สงบ สง่า และสว่างไสวราวกับดวงจันทรา ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ยังมีห้องชุดพักอาศัยขนาดกว่า 300 ตารางเมตร ที่ออกแบบในสไตล์ Modern Luxury และ มีคอนเซปเป็นการตัดกันของสีอ่อนกับสีเข้ม (Contrast of Light & Dark) ราวกับแสงสว่างของดวงจันทร์ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน และในวันนี้เราก็จะพาทุกท่านไปพบกับพื้นที่ส่วนด้านนอกของดวงจันทร์ดวงนี้กันค่ะ

Photo

|| Foyer ||

ต้อนรับเจ้าของบ้านและผู้มาเยือนให้เหมือนกำลังเข้าสู่ห้วงอวกาศ ด้วยผนังหินสีขาวที่มีลวดลายธรรมชาติของแผ่นหิน สร้างให้บรรยากาศดูสงบ นำสายตาด้วยช่องสี่เหลี่ยมสีดำและเส้นตัดขอบของแผ่นหินเพื่อดึงไปยังแผ่นกระจกเงาสีชาดำที่ตัดกับพื้นและผนังส่วนอื่นๆ ที่เป็นสีขาว ทำให้ตัวห้องดูสง่างามและลงตัว โคมไฟตกแต่งบนฝ้า จะเลือกใช้โคมไฟที่ดูเหมือนฟองอากาศลอยละล่องอยู่ในอากาศ ราวกับละอองดาวที่ออกมาต้อนรับเจ้าของบ้าน

เมื่อหันเข้าสู่ส่วนด้านในก็จะพบกับผนังกระจกเงาสีชาดำที่ตัดแยกเป็นชิ้นส่วนอย่างประณีตและเจียรขอบให้ดูมีมิติมากครึ่ง และครึ่งวงกลมตกแต่งสีโรสโกลด์ที่อยู่บนกระจกนั้นก็เป็นราวกับแบบจำลองของดวงจันทร์กลมๆ ที่เมื่ออยู่ต่างตำแหน่งกันและโดนแสงตกกระทบจากจุดที่ต่างกัน ก็จะเกิดแสงและเงาไม่เท่ากัน ราวกับพระจันทร์ที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละวันนั่นเอง

|| Living Area ||

เมื่อเข้ามาด้านใน ก็จะพบกับโซนนั่งเล่นที่มีโซฟาสีขาวตัวใหญ่ ตั้งอยู่ท่ามกลางงานตกแต่งที่เน้นเป็นสีเข้ม เพื่อให้ยามที่เข้าไปนั่งเล่นบนโซฟา และปิดม่านลงมาในยามกลางวัน หรือเปิดม่านในยามกลางคืน ก็จะรู้สึกเหมือนถูกห้อมล้อมอยู่ในห้วงอวกาศ ส่วนโซฟาก็คือยานอวกาศของที่จะพาไปสำรวจเรื่องราวน่าสนใจต่างๆ ที่จะฉายผ่านจอทีวี หรือ นั่งชมวิวเมืองยามค่ำคืนที่เมื่อมองจากที่สูงก็จะเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับดวงเล็กๆ ราวกับเป็นอวกาศส่วนตัวในโลกของเราเอง

นอกจากนี้ดีไซน์เนอร์ยังใส่ฟังก์ชันอย่างชั้นวางของไว้ในหลายๆ จุด เพื่อตอบโจทย์เจ้าของบ้านที่มีของสะสมมากมาย และต้องการใช้พื้นที่นี้เพื่ออวดโฉมของสะสมที่เป็นราวกับบันทึกการเดินทางของเขาให้กับแขกผู้มาเยือนได้ชม

|| Dining Room ||

สำหรับห้องอาหารนั้น เจ้าของบ้านต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่า ดังนั้นห้องอาหารจึงถูกแยกพิเศษออกมาอีกห้องหนึ่ง โดยเป็นห้องที่จะให้ความรู้สึกหรูหราและอบอุ่น เพื่อต้อนรับคนสำคัญและใช้เวลาร่วมกันด้วยมื้ออาหารแสนพิเศษ

ห้องนี้จะมีผนังหินบริเวณแผงทีวีที่เลือกใช้หินสีเทาเข้มและมีลวดลายสีขาว เพื่อให้เกิดความรู้สึกราวกับฝนดาวตก โดยดาวตกนั้น เชื่อกันว่าหากได้เห็นและขอพรก่อนที่ดาวจะตก ลับหายไปก็จะทำให้พรที่ขอสมหวัง ดังนั้นการมีผนังที่ดูราวกับดาวตกที่ไม่มีที่สิ้นสุด จึงเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของความสุขสมหวังที่จะคงอยู่ตลอดไปนั่นเอง

และโปรเจค Moonlight in the City (Part 1) : Journey to the moon ที่เล่าเรื่องราวการเดินทางของงาน ออกแบบตกแต่งภายใน ในส่วนของพื้นที่ใช้สอยส่วนด้านนอกของห้อง… และในเดือนหน้าเราจะพาทุกท่านไปพบกับส่วนห้องนอนของดวงจันทร์ดวงนี้กันค่ะ

สำหรับผลงานอื่นๆ ของเรา สามารถแวะดูผลงาน ออกแบบตกแต่งภายใน อื่นๆ ของเราได้ที่ Portfolio ของเว็บไซต์ Bareo-Isyss หรือ ถ้ามีข้อสงสัยก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ 02 408-1341 – 44 และ 085 072-8998 และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Design by Bareo ค่ะ

และสำหรับผลงานที่ได้รับรางวัลของเรา สามารถติดตามได้ดังนี้

แล้วพบกันใหม่ในเดือนหน้า
สวัสดีค่ะ : )