำเจ้าพระยาท่ามกลางบรรยากาศของสายน้ำที่หล่อเลี้ยงคนไทยมาอย่างช้านาน อีกทั้งยังสามารถสัมผัสวัฒนธรรมวิถีชีวิตของชาวบ้านริมสองฝั่งเจ้าพระยาใครพร้อมแล้วก็เตรียมจูงมือคุณแม่ล่องเรือเลียบฝั่งเจ้าพระยากันเลย



สำหรับการเส้นทางแห่งความสุขในการล่องเรือในครั้งนี้ขอแนะนำการเดินทางด้วยเรือโดยสารซึ่งจะสะดวกสบายกว่าการเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง หรือรถยนต์ส่วนตัว     เรือด่วนเจ้าพระยา เป็นเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยา ให้บริการในเส้นทางอำเภอปากเกร็ด-ท่าน้ำนนทบุรี-สาทร-วัดราชสิงขร-ราษฎร์บูรณะ โดยมีเรือประจำทาง เรือด่วนพิเศษธงส้ม เรือธงเหลือง และเรือด่วนพิเศษธงเขียว ซึ่งสามารถเลือกเรือโดยสารได้ตามสะดวก ดังนี้

 

เรือด่วนประจำทาง (ไม่มีธง)

ท่าน้ำนนทบุรี-วัดราชสิงขร

 

วันจันทร์-ศุกร์
เวลา 06.20 - 08.05 น. ออกทุกๆ 20 นาที
เวลา 15.00 - 17.30 ออกทุกๆ 25 นาที
ให้บริการในเส้นทางท่าน้ำนนทบุรี-วัดราชสิงขร โดยจอดรับ-ส่งทุกท่าเรือ ทั้ง 34 ท่า
* เป็นเรือชั้นเดียว ความจุ 90 คน ขนาดยาว 27 เมตร กว้าง 3.5 เมตร ลึก 1.5 เมตร
* ค่าโดยสาร 9, 11, 13 บาท

 

เรือด่วนพิเศษ ธงส้ม

ท่าน้ำนนทบุรี-วัดราชสิงขร
จากท่าน้ำนนทบุรี – วัดราชสิงขร

 

จันทร์ – ศุกร์
เวลา 05.50 - 07.00 น. ออกทุกๆ 10 นาที
เวลา 07.00 - 08.00 น. ออกทุกๆ 5 นาที
เวลา 08.00 - 09.00 น. ออกทุกๆ 15 นาที
เวลา 09.00 - 15.00 น. ออกทุกๆ 20 นาที
เวลา 15.00 - 18.00 น. ออกทุกๆ 15 นาที
เวลา 18.00 - 19.00 น. ออกทุกๆ 20 นาที

เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
เวลา 06.00-19.00 น. ออกทุกๆ 20 นาที

 

จากวัดราชสิงขร – ท่าน้ำนนทบุรี

 

จันทร์ – ศุกร์
เวลา 06.00 - 08.00 น. ออกทุกๆ 12 นาที
เวลา 08.00 - 09.00 น. ออกทุกๆ 15 นาที
เวลา 09.00 - 15.00 น. ออกทุกๆ 20 นาที
เวลา 15.00 - 16.00 น. ออกทุกๆ 15 นาที
เวลา 16.00 - 19.00 น. ออกทุกๆ 10 นาที

เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
เวลา 06.00-19.00 น. ออกทุกๆ 20 นาที
ให้บริการในเส้นทางท่าน้ำนนทบุรี-วัดราชสิงขร โดยจอดรับ-ส่ง 20 ท่า ให้บริการทุกวัน
* เป็นเรือชั้นเดียว ความจุ 60 คน ขนาดยาว 27 เมตร กว้าง 3.5 เมตร ลึก 1.5 เมตร
* ค่าโดยสาร 14 บาทตลอดสาย

 

เรือด่วนพิเศษ ธงเหลือง

นนทบุรี – สาทร
นนทบุรี – ราษฎร์บูรณะ
จากนนทบุรี – สาทร


จันทร์ – ศุกร์
เวลา 17.00 - 17.30 น. ออกทุกๆ 30 นาที

จากนนทบุรี – ราษฎร์บูรณะ

จันทร์ – ศุกร์
เวลา 17.00 - 17.30 น. ออกทุกๆ 30 นาที

จากราษฎร์บูรณะ – นนทบุรี

จันทร์ – ศุกร์
เวลา 07.00 - 07.20 น. ออกทุกๆ 20 นาที

ให้บริการในเส้นทางท่าน้ำนนทบุรี-สาทร-ราษฎร์บูรณะ โดยจอดรับ-ส่ง 10 ท่า ให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ ช่วงเช้าและเย็น
* เป็นเรือชั้นเดียว ความจุ 150 คน ขนาดยาว 29.5 เมตร กว้าง 5.8 เมตร ลึก 2.2 เมตร
* ค่าโดยสาร 19 และ 28 บาท

