“หิน” สิ่งที่เกิดจากธรรมชาติ อาจดูเหมือนเป็นหินธรรมดา แต่มากไปด้วยความมหัศจรรย์ที่มาพร้อมกับความเชื่อของมนุษย์ ตามความเชื่อว่าหินคือแหล่งรวมพลังงานที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ทั้งทางกายและจิตใจ รวมไปถึงการใช้หินในการนำโชค จึงทำให้หินมีความเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น โดยส่วนมากจะนำ ” หินสี ” มาใช้เป็นเครื่องประดับ รวมไปถึงใช้ตกแต่งอาคารบ้านเรือน

ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องหินบำบัด

Credit : bloor-yorkville .com

ความมหัศจรรย์ของ “หิน” ที่มาพร้อมกับความเชื่อ เพราะยังไม่มีงานวิจัยรองรับอย่างชัดเจนในเรื่องของการใช้หินบำบัด แต่ในความเชื่อนั้นก็มักได้มาจากความรู้ และการรับรู้จากประสบการณ์ รวมไปถึงการอ้างอิงจากข้อมูลจริงด้วยเช่นกัน เพราะด้วยคุณสมบัติของหินที่มีคลื่นพลังงานที่ดี และแลดูจะมีความเชื่อมโยงกับมนุษย์ ที่มีคลื่นพลังงานในร่างกาย คลื่นพลังงานของหินกับมนุษย์ จึงอาจจะสื่อสารถึงกันได้ ทั้งนี้ในตัวของหินได้ประกอบไว้ด้วยดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับมนุษย์ จึงทำให้มีจุดเชื่อมโยงอยู่ระหว่างหินกับร่างกายมนุษย์ และในเชิงวิทยาศาสตร์ยังเรียกได้ว่าหินนั้นเป็นก้อนที่รวมเอาแร่ไว้หลายชนิดที่มาจากแหล่งกำเนิดหลายที่ทั่วโลก และด้วยเหตุนี้คนในสมัยโบราณจึงนิยมนำหินมาใช้ในการบำบัดรักษาโรค เพราะหินนั้นมีแร่ธาตุอยู่มากมาย

การบำบัดด้วยหินในส่วนใหญ่มักจะใช้บำบัดโรคที่เกี่ยวข้องกับสภาวะจิตใจ เช่น อาการเครียด นอนไม่หลับ มีปัญหาในชีวิต เป็นต้น แต่ทั้งหมดนั้นก็ต้องควบคู่ไปกับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันด้วย โดยแนวคิดในการใช้หินบำบัดคือ เมื่อสภาวะจิตใจดีขึ้นก็จะส่งผลให้ร่างกายดีขึ้นตามมา ซึ่งหมายความว่าหินจะช่วยในเรื่องเสริมจิตใจให้ดีขึ้นนั่นเอง

หินสี สีต่างๆ กับความหมายและสัญลักษณ์ทางความเชื่อ

หินที่มีสีสันสวยงามจะถูกเรียกรวมๆ กันว่า “ หินสี ” ซึ่งจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ได้ค้นพบว่า มนุษย์เราได้ให้ความสำคัญกับแร่และหินสีต่างๆ มาเป็นเวลาหลายพันปี และไม่ใช่แค่เพียงในยุคปัจจุบันที่มีการใช้หินเป็นเครื่องประดับ เครื่องสำอาง และยารักษาโรค แต่ค้นพบว่าได้มีการใช้ประโยชน์ในแนวทางเดียวกันนี้จากหินมาตั้งแต่ในอดีต และหินที่มีสีสันต่างๆเหล่านี้ก็มีความหมาย และคุณสมบัติในการบำบัดที่แตกต่างกันออกไป

หินสีเขียว, หินสีฟ้า

Credit : britannica .com

หินสีเขียว ที่เราคุ้นเคยกันคือฟลูออไรต์ (Fluorite) โดยมีคุณสมบัติในการบำบัดเกี่ยวกับขา เข่า กระดูก เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อ และได้มีการจดบันทึกในอดีตถึงอาการปวดขา ปวดเข่า สามารถใช้ฟลูออไรต์บรรเทาอาการได้ และที่ทำให้เรารู้จักกับหินชนิดนี้อย่างดีก็คือการนำฟลูออไรต์มาสกัดในยาสีฟัน เพราะจะช่วยเรื่องบำรุงกระดูกและฟัน สว่นในเชิงสัญลักษณ์ทางความเชื่อหินชนิดนี้มีพลังงานของสัญชาตญาณ เชื่อกันว่าทำให้ภาพนิมิตกลายเป็นจริงได้ นอกจากนี้หินสีเขียวก็ยังมีอีกหลายชนิด เช่น หินอมาโซไนต์ที่มีสัญลักษณ์ทางความเชื่อด้านการงาน ทำให้การงานราบรื่น, หินอเวนเจอรีนเป็นสัญลักษณ์ของความอบอุ่นและผ่อนคลาย เป็นต้น

