Bareo-Isyss รับออกแบบตกแต่งภายใน ออกแบบภายใน ตกแต่งภายใน Interior design Thailand

head pattern115 curtain-home top115
editor
newproject
decor
design
living
healthy
back
ded115
youtube115
facebook115

 

 

      

      

      การตกแต่งบ้าน นอกจากเฟอร์นิเจอร์เครื่องประดับบ้านต่างๆ แล้วอีกส่วนหนึ่งที่จะขาดไม่ได้คือ ผ้าม่าน โดยในปัจจุบันคนส่วนใหญ่หันมาความสนใจในเรื่องสี ชนิดของผ้าและสไตล์ของห้องมากขึ้น ทำให้ผ้าม่านในปัจจุบันมีรูปแบบที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในปัจจุบันที่มากขึ้นนั้นเองครับ


    ผ้าม่าน คือ การใช้ผ้ามาตกแต่งเพื่อปิดบังสายตาจากคนภายนอกบ้าน และให้ความเป็นส่วนตัวแก่คนในบ้าน เฉพาะฉะนั้น อย่ารอช้า วันนี้บียอนขอเสนอเรื่องราวของผ้าม่าน เพื่อให้ทุกๆท่านได้ทราบเกี่ยวกับคุณสมบัติและประโยชน์ของผ้าม่าน  โดยอันดับแรกเราจะต้องทราบก่อนว่า วัสดุที่ใช้ทำม่านมีอะไรบ้างครับ

 

 

 

 

 

 

 

      วัสดุที่ใช้ทำม่าน แบ่งเป็น 4 แบบ คือ

 

      1. ผ้า

 

      1.1 ผ้าทึบ  Curtain      เป็นผ้าหลักที่ใช้ทำม่านในการตกแต่งบ้าน  หากใช้เดียวๆไม่มีซับก็จะป้องกันแสงได้ระดับหนึ่ง  ขึ้นอยู่กับความหนาของผ้าด้วยครับ

 

 

1

     

 

 

 

      1.2. ผ้าโปร่ง Sheer      ผ้าใช้ทำม่านเสริมอีกชั้น ข่วยให้บ้านสวยงามยิ่งขึ้น  แต่สำหรับอากาศอย่างบ้านเราอาจจะไม่เหมาะกับผ้าโปร่งสักเท่าไร เพราะแดดค่อนข้างแรง แต่จะเสริมอีกชั้นไว้สำหรับเวลาไม่มีแดดและอยากได้แสงเพียงเล็กน้อยให้พอสอดส่องเข้ามาได้ก็สวยไปอีกแบบ  และสามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วยครับ

 

 

2


      

  

      

      1.3. ผ้ากันแสง Blackout หรือ ผ้าทึบแสงนั้น เป็นผ้าม่านที่กันแสงได้ถึง 99% และผ้าม่าน Blackout ส่วนใหญ่ก็จะมีการเคลือบกันรังสี UV จึงช่วยทำให้ห้องมืด เหมาะแก่การพักผ่อนเต็มที่ทั้งกลางวันและกลางคืน นอกจากนี้แล้วยังทำให้ห้องเย็นขึ้นและช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟ เพราะแอร์ของคุณจะทำงานไม่หนักมากนัก

 

 

3

 

 

 

 

 

      1.4. ผ้าซับหลัง Backing ม่านเสริมด้านหลังช่วยรักษาเนื้อผ้าให้ทดทาน ทำให้ผ้าม่านสีไม่ซืดจาง ช่วยให้ม่านมีน้ำหนักทิ้งตัวมากขึ้น

 

 

4

 

 

 

 

 

      

      2.วัสดุสังเคราะห์


      ม่านที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ เช่นไฟเบอร์ โพลีเอสเตอร์ สามารถป้องกันแสงได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถปล่อยแสงผ่านได้ เนื่องจากใบม่านมีความโปร่งแสง ม่านที่ทำจากวัสดุเหล่านี้ก็จะมี ม่านม้วน , ม่านพาแนลแทรค , ม่านปรับแสง อย่างม่านปรับแสง ข้อดี คือ สามารถปรับองศาของใบม่านได้ จึงกำหนดให้แสงผ่านได้ตามความต้องการครับ