 

เรือด่วนพิเศษ ธงเขียว

ปากเกร็ด - นนทบุรี - สาทร
จากปากเกร็ด – สาทร

 

จันทร์ – ศุกร์
เวลา 06.15 - 08.10 น. ออกทุกๆ 15 นาที
เวลา 17.00 - 18.00 น. ออกทุกๆ 30 นาที

 

จากสาทร – ปากเกร็ด

จันทร์ – ศุกร์
เวลา 15.30 - 18.05 น. ออกทุกๆ 20 นาที

ให้บริการโดยจอดรับ-ส่งผู้โดยสารเพียง 3 ท่าเท่านั้น ได้แก่ ปากเกร็ด - นนทบุรี - สาทร
* เป็นเรือชั้นเดียว ความจุ 40 คน ขนาดยาว 24 เมตร กว้าง 3.5 เมตร ความเร็ว 15 นอต
* ค่าโดยสาร 24 และ 34 บาท

 

เรือท่องเที่ยวเจ้าพระยา
ท่าเรือสาทร – ท่าพระอาทิตย์
ทุกวัน 09.30 - 16.00 น. ออกทุกๆ 30 นาทีจากท่าเรือสาทร
บัตรท่องเที่ยวราคา 150 บาท/วัน
ไม่จำกัดเที่ยวบริการ


สามารถติดตามข้อมูลการเดินเรือได้ที่ http://www.chaophrayaexpressboat.com/th/home/

 

 

 

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจริมสองฝั่งเจ้าพระยา

 

 

 

 

 

 

 

อาคารศาลากลางจังหวัดหลังเก่าของจังหวัดนนทบุรี

 

อาคารศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่าสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2544 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เป็นอาคารไม้สัก 2 ชั้น ทรงยุโรปยุคแรก สมัยรัตนโกสินทร์ (ทรงไทยประยุกต์) ประดับงานสลักไม้ลายวิจิตร เป็นอาคารหลายหลังเชื่อมติดกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีสนามอยู่ตรงกลางหลังคามุงกระเบื้องลูกฟูกมีรั้วเหล็กล้อมรอบ เดิมเป็นอาคารโรงเรียนราชวิทยาลัย โดยในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงซื้อที่ดินจากชาวสวน จำนวน 550 ไร่ เพื่อเตรียมสร้างเรือนจำมหันตโทษ (เรือนจำบางขวาง) ต่อมาสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงแบ่งพื้นที่ 1 ใน 3 ส่วน มาสร้างอาคาร โรงเรียนราชวิทยาลัยของกระทรวงยุติธรรม เป็นโรงเรียนประจำ ประเภทเดียวกับโรงเรียนวชิราวุธ วิทยาลัยกรุงเทพฯ

 

 

 

1

2

 

 

3

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตลาดน้ำวัดแสงสิริธรรม

 

ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นตลาดน้ำที่ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามเกาะเกร็ดอยู่ในโครงการ ส่งเสริมให้ผู้ผลิตสินค้ารอบบริเวณวัดและเกาะเกร็ดได้มีโอกาสนำสินค้ามาแสดงและจำหน่าย และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวเปิดทุกวันเสาร์- อาทิตย์ และวันหยุดราชการ รายรอบไปด้วยธรรมชาติของไร่นา สวนผลไม้ และชุมชนของวัฒนธรรม 3 แบบ เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน คือ ไทยพุทธ ไทยเชื้อสายรามัญและไทย อิสลาม วัดแสงสิริธรรมเป็นวัดเก่าที่สร้างขึ้นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีความร่มรื่นร่มเย็นและสงบ ผ่อนคลาย มีพระอุโบสถเก่า เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธศรีโรจนชัย หรือที่ชาวบ้านเรียก หลวงพ่อโต พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย กับหลวงพ่อดำ พระพุทธรูปหล่อสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัยสมัยอยุธยา สำหรับหลวงพ่อดำองค์นี้เคยถูกขโมยอุ้มหามไปถึง 3 ครั้ง แต่ก็มีอันเป็นไปเกิดขึ้นแก่หัวขโมย จนทำให้สามารถอัญเชิญกลับคืนมาได้ทั้ง 3 ครั้ง โดยรอบพระอุโบสถเก่าเป็นที่แสดงเรือเก่าหลายๆลำ อันสะท้อนถึงวิถีชีวิตดั้งเดิมแบบชาวบ้านภาคกลางหลายๆ รูปแบบอาชีพมีเรือที่ขุดจากไม้ตะเคียนทั้งต้นอยู่ 2 ลำ ลำใหญ่ กว้างประมาณ 2.5 เมตร อายุกว่า 100 ปี นอกจากนี้ยังสามารุเที่ยวชมฝีมือช่างไม้ของไทยในสมัยโบราณที่ฝากไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่น