Credit : healthline .com

นอกจากนี้ยังมีหินสีเขียวอีกหนึ่งชนิดที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง คือ หยก (Jade) โดยหยกมีคุณสมบัติในการบำบัดผู้ป่วยที่เจ็บป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ เพราะหยกมีพลังงานสามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้ดี โดยทางความเชื่อหยกเป็นหินที่เหมาะกับการดูดซับปัญหา จึงทำให้จิตใจสงบขึ้น

หินสีทอง, หินสีเหลือง

Credit : quora .com

หินสีทอง เช่น ควอทซ์ (Quartz) ซึ่งควอทซ์จะมีลักษณะใสและมีเส้นใยสีทองอยู่ข้างใน หรือเรียว่าไหมทอง ในไหมทองของหินชนิดนี้มีแร่ธาตุพลังงานสูงในการใช้บำบัด จะใช้เพื่อการดูดพลังด้านลบออกจากร่างกาย เช่น ใช้บำบัดผู้ที่มีโรคมะเร็งหรือป่วยหนัก เพราะเชื่อกันว่าโรคเหล่านี้ทำให้มีพลังงานด้านลบอยู่ในผู้ป่วย และหินชนิดนี้มีสัญลักษณ์ทางความเชื่อในเรื่องการนำพามาซึ่งทรัพย์สิน โชคลาภ

Credit : tinyrituals .co

นอกจากนี้ยังมีหินสีเหลือง เช่น ซิทริน (Citrine) เป็นหินที่อยู่ในกลุ่มควอทซ์ ช่วยบำบัดในเรื่องแก้อาการท้องอืด และมีความเชื่อว่าเป็นหินที่ช่วยสร้างกำลังใจ สร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างดี

หินสีแดง, หินสีส้ม

Credit : mindbodygreen .com

หินสีแดงกับหินสีส้ม จะมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกัน เช่น หิน เรด แจสเปอร์ (Red Jasper) เป็นหินสีแดง ที่มีประสิทธิภาพต่อระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยบำรุงเลือด เช่น คนที่มีเลือดน้อยลักษณะตัวซีด จะสามารถช่วยบำบัดได้ดี แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีความดันโลหิตสูง เพราะด้วยความที่หินจะไปช่วยกระตุ้นเลือดลมเยอะเกินไปอาจทำให้ไม่เหมาะสม สัญลักษณ์ด้านความเชื่อเป็นหินแห่งการวางรากฐานที่ดี ช่วยทำให้หลักการในการดำรงชีวิตเรียบง่าย

การตกแต่งด้วยหิน

นอกจากในเรื่องของการบำบัดโรค และความเชื่อต่างๆ แล้ว เราจะเห็นได้ว่าสีสันของหินนั้นเป็นความสวยงามจากธรรมชาติที่สรรค์สร้างขึ้นมาอย่างแท้จริง จึงไม่แปลกที่ในปัจจุบันเริ่มมีการนำมาประยุกกต์เป็นของตกแต่ง มีทั้งใช้เป็นเครื่องประดับ, ของตกแต่งบ้าน, เฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงการใช้หินเป็นเครื่องรางต่างๆ

Credit : therockstargallery .com

หินที่มีสีสันและลวดลายที่สวยงามตามธรรมชาติมักนิยมนำมาประยุกต์เป็นของปะดับตกแต่งบ้าน เพราะมีความสวยงามเหมาะกับการตั้งโชว์ และยังมีการนำหินไปผสมผสานเพิ่มฟังก์ชันที่มากขึ้นเช่น การนำหินมาทำเป็นน้ำพุ และโคมไฟ เป็นต้น

Credit : etsy .com

หินบางประเภทสามารถนำมาแกะสลักเป็นรูปทรงต่างๆได้ จึงมีการนำหินมาออกแบบเป็นประติมากรรมที่สามารถใช้ตกแต่งทั้งภายในและบริเวณ out door ได้อย่างสวยงามไม่ขัดตา

Credit : lizmarieblog .com, zulily .com

อีกหนึ่งสิ่งที่มีความนิยมนำหินมาประยุกต์ใช้คือเครื่องประดับ เพราะความสวยงามจากสีและลวดลายที่ไม่ซ้ำกันจึงทำให้เกิดเป็นความ unique ซึ่งก็จะนำมาทำเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน เป็นต้น ในส่วนของเครื่องประดับนั้นผู้คนนิยมเลือกชนิดของหินตามสัญลักษณ์ความเชื่อ และมักเลือกหินที่มีพลังงานเข้ากับตนเองเช่น หินสีแดงที่เหมาะกับคนเลือดจาง เป็นต้น