 

 

5

 

 

 

 

      

      3. โลหะ


      ก็จะเป็นม่านปรับแสงหรือที่เรียกว่ามู่ลี่ ตัวม่านที่ทำจากโลหะมีคุณสมบัติเด่นคือ กันความร้อนและสามารถสะท้อนแสงได้ ที่สำคัญคือช่วยประหยัดพื้นที่ติดตั้งและพื้นที่ๆต้องเผื่อนอกวงกบ โดยไม่ต้องเผื่อความกว้างความสูงเหมือนผ้าม่านครับ

 

 

6

 

 

 

 

 

      4. วัสดุธรรมชาติ


      มู่ลี่ไม้ หรือ ม่านม้วน วัสดุพวกให้จะให้เกิดความรู้สึกคลาสสิก และ ผ่อนคลาย เพราะคนเราส่วนใหญ่เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า อยากพักผ่อนจะนึกถึงธรรมชาติ จึงมักเป็นที่นิยมในสถานบริการ อย่าง สปา สโมสร

 

 

7

 

 

 

 

 

ความเหมาะของม่านในแต่ละห้อง

 

      ห้องนั่งเล่น

      สามารถเลือกใช้ม่านได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นม่านจีบ ม่านพับ หรือมู่ลี่ไม้ ขึ้นอยู่กับสไตล์การตกแต่งห้อง ขนาดหน้าต่าง รวมถึงการใช้งาน เช่น หน้าต่างบานใหญ่และกว้าง เปิดบ่อยไม่ควรใช้มู่ลี่ไม้ เพราะน้ำหนักค่อนข้างมาก การดึงเก็บขึ้นบ่อยๆ อาจทำให้อุปกรณ์เสียหายได้ง่าย เป็นต้น

 

 

8

 

 

 

 

 

ห้องครัว

    ถือเป็นส่วนที่เลอะเทอะง่ายมากที่สุดในบ้านทางที่ดีควรเลี่ยงการติดม่านจะดีกวาหรือถ้าอยากได้จริงๆ ควรเลือกม่านที่ทำความสะอาดง่าย ไม่เก็บฝุ่น และเปิดให้แสงเข้าได้ง่าย อย่างเช่น มู่ลี่ที่เป็นโลหะ ครับ

 

 

9

 

 

 

 

 

ห้องน้ำ

      ความชื้นเป็นสิ่งที่มาคู่กันกับห้องน้ำ เพราะฉะนั้น ไม่ควรใช้ม่านผ้ากับส่วนเปียกอย่างส่วนอาบน้ำฝักบัว หากจะใช้ควรเป็นม่านพลาสติก สำหรับส่วนแห้งอย่างโถสุขภัณฑ์หรืออ่างอาบน้ำ มู่ลี่น่าจะเหมาะสมที่สุด ถ้าอยากได้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นธรรมชาติก็เลือกใช้มู่ลี่ไม้ หากบ้านแต่งในสไตล์โมเดิร์นก็ใช้มู่ลี่อะลูมิเนียม และควรติดมู่ลี่เหนือขอบอ่างอาบน้ำเพื่อน้ำจะได้ไม่กระเซ็นไปโดนครับ

 

 

10

 

 

 

 

 

ห้องทำงาน

      อาจใช้ม่านปรับแสงแนวตั้งหรือม่านม้วน,ม่านปรังแสง ที่สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้ ม่านทั้งสองชนิดนี้ช่วยกรองแสงจ้าๆ จากภายนอกได้ดี เพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามาอย่างเพียงพอและสามารถปรับตามความต้องการของเราได้ ทำให้ดูโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด จึงส่งผลช่วยให้เราสามารถนั่งทำงานได้นานขึ้นนั้นเองครับ

 

 

11

 

 

 

 

 

เคล็ดลับการดูแลรักษาผ้าม่าน


      - ซักผ้าม่านบ้างหากรู้สึกว่ามันสกปรกมาก ในขั้นตอนของการซักนั้น หากผ้าม่านที่ใช้เป็นผ้าฝ้ายและผ้าลินินนั้นจะสามารถซักด้วยเครื่องได้เลย แต่หากเป็นผ้าชนิดอื่นเช่นผ้าโปร่งที่มีความบาง อาจจำเป็นต้องซักด้วยมือเท่านั้น และก่อนที่จะซักผ้านั้นควรที่จะทดสอบโดยการเทน้ำลงไปบนผ้าในพื้นที่เล็กๆ ก่อน เพื่อทดสอบว่าผ้าม่านนั้นสีตกหรือไม่ และไม่ว่าจะซักด้วยเครื่องหรือมือ น้ำที่ใช้ในการซักควรเป็นน้ำอุณหภูมิห้องและผงซักฟอกควรใช้ชนิดที่อ่อนโยนต่อผ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าเกิดการหดตัวแล้วเป็นตะปุ่มตะป่ำไม่สวยงาม

 

      - ปกป้องผ้าม่านจากแสงแดด ด้วยการเลือกสีโทนสว่างแล้วเสริมม่านโปร่งเข้าไปอีกชั้นเพื่อกรองแสง เพราะถ้าหากเราเลือกม่านสีเข้มๆ แล้วม่านเราจะต้องโดนแสงแดดแรงทุกวันก็จะทำให้เห็นชัดว่าม่านของเราซีดมากขึ้นแค่ไหน ก็ทำให้ดูไม่สวย และอาจจะต้องเปลืองเงิน เสียค่าผ้าม่านใหม่อีกด้วย

 

      - ดูดฝุ่นอย่างเป็นประจำเดือนครั้ง ควรทำอย่างสม่ำเสมอเพราะม่านส่วนใหญ่จะอยู่ติดหน้าต่างเวลาที่เราเปิดบานหน้าต่างเพื่อรับลม ฝุ่นก็จะมาเกาะตามผ้าม่าน เพราะฉะนั้น ควรหาเวลาดูดฝุ่นเพื่อรักษาความสะอาด และที่สำคัญเลยคือบริเวณรางม่าน ก็ควรหาผ้าชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดด้วยครับ


      - รีดผ้าม่านบ้าง นำผ้าม่านมารีดเพื่อฟื้นฟูผ้าและเก็บจีบของม่านให้คมดังเดิม ในขั้นตอนของการรีดผ้าควรรีดด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าย่น การรีดควรตั้งให้มีอุณหภูมิต่ำๆ เพื่อที่จะไม่ให้ความร้อนจากเตารีดนั้นทำลายเนื้อผ้าครับ

 

 

 

12

 

 

 

 

 

      สำหรับเรื่องม่านอาจจะดูเผินๆแล้วไม่ยากเท่าไร แค่เลือกแบบที่เราชอบและลักษณะที่มันเข้ากับการตกแต่งของการตกแต่งบ้านของเรา ก็คงจะดีแล้ว แต่ถ้าเราลงรายละเอียดขึ้นไปอีกสักนิดว่าแต่ละวัสดุของม่านนั้น มีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด เพียงแค่นี้เราก็จะได้ม่านที่มีคุณภาพแล้วพร้อมใช้งานตามวัตถุประสงค์จริงๆได้ครับ สำหรับเดือนนี้บียอนขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันอีกทีเดือนหน้า สวัสดีครับ

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก


pinterest.com
decorreport.com
baanlaesuanfair.com

 

 

 

 

Bareo-Isyss รับออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาตกแต่งภายใน ออกแบบภายใน ออกแบบตกแต่งภายใน Interior design Thailand