 

ท่าพระอาทิตย์

 

ตั้งอยู่บริเวณถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ มีสวนสันติชัยปราการซึ่งเป็นสวนสาธารณะบริเวณป้อมพระสุเมรุ ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมอีกแห่งของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ป้อมพระสุเมรุเป็นป้อมปราการ 1 ใน 14 ป้อม ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อสถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานี ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงสองป้อมเท่านั้น และอีกแห่งก็คือ “ป้อมมหากาฬ” ในอดีตถนนพระอาทิตย์แห่งนี้เป็นศูนย์กลางการปกครองและศิลปวัฒนธรรม อาคารบ้านเรือนต่างๆ บริเวณชุมชนถนนพระอาทิตย์ได้รับอิทธิพลทางสถาปัตยกรรมมาจากทั้งจีนและยุโรป ปัจจุบันพื้นที่บริเวณนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปพระตำหนักต่างๆยังได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้อยู่ในสภาพที่ดี

 

นอกจากนี้ยังเป็นรวมของอร่อยไว้มากมายซึ่งเปิดขายกันมาตั้งแต่สมัยก่อน ทั้งร้าน “โรตีมะตะบะ” ที่มีเมนูขึ้นชื่อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแกงกระหรี่เนื้อโรตี สตูลิ้นวัว แกงมัสมั่น     แกงกะหรี่ปลา แกงเขียวหวาน รวมถึงโรตีนมเนย ข้าวหมกไก่ ข้าวหน้าเนื้อ อร่อยเข้มข้นราคาไม่แพง “ก๋วยเตี๋ยวเนื้อนายโส่ย”คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี เนื้อก็เป็นเนื้อวัวแท้ที่แล่เป็นชิ้นบางๆ เคี้ยวนุ่มหนึบ เครื่องในทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นหัวใจ ผ้าขี้ริ้ว ตับ เซ่งจี๊ก็ล้วนแต่สดสะอาด หรือถัดไปอีกฝากถนนริมถนนตะนาว บริเวณสี่แยกคอกวัว “ซ่าหริ่มชูถิ่น” เป็นขนมซ่าหริ่มสูตรโบราณแท้ๆ ทุกคนที่ได้ชิมต่างก็ออกปากชมว่าหอม อร่อยชื่นใจกันทั้งนั้น และถึงแม้ทำขายกันมามากว่า 60 ปีแล้วเส้นซ่าหริ่มที่อร่อยไม่มีใครเหมือนส่วนน้ำกะทิก็คั้นกันสดๆทุกวัน ทำให้ได้รสชาติความหอมมันของมะพร้าวและมีกลิ่นของดอกไม้ 3 ชนิดคือดอกกระดังงาลนไฟ ดอกมะลิและกุหลาบมอญสีชมพู ซึ่งเป็นสูตรโบราณที่ยังคงสืบทอดมาถึงวันนี้

 

 

 

4 5

 

 

โบสถ์แม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์)

 

โบสถ์กาลหว่าร์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ เป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวคริสเตียน ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในกรุงเทพโบสถ์ของคริสตังจีนที่สร้างขึ้นตามศิลปะโกธิค ที่จะมีส่วนหน้าเป็นยอดแหลมสูง ภายในประดับกระจกสีอย่างสวยงาม ชื่อโบสถ์สันนิษฐานว่า คนไทยน่าจะเรียกเพี้ยนมาจากคำว่า Calvary ซึ่งหมายถึงสถานที่ที่ พระเยซูถูกตรึงกางเขนภายในโบสถ์เป็นโถงโล่งขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยกระจกสีลวดลายสวยงามบริเวณแท่นบูชามีโค้ง แบบประตูชัยโรมันขนาดใหญ่ผนังอาคารบริเวณที่เชื่อมกับมุข เจาะเป็นช่องโค้งแหลมขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยลวดบัว ส่วนล่างของผนังเจาะเป็นช่องโค้งแหลมต่อกันเป็นช่วงๆ ส่วนบนของผนังเจาะช่องระบายอากาศกลมลวดบัวและประดับด้วยลายเถาองุ่น ทำสีปิดทองบางส่วนโดยรอบผนังทุกด้าน ความสวยงามของโบสถ์กาลหว่าร์จึงทำให้ชาวคริสส่วนมากนิยมมาทำพิธีแต่งงานกันที่นี่

 

 

 

6 7

 

 

 

ศุลกากรสถาน

 

อดีตเคยเป็นที่ทำการศุลกากร (Customs House) หรือโรงภาษีในยุครัตนโกสินทร์ได้มีระบบการประมูลผูกขาด การเรียกเก็บภาษีอากร เรียกว่า   "ระบบเจ้าภาษีนายอากร" ต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 มีการติดต่อค้าขายมากขึ้น มีการทำสนธิสัญญาเบาริ่ง เปลี่ยนแปลงการเก็บค่า ธรรมเนียมปากเรือมาเป็น “ภาษีร้อยชักสาม” โดยมี โรงเก็บภาษีเรียกว่า “ศุลกสถาน” ต่อมาในปี       พ.ศ. 2417 ได้มีการจัดตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ เป็นสำนักงานกลางในการรวบรวมรายได้ของแผ่นดินและได้มีพัฒนาการเรื่อยมาจนเป็นกรมศุลกากรที่มีบทบาท หน้าที่เน้นการจัดเก็บภาษีอากรจากของที่นำเข้ามาในและส่งออกนอกประเทศ ปัจจุบันด้านหน้าอาคารและอาคารด้านข้างของศุลกากรสถาน เป็นสถานีดับเพลิงเขตบางรัก มีนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันมากมาย

 

 

 

8

 

9

 

 

 

 

 

 

อาคารสุนันทาลัย

 

เป็นโรงเรียนสตรีเก่าแก่ของเมืองไทยแห่งหนึ่งเดิมชื่อ โรงเรียนสุนันทาลัยเกิดจากการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างตึกสุนันทาลัยขึ้นในปีพ.ศ.2463 เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งสิ้นพระชนม์เพราะอุบัติเหตุเรือล่ม ถือเป็นอาคารอิฐก่อขนาดใหญ่หลังแรกในประเทศไทย สถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคพื้นอาคารที่ปูด้วยหินนำเข้าจากประเทศอิตาลี   ประดับด้วยตุ๊กตาปูนปั้น ด้านหน้ามีมุขเป็นรูปมงกุฎยื่นออกมา “อาคารสุนันทาลัย”ได้รับรางวัล อาคารอนุรักษ์ดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยาม ประจำปี พ.ศ. 2525 ที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมสมควรได้รับการบูรณะและอนุรักษ์ นอกจากนี้ตามรายเส้นทางการเดินเรือแม่น้ำเจ้าพระยา ยังมีบ้านเรือนสไตล์ต่างทั้งเรือนไทยโบราณหรือสไตล์โคโลเนียล วัดวาอารามสถานที่สำคัญๆ ให้ได้ชมอยู่ทั้งริมสองฝั่งเก็บเป็นภาพแห่งความประทับใจที่ครั้งหนึ่งได้พาคุณแม่มาเที่ยวกันชิลล์ๆกันพร้อมหน้าพร้อมตา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 Contact us / Join us

ออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาตกแต่งภายใน ตกแต่งภายใน ออกแบบภายใน Interior design Thailand

www.bareo-isyss.com เป็น web magazine ที่ update รายเดือนเพื่อผู้อ่าน ทัศนะและความคิดเห็นใดๆ ของผู้ประพันธ์ หรือผู้สนับสนุน
ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะอันอาจก่อให้เกิดความเข้าใจอย่างชัดแจ้ง หรือไม่แน่ชัดใน www.bareo-isyss.com มิได้มาจาก บริษัท บาริโอ จำกัด และบริษัทในเครือแต่อย่างใด
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น

Bareo-Isyss รับออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาตกแต่งภายใน ออกแบบภายใน ออกแบบตกแต่งภายใน Interior design Thailand