Small Orthodox Chapel

โบสถ์น้อยดีไซน์ยักษ์

ใกล้เข้ามาแล้วนะคะ กับค่ำคืนวันคริสต์มาส ค่ำคืนที่เราจะได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว รับประทานอาหารค่ำพร้อมหน้าพร้อมตา และเข้านอนแต่หัวค่ำเพื่อรอแกะของขวัญในเช้าวันรุ่งขึ้น และสำหรับบางครอบครัว อาจใช้เวลานี้เพื่อเข้าไปเฉลิมฉลองและร่วมร้องเพลงในโบสถ์พร้อมกับผู้คนมากมายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขสันต์
เมื่อพูดถึงโบสถ์หรือมหาวิหาร ทุกคนจะนึกถึงสถาปัตยกรรมสีขาว สูงสง่า ตกแต่งด้วยงานศิลปะกระจกสี และบรรยากาศทรงพลังน่าเกรงขามกันใช่ไหมคะ
แต่นอกจากสถานที่เหล่านั้นแล้ว ยังมีศาสนสถานของ “นิกายออโธดอกซ์ (Orthodox)” ของประเทศแถบกรีซและประเทศ อื่นๆ ที่นับถือนิกายนี้ ที่มีขนาดกะทัดรัดกำลังดีไว้สำหรับให้ผู้คนเข้าไปแสดงความเคารพ หรือสวดมนต์โดยไม่ต้องกินพื้นที่มากมาย กลายเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของประเทศแถบกรีซและรัสเซียที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างพากันไปแวะเวียนเพื่อถ่ายรูปเป็นประจำ

 

และในวันนี้ เราก็จะพาทุกท่านไปพบกับโบสถ์จิ๋วเหล่านั้นกันค่ะ

Agios Nikolaos Church
Location : Santorini, Greece

โบสถ์จิ๋ว Agios Nikolaos Church
Agios Nikolaos Church เป็น “โบสถ์จิ๋ว” ขนาดเล็กในเมืองซานโตรินี่ ที่ไม่ว่าใครที่เคยคิดจะไปเที่ยวเมืองนี้สักครั้งต้องเคยเห็นภาพเจ้าหลังคาสีฟ้าสดใสนี้ผ่านตามาบ้างอย่างน้อยสักครั้ง โบสถ์น้อยหลังนี้เป็นโบสถ์ของนักบุญนิโคลัสตามชื่อเลยค่ะ อีกทั้งในภายหลังยังเป็นโบสถ์ประจำของนักบุญพานเทไลออนและ Zoodohos Pigi หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวกรีกอีกด้วย
ในตอนแรกที่สร้างโบสถ์แห่งนี้ขึ้นในปี 1651 โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ส่วนตัวสำหรับครอบครัว Gizi ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ในเมือง Skaros และเปิดเป็นโบสถ์สาธารณะให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปได้ในภายหลัง ก่อนที่ในปี 1815 จะได้ทำการเคลื่อนย้ายที่ตั้งโบสถ์มาอยู่ที่เมืองซานโตรินี่ซึ่งเป็นที่อยู่ในปัจจุบันตามคำอนุญาตของนักบวชประจำเมืองซานโตรินี่ ซึ่งสถานที่ตั้งของโบสถ์ก็เป็นที่ตั้งเดิมของ Zoodohos Pigi ทำให้ต้องมีการรื้อถอนและก่อสร้างโบสถ์ใหม่
ใช้เวลาก่อสร้างอยู่ 5 ปี ในที่สุดโบสถ์แห่งนี้ก็สร้างขึ้นได้สำเร็จ โดยคงเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ (Byzantine) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโบสถ์เดิมและมีการทาสีฟ้าสดใสให้เข้ากับสีของท้องทะเลนั่นเอง

Panagia Makrini
Location : Kerkis Samos Mountain, Greece

โบสถ์จิ๋ว Panagia Makrini

(Photo Credit : samosin.gr)

Panagia Makrini เป็นโบสถ์เก่าแก่ขนาดกะทัดรัดที่คาดว่าถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรศที่ 8 แต่ได้รับการบำรุงดูแลรักษาอย่างดีจึงคงสภาพไว้ได้จนถึงปัจจุบัน ตัวโบสถ์ตั้งอยู่บนภูเขา Kerkis ในเกาะซามอส…เกาะแสนสวยที่อยู่ในทะเลอีเจียน (Aegean Sea) และเป็นเมืองเกิดของนักคณิตศาสตร์ชื่อดังอย่าง “พีทาโกรัส (Pythagoras)”
โบสถ์หลังนี้เป็นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นโบสถ์ของนักบุญประจำเกาะ แต่หลักฐานบางชิ้นก็กล่าวว่านักบุญประจำเกาะแห่งนี้ถูกส่งตัวมาในศตวรรษที่ 9 ดังนั้นโบสถ์แห่งนี้อาจเป็นโบสถ์ดั้งเดิมของชาวบ้านในสมัยนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว โดยเดิมทีโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นเป็นโบสถ์ธรรมดาทั่วไป ก่อนจะมีการบูรณะหลายครั้ง ทั้งในศตวรรษที่ 14 ที่มีการตกแต่งภายในด้วยภาพเขียนฝาผนังหรือ Fresco และในศตวรรษที่ 17 เพื่อเพิ่มส่วนโดมและซ่อมแซมส่วนอื่นๆ จนกลายเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ไบแซนไทน์
ซึ่งจุดเด่นของสถาปัตยกรรมแบบนี้คือการมีโดมหลักตั้งอยู่สูงสุดของอาคาร และมีกำแพงหนาเพื่อรับน้ำหนักของโดม เมื่อนำมาประยุกต์ทำเป็นโบสถ์ขนาดเล็กก็ได้มีการวางผังอาคารให้มีส่วนทางเดินที่ยื่นยาวออกมา และขยายด้านข้างทั้งสองในส่วนหลังออกเล็กน้อย ราวกับเป็นไม้กางเขนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาคริสต์นั่นเอง

Panagia Kavouradena
Location : Leