Astrological Sign เป็นแนวคิดทางโหราศาสตร์ ที่ถือได้ว่ามีอิทธิพลต่อสังคม มากเลยทีเดียว เพราะมีในเรื่องของความเชื่อเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และนอกจากนี้ยังเป็นศาสตร์ที่สามารถสืบย้อนไปถึงวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมในอดีตได้อีกด้วย

โหราศาสตร์ (Astrological)

Credit : mymodernmet .com

โหราศาสตร์เป็นปรากฏการณ์ที่มีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมนุษยชาติมาช้านาน โหราศาสตร์ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ไม่มีหลักฐานใดที่จะพิสูจน์ได้ว่าสัญญาณราศีมีความสัมพันธ์กับบุคลิกภาพจริงๆ หรือจริงๆ แล้วเป็นแค่เพียงวิธีการทำนายเหตุการณ์บนโลกและมนุษย์ตามตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ในกลุ่มดาวโหราศาสตร์

โหราศาสตร์มีถิ่นกำเนิดในเมโสโปเตเมีย เมื่อประมาณสามพันปีก่อนคริสต์ศักราช และแพร่กระจายไปยังอินเดีย และได้พัฒนามาสู่วิทยาการและปรัชญารูปแบบตะวันตก กระจายไปทั่วอารยธรรมกรีกในช่วงยุค Hellenistic Egypt และในยุคกลางโหราศาสตร์แทบจะสูญหายไปหลังจากที่อาณาจักรโรมันถูกทำลาย แต่ต่อมาโหราศาสตร์กลับไปรุ่งเรืองในวัฒนธรรมอิสลาม โดยถูกถ่ายทอดด้วยตำราโหราศาสตร์ในยุคกรีก และในตอนปลายของยุคกลางนักโหราศาสตร์ในยุโรปเริ่มกลับมาเรียนรู้ จึงทำให้ความรู้เรื่องโหราศาสตร์ถูกส่งกลับไปสู่วัฒนธรรมยุโรปผ่านการเรียนรู้ด้วยภาษาอาหรับ

นอกจากนี้โหราศาสตร์ยังมีความสำคัญในจีนโบราณ และจีนในยุคจักรวรรดิ์ เช่น ชาวจีนโบราณมีการดูดวงชะตาสำหรับเด็กแรกเกิด และความสนใจในโหราศาสตร์เหล่านี้ยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งผู้คนมีความเชื่อในสัญญาณโหราศาสตร์กันอย่างแพร่หลาย ว่าโหราศาสตร์นนั้นมีอิทธิพลต่อบุคลิกภาพของมนุษย์เรา จึงเป็นที่มาของการดูดวงจากราศีเกิดนั่นเอง

จักรราศี ทั้ง 12 ราศี

การนับกลุ่มดาวทั้ง 12 ราศีแบบสากล

Credit : britannica .com

กลุ่มดาว จักรราศี (Zodiac) คือกลุ่มดาวฤกษ์ 12 กลุ่ม ในสมัยโบราณ วิชาดาราศาสตร์กับโหราศาสตร์ยังไม่มีการแบ่งแยกจากกันที่ชัดเจน จึงมีการจัดกลุ่มดาวที่สามารถเห็นชัดบนท้องฟ้า ซึ่งแบ่งออกเป็น 12 กลุ่ม หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าจะเห็นได้ว่า กลุ่มดาวเหล่านี้จะมีการปรากฏแตกต่างกันออกไป ตามช่วงเวลาแต่ละเดือน คนในยุคโบราณต่างก็มีจินตนาการการมองเห็นกลุ่มดาวเป็นรูปร่างต่างๆ นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกตามเดือนอีกด้วย หากนับตามหลักสากลแล้ว จะเริ่มจากราศีเมษ และปิดท้ายที่ราศีมีน

การนับกลุ่มดาวทั้ง 12 นักษัตรแบบจีน

Credit : Miguel Angel on Vecteezy

บ่อยครั้งเราอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการนับกลุ่มดาวทั้ง 12 ราศี ทั้งแบบสากล แบบจีน หรือแบบอินเดีย ซึ่งแต่ละแบบก็ล้วนมีการนับที่แตกต่างกันไป

หากเป็นการนับแบบ 12 ราศีประจำเดือนจะเป็นรูปแบบของกรีก ซึ่งจัดเป็นการนับแบบสากล
การนับแบบ 27 กลุ่มดาวนักษัตรบริวารเป็นการนับแบบอินเดีย
และสุดท้ายการนับ 12 นักษัตรประจำปีเป็นการนับตามแบบจีน

ซึ่งแท้จริงแล้วทั้ง 3 รูปแบบเป็นกลุ่มดาวเดียวกัน และ 12 ราศีที่เรารู้จักต่างก็มีที่มาเรื่องเล่าที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมจากแหล่งที่เราอาศัยนั่นเอง และหนึ่งในแหล่งกำเนิดตำนานที่หลายๆ คนรู้จักคือ กรีกโบราณ เพราะเป็นต้นแบบตำนานด้านจักรราศีที่มักถูกนำมาเล่าอยู่บ่อยๆ

ราศีเมษ กลุ่มดาวแกะ (Aries)

Credit : Design by Bareo / Background Image Credit : Felipe Giacometti on Unsplash

กลุ่มดาวราศีเมษหรือกลุ่มดาวรูปแกะ มีสัญลักษณ์ประจำราศีเป็นรูปแกะตัวผู้ ตำนานเรื่องเล่านั้นมีอยู่หลากหลายแต่ที่เป็นที่นิยมเล่าต่อกันมาจะมีอยู่ 2 ตำนาน ตำนานที่หนึ่งได้เล่าไว้เกี่ยวกับแกะตัวนี้ที่แท้คือ เทพเจ้าซูส (Zeus) โดยมีชื่อเรียกทางโรมันว่า Jupiter เทพเจ้าซูสเป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่มาก และได้แปลงตัวไปเป็นแกะ เพื่อต้องการจะหนีอสูรไทฟอนที่คอยติดตามตน จนเกิดเป็นสัญลักษณ์รูปแกะอย่างที่ได้เห็นกัน

ส่วนอีกตำนานหนึ่งก็เป็นนิยายดาวที่มีการกล่าวถึงกันมากและมีชื่อเสียง เล่ากันว่ากลุ่มดาวแกะเป็นสัญลักษณ์แทนแกะในเรื่องราวเรื่องนี้ ตำนานเล่าถึงเด็ก 2 คนเป็นพี่น้องกันชื่อว่าฟรีซัส (Pheixus ) และ เฮเล (Helle) พวกเขาเป็นลูกของกษัตริย์แห่งนครเทสสาลี (Thessaly) พวกเขาถูกแม่เลี้ยง เลี้ยงดูอย่างโหดร้ายทารุณ ด้วยความน่าสงสารจึงทำให้เทพ Mercury ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการสื่อสาร และความเร็ว ได้ส่งแกะตัวผู้ซึ่งมีขนเป็นทองคำมาให้เด็กทั้งสองเพื่อหลบหนีแม่เลี้ยง ในขณะที่เด็กน้อยสองคนกำลังขี่แกะเหาะหนีไปบนอากาศ เฮเลโชคร้ายได้พลัดตกจากหลังแกะ เหลือแค่เพียงฟรีซัสที่ยังอยู่ และได้หนีรอดออกไปอย่างปลอดภัย เมื่อฟรีซัสไปถึงเมือง Colchis ฟรีซัสจึงฆ่าแกะเพื่อบูชายัญ และได้เอาขนแกะทองคำให้กษัตริย์ผู้ครองเมือง เทพเจ้าซูสจึงได้นำแกะตัวนี้ยกขึ้นไปเป็นกลุ่มดาวบนกลางท้องฟ้า เป็นกลุ่มดาวประจำราศีเมษ

ราศีพฤษภ กลุ่มดาววัว (Taurus) 

Credit : Design by Bareo / Background Image Credit : Zdeněk Macháček on Unsplash

กลุ่มดาวราศีพฤษภ มีสัญลักษณ์ประจำราศีเป็นรูปวัว มีตำนานเล่าว่าในยุคสมัยกรีกโบราณ วัวตัวนี้ก็คือเทพเจ้าซูส (Zeus) ที่ได้ไปตกหลุมรักเทพธิดายูโรปา (Europa) และได้คิดวิธีที่จะเข้าหาด้วยการแปลงกายเป็นวัวสีขาวที่ดูสะอาดตา มีสีขาวเหมือนหิมะปะปนเข้าไปอยู่ในฝูงวัวของบิดาของเทพธิดายูโรป วันหนึ่งเทพธิดายูโรปได้เห็นวัวสีขาวที่สะดุดตาเพราะความงดงามจึงทำให้สนพระทัยเป็นอย่างมาก และจึงขึ้นขี่หลังของวัว แต่วัวก็ได้กระโจนลงทะลพร้อมกับว่ายน้ำพายูโรปาไปยังเกาะแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าครีต (Crete) พร้อมกับกลายร่างกลับมาเป็นเทพซูส และได้เทพธิดายูโรปเป็นภรรยาในที่สุด

ซึ่งเทพเจ้าซูสก็ได้ทำให้เกิดกลุ่มดาวราศีพฤษกมีรูปร่างมาจากเทพเจ้าซูสเมื่อยามแปลงกายเป็นวัวเพื่อไว้เป็นที่ระลึก รวมไปถึงชื่อของทวีปยุโรป ที่เล่าขานกันว่าได้มาจากชื่อของเทพธิดายูโรปา

ราศีเมถุน กลุ่มดาวคนคู่ (Gemini)

Credit : Design by Bareo / Background Image Credit : ian dooley on Unsplash

 กลุ่มดาวนี้คือดาวฤกษ์พอลลักซ์และแคสเตอร์ ในอดีตผู้คนถือว่าดาวทั้งสองเป็นดาวคู่แฝด ชาวอาหรับเห็นดาวคู่แฝดนี้เป็นนกยูง 2 ตัว ส่วนชาวอียิปต์เห็นเป็นต้นไม้ใหญ่ 2 ต้น และยังมีในส่วนของชาวฮินดูที่เห็นเป็นเทพเจ้า 2 องค์ แล้วแต่จะจินตนาการกันไป ตำนานของกลุ่มดาวคู่มีเรื่องเล่าว่า พอลลักซ์ และ คาสเตอร์ เป็นพี่น้องต่างบิดากันแต่เขาทั้งสองรักกันมาก พวกเขาไม่เคยแยกจากกัน แต่มีเพียงหนึ่งเหตุผลที่สามารถแยกเขาออกจากกันได้คือความตาย เพราะคาสเตอร์เป็นลูกมนุษย์ที่มีอายุขัยต้องดับสิ้นลง ส่วนพอลลักซ์เป็นลูกของเทพซูสที่มีชีวิตเป็นอมตะ เมื่อคาสเตอร์ได้ตายลง พอลลักซ์จึงเสียใจมาก เขาได้ไปอ้อนวอนเทพซูสให้ช่วย เทพซูสช่วยได้แค่เพียงพาพอลลักซ์ไปหาคาสเตอร์ที่โลกแห่งความตายเพียงชั่วครู่ และก็ต้องกลับมาที่ดินแดนแห่งเทพดังเดิม จึงเกิดเป็นที่มาว่าทำไมเมื่อดาวฤกษ์คาสเตอร์ลับขอบฟ้าไปในทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศแห่งความตาย เราจึงได้เห็นดาวฤกษ์พอลลักซ์ก็ลับขอบฟ้าตามกันไปด้วย

ราศีกรกฎ กลุ่มดาวปู (Cancer)

Credit : Design by Bareo / Background Image Credit : Phil Hearing on Unsplash

กลุ่มดาวปู ถือเป็นกลุ่มดาวอันดับที่ 4 และยังเป็นกลุ่มดาวที่มีความสว่างน้อยที่สุดในกลุ่มดาวจักรราศีทั้งหมด กลุ่มดาวนี้มีตำนานสั้นๆ เล่าถึงเฮอร์คิวลิส ในขณะที่กำลังต่อสู้กับไฮดร้า (Hydra) ซึ่งเป็นงูยักษ์ 9 หัว ในขณะที่เฮอร์คิวลิสกำลังต่อสู้กับไฮดร้า ก็ได้มีปูยักษ์โผล่มาหนีบขาของเฮอร์คิวลิส เขาจึงได้เหยียบปูตัวนี้จนตาย ทำให้เทพเฮร่าที่เป็นภรรยาหลวงของซูสที่ไม่ชอบในตัวเฮอร์คิวลิสผู้เป็นลูกภรรยาน้อยเป็นทุนเดิม จึงได้ยกปูยักษ์ตัวนี้ให้กลายเป็นดาวไปเสียเลย พร้อมกับงูไฮดร้าจนได้เกิดเป็นดาวอยู่คู่กัน

ราศีสิงห์ กลุ่มดาวสิงโต (Leo)

Credit : Design by Bareo / Background Image Credit : Keyur Nandaniya on Unsplash

ตำนานของกลุ่มดาวสิงโต เล่าไว้เกี่ยวกับราเจ้าแห่งสัตว์ป่าตัวหนึ่ง ที่กำลังออกล่าเหยื่อและได้สร้างความรบกวนแก่ชาวบ้าน จึงถูกเฮอร์คิวลิสฆ่า แต่ด้วยความที่สิงโตตัวนี้มีหนังหนาและยังเหนียวจนฟันแทงไม่เข้า เฮอร์คิวลิสจึงต้องฆ่าด้วยวิธีหักคอด้วยมือเปล่า และได้ทำการถลกหนังโดยใช้เล็บของสิงโตเอง เพื่อเอาหนังมาทำเครื่องแต่งกายและเกราะ จากนั้น Selene เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ จึงได้นำสิงโตตัวนี้ไปเป็นดาวบนท้องฟ้า และได้กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มดาวจักราศี

ราศีกันย์ กลุ่มดาวหญิงสาว (Virgo)

Credit : Design by Bareo / Background Image Credit : Hudson Hintze on Unsplash

เรื่องราวของเทพธิดาแอสเตรีย ลูกสาวของจูปิเตอร์และเทมิส แอสเตรียได้ลงมาจากสวรรค์ พร้อมกับพูดิซิเตรียผู้เป็นน้องสาว ทั้งสองคนเป็นผู้ที่ไร้เดียงสา พวกเธอปรารถนาให้โลกสงบไม่เบียดเบียนกัน แต่ทางกลับกันมนุษย์กลับพากันรบราฆ่าฟัน และยังมีนิสัยที่ทำให้เธอรับไม่ได้ แอสเตรียจึงหนีเข้าไปอยู่ในป่าและถึงกับหนีกลับสวรรค์ในที่สุด และได้เกิดเป็นดาวกลุ่มหญิงสาวขึ้นมา และเพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ เทพธิดาแอสเตรีย ได้ทำการบดรวงข้าว แล้วหว่านเมล็ดไปทั่วฟ้า จนทำให้เป็นที่มาของทางช้างเผือกที่สันติสุข

ราศีตุลย์ กลุ่มดาวคันชั่ง (Libra)

Credit : Design by Bareo / Background Image Credit : Tingey Injury Law Firm on Unsplash

ราศีตุลย์ กลุ่มดาวคันชั่ง มีตำนานเกี่ยวกับชาวเมโสโปเตเมีย ว่าเป็นผู้กำหนดกลุ่มดาวนี้ขึ้นมาเมื่อประมาณ 2000 ปีที่แล้ว ความพิเศษของกลุ่มราศีนี้คือ จะมีกลางวันกับกลางคืนจะยาวเท่ากันในเดือนกันยายน จึงถูกเรียกว่า “September Equinox” (ปัจจุบัน เรียกจุดนี้ว่า “Autumnal Equinox” และไม่ถูกจัดอยู่ที่กลุ่มดาวนี้แล้ว) และด้วยเหตุนี้คันชั่งจึงกลาย เป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มดาวในราศีตุลย์ และยังมีความหมายแห่งความยุติธรรม โดยมีเทพเจ้ Astraeia เป็นผู้พิทักษ์ ซึ่งมีเทพธิดาแอสเตรีย (กลุ่มดาวหญิงสาว Virgo) ผู้รักความบริสุทธิ์และยุติธรรมเป็นเพื่อนนั่นเอง

ราศีพิจิก กลุ่มดาวแมงป่อง (Scorpius)

Credit : Design by Bareo / Background Image Credit : Wolfgang Hasselmann on Unsplash

กลุ่มดาวแมงป่อง (Scorpius) ถูกนับว่าเป็นกลุ่มดาวที่มีรูปร่างตรงไปตามชื่อมากที่สุด มีตำนานเล่าถึงดาว แมงป่อง ไว้ว่าเป็นสัตว์ที่พระนางจีอา (Gaea) ใช้ส่งไปทำร้าย Orion ผู้เป็นนายพราน และแมงป่องก็ได้กลายไปเป็นกลุ่มดาวบนฟ้า แต่นายพรานก็ยังต้องหนีจากแมงป่องไปตลอด ซึ่งก็เป็นที่มาของกลุ่มดาวแมงป่องที่จะขึ้นให้เห็น ในขณะที่กลุ่มดาวนายพราน กำลังลับขอบฟ้า เรียกได้ว่าอยู่ทิศตรงข้ามกันไปตลอดกาล

ราศีธนู กลุ่มดาวคนถือธนู (Sagittarius)

Credit : Design by Bareo / Background Image Credit : Alireza Sahebi on Unsplash

กลุ่มดาวคนถือธนู มีเรื่องเล่าตำนานที่เกี่ยวกับคนๆหนึ่งที่มีชื่อว่า Chiron เขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและโดดเด่นมากในยุคนั้น เขามีอาชีพเป็นแพทย์ นอกจากนี้ยังเป็นนักดนตรีอีกด้วย วันหนึ่ง Chiron ได้แปลงตัวเป็นสัตว์ประหลาดมีลักษณะครึ่งคนครึ่งม้า เพื่อหนีภรรยาที่ขี้หึงเป็นอย่างมาก แต่ท้ายที่สุด Chiron ก็ได้ตายลงเพราะถูกยาพิษจากการโดนศรยิง ทำให้พิษกรีดเข้าผิวหนังจนตาย และตำนานนี้ก็ได้ถูกนำเอามาใช้เป็นสัญลักษณ์ของราศีธนู

ราศีมังกร กลุ่มดาวมังกร (Capricorn)

Credit : Design by Bareo / Background Image Credit : Robin GAILLOT-DREVON & Leman on Unsplash

ราศีมังกร กลุ่มดาวมังกร (Capricorn) มีสัญลักษณ์เป็นรูปแพะทะเล กลุ่มดาวนี้มีความสำคัญต่อนักดาราศาสตร์ และนักภูมิศาสตร์มากเลยทีเดียว เพราะกลุ่มดาวราศีมังกร เป็นกลุ่มดาวที่ถูกนำชื่อมาเรียกแถบเส้นรุ้งที่ 23 องศาใต้ เนื่องจากฤดูร้อนของประเทศทางซีกโลกฝ่ายใต้ หรือฤดูหนาวของประเทศทางซีกโลกฝ่ายเหนือ จะเกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ปรากฏเข้ามาในกลุ่มดาวนี้ โดยมีเรื่องเล่าว่ากลุ่มดาวมังกรนี้ เป็นกลุ่มดาวที่แทนเทพเจ้าแพน (Pan) หรืออีกชื่อคือ Bacchus ในวันหนึ่งในขณะที่เทพเจ้าแพนกำลังรับประทาน อาหารอยู่ที่ริมแม่น้ำไนล์ พร้อมหน้าพร้อมตาร่วมกันกับเทพเจ้าองค์อื่น ๆ แต่ก็เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นเมื่อเทพเจ้าแพนมองเห็นอสูรร้ายไต้ฝุ่น (Typhoon) กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ๆ ทำให้เทพเจ้าองค์ อื่นๆ ต่างพากันหนีกระจัดกระจาย ส่วนเทพเจ้าแพนเองก็ได้กระโดดลงแม่น้ำไนล์ และแปลงกายท่อนล่างเป็นปลา เพื่อใช้ในการพยุงตัวในน้ำ ส่วนท่อนบนที่อยู่เหนือผิวน้ำได้กลายเป็นแพะ เพื่อจะคอยสังเกตเหตุการณ์ และจึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มดาวมังกร ซึ่งชาวกรีกเรียกดาวกลุ่มนี้ว่ากลุ่มดาวแพน

ราศีกุมภ์ กลุ่มดาวคนถือหม้อน้ำ (Aquarius)

Credit : Design by Bareo / Background Image Credit : Cassidy Phillips on Unsplash

ราศีกุมภ์ กลุ่มดาวคนถือหม้อน้ำ (Aquarius) กลุ่มดาวนี้กลุ่มดาวนี้ เป็นกลุ่มดาวที่ มีประวัติเก่าแก่กลุ่มหนึ่ง คนโบราณในยุคนั้นมองเห็นเป็นรูปคนกำลังเทน้ำออกจากหม้อ ตามตำนานของกรีกมีเรื่องเล่าว่า เทพเจ้าซูสกำลังทำการเทน้ำ ซึ่งน้ำที่เทลงมาจะกลายเป็นฝนให้ชาวโลก จึงทำให้กลุ่มดาวกลุ่มนี้กลายเป็นเครื่องหมายแห่งฤดูฝน

ราศีมีน กลุ่มดาวปลา (Pisces)

Credit : Design by Bareo / Background Image Credit : Max Ducourneau on Unsplash

ราศีมีน กลุ่มดาวปลา (Pisces) กลุ่มดาวนี้ มีสัญลักษ์แทนปลา 2 ตัว ที่ผูกติดด้วยริบบิ้นบริเวณหาง ตามนิยายดาวของกรีกกล่าวว่าเทพธิดาแห่งความสวยงามอย่างเทพวีนัส มีบุตรที่ชื่อว่า Cupid (กามเทพ) วันหนึ่งพวกเขากำลังเดินเล่นอยู่ที่ริมแม่น้ำยูเฟรตีส (Euphrates) และทั้งสองก็ได้พบว่ามีไต้ฝุ่นยักษ์ที่แสนดุร้าย กำลังจะเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ๆ ด้วยความกลัวและตกใจเทพวีนัสและกามเทพจึงรีบกระโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อหนียักษ์ร้าย และได้แปลงตัวเป็นปลา 2 ตัว จนกลายเป็นสัญลักษณ์ปลาคู่ อีกทั้งยังเป็นเครื่องหมายของความโชคดี ที่ทั้งคู่สามารถหนีภัยร้ายได้ ชาวบาบิโล ชาวซีเรีย ชาวเปอร์เซีย ชาวตุรกี และชาวกรีก เห็นรูปดาวกลุ่มนี้ตรงกันหมดคือเห็นเป็นปลา 2 ตัว ผูกหางไว้ด้วยแถบริบบิ้นยาว และสัญลักษณ์แหนดาวกลุ่มนี้ ต่างก็ใช้ปลา เหมือนกัน

กลุ่มดาวจักรราศีที่ 13

Credit : Design by Bareo / Background Image Credit : nivedh p & Shana Van Roosbroek on Unsplash

มีอีกหนึ่งข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มดาวจักรราศีนั่นก็คือการมีอยู่ของ จักรราศี ที่13 หรือชื่อกลุ่มดาวคนแบกงู (Ophiuchus) โดยกลุ่มดาวนี้มีการจัดอยู่ในเขตของกลุ่มดาวทางสากล และในอดีตก็เคยถูกนับเป็นกลุ่มดาวจักรราศีแต่ได้มีการยกเลิกใช้ไปกว่า 3,000 ปีแล้ว เพราะด้วยการเคลื่อนที่ของดาวที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ จึงทำให้กลุ่มดาวคนแบกงูนี้ได้ถูกลืมไป และในปัจจุบันกลุ่มดาวคนแบกงูได้กลับมาชัดเจนอีกครั้ง ส่งผลให้จักรราศีมีการต้องแปลี่ยนแปลงเช่นกัน แต่ราศีทั้ง 12 จะยังคงอยู่เหมือนเดิม ส่วนการเพิ่มเติมเข้ามาของกลุ่มดาวคนแบกงูนั้นจะพูดถึงเฉพาะในมุมของดาราศาสตร์

ลัคนาแบบไทย

ลัคนาตามโหราศาสตร์นั้นมีความแตกต่างจากราศี ซึ่งราศีจะถูกกำหนดจากตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในแผนภูมิเกิด ส่วนลักคนาจะเกี่ยวข้องกับเวลาตกฟาก จึงทำให้มีความสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการทำนายดวงชะตา เพราะจะมีการนำเอาวัน เดือน ปีเกิด รวมถึงเวลาที่เกิด มาคำนวณตามหลักโหราศาสตร์ไทยนั่นเอง

มากไปกว่าเรื่องราวของการพยากรณ์ก็ยังทำให้เห็นว่าจักรราศีต่างๆนั้น มีประโยชน์ในมุมของดาราศาสตร์ จนทำให้เกิดเป็นวัน เดือน ปี เกิด รวมไปถึงฤดูกาลขึ้นมา และได้กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตร่วมกันในโลกมนุษย์มาจนปัจจุบัน

สามารถติดตามผลงานต่าง ๆ ของทาง Bareo ได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ของ Bareo หรือทาง Facebook : Design by Bareo ที่จะคอยอัพเดทข่าวสาร งานดีไซน์ และผลงานการออกแบบตกแต่งภายในมากมาย ให้ท่านผู้อ่านได้รับความรู้ และความสนุกตลอดทั้งปี

หรือหากสนใจจะออกแบบตกแต่งภายในกับทาง Bareo ทางเราก็มีบริการออกแบบภายในครบวงจร โดยสามารถอ่านรายละเอียดการให้บริการของเราได้ที่นี่ คลิ๊ก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
lifestyle.campus-star .com
soscity .co
gods-and-monsters .com
earthsky .org
outlookindia .com