Public Space

“หิน” ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในด้านอื่นๆได้อีกมากมาย เช่นการนำหินมาเป็นส่วนหนึ่งของ Public Space โดยพื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ผู้คนจะได้มีส่วนร่วมกับทรัพยากรที่ถูกจัดสรรมา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการใช้ประโยชน์จากหิน

Three Kingdoms Park

Credit : thailandholidayhomes .com, turamania .ru

Three Kingdoms Park เป็นอุทยานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนานจีนที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งอย่าง เรื่อง ”Romance of the Three Kingdoms” หรือ สามก๊ก นั่นเอง อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ในพัทยา สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงแง่มุมของพุทธศาสนาและวัฒนธรรมและปรัชญาจีนแก่ผู้ที่มาเยือน ที่โดดเด่นคือสถานที่แห่งนี้มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีสวนล้อมรอบอย่างร่มรื่น และยังเต็มไปด้วยรูปปั้นนักรบจีนโบราณ และด้วยเป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาก็จะมีเรื่องของความเชื่อเข้ามาร่วมด้วย โดยสถานที่นี้ก็ได้มีการใช้หินมาเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมความมงคลตรงบริเวณทางเข้าด้วยบ่อน้ำหินกลิ้งรูปทรงหยินหยาง เป็นหินทรงกลมขนาดใหญ่สีดำและสีขาวแทนสัญลักษณ์ของหยินหยาง ซึ่งหินมีพลังงานที่ดีจากดิน น้ำ ลม ไฟ และโอบล้อมไปด้วยบ่อน้ำพุที่ช่วยให้ที่แห่งนี้สงบร่มเย็นมากยิ่งขึ้น

Village of Yorkville Park

Credit : bloor-yorkville .com

Village of Yorkville Park พื้นที่สาธารณะกลางแจ้งที่แปลกตาและน่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีการออกแบบให้ผู้คนสามารถเดินลัดเลาะผ่านได้ โดยขณะที่เดินก็จะคล้ายกับได้เดินผ่านป่าในเมืองที่มีต้นไม้หลากหลายชนิด และมีความโดดเด่นอยู่ที่หินขนาดใหญ่น้ำหนักถึง 60 ตัน ที่ตั้งตะหง่านอยู่กลางสวนสาธารณะ หินก้อนนี้ถูกขุดเจอที่บริเวณทะเลสาปทางตอนเหนือของเมืองโทรอนโต และถูกเคลื่อนย้ายมาไว้ที่ Village of Yorkville Park เพื่อให้สวนสาธารณะแห่งนี้เกิดเป็นองค์ประกอบใหม่ที่สมบูรณ์มากขึ้น และยังให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ผู้คนทั่วไปสามารถมีส่วนร่วมและขึ้นไปนั่งพักผ่อนและทำกิจกรรมบนหินก้อนนี้ได้อีกด้วย

Pars pro Toto

Credit : news.stanford .edu

Pars pro Toto เป็นผลงานศิลปะกลางแจ้งที่เกิดขึ้นในปี 2021 โดยศิลปินนานาชาติ Alicja Kwade และได้รับการจัดแสดงอยู่ที่ลานเอนกประสงค์ในมหาวิทยาลัย Stanford ประเทศสหรัฐอเมริกา Pars pro Toto เป็นผลงานทางศิลปะที่ประกอบไปด้วยหินทรงกลมลวดลายแพรวพราวสิบสองก้อน มีขนาดตั้งแต่เล็ก 16 นิ้วไปจนถึงใหญ่มหึมา 98 นิ้ว หินเหล่านี้มีแหล่งที่มาจากหลายประเทศแตกต่างกัน ทำให้ลานว่างๆ กลายเป็นพื้นที่ที่ดูสนุกสนาน โดยศิลปินกำหนดตำแหน่งของหินโดยการขว้างลูกกลมเล็กๆ ลงบนแบบจำลองของลานกว้างเพื่อดูว่าหินจะตกลงไปที่ใด และการมีศิลปะอยู่กลางที่สาธารณะแห่งนี้ก็เป็นตัวช่วยทำให้ผู้ที่เดินผ่านไปมาได้ตื่นเต้น เพราะสามารถตอบโต้และเพลิดเพลินไปกับหินเหล่านี้ได้

สามารถติดตามผลงานต่าง ๆ ของทาง Bareo ได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ของ Bareo หรือทาง Facebook : Design by Bareo ที่จะคอยอัพเดทข่าวสาร งานดีไซน์ และผลงานการออกแบบตกแต่งภายในมากมาย ให้ท่านผู้อ่านได้รับความรู้ และความสนุกตลอดทั้งปี

หรือหากสนใจจะออกแบบตกแต่งภายในกับทาง Bareo ทางเราก็มีบริการออกแบบภายในครบวงจร โดยสามารถอ่านรายละเอียดการให้บริการของเราได้ที่นี่ คลิ๊ก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
holistik .nl
blog.shoplc .com
gemstoneuniverse .com
news.stanford .edu
bloor-yorkville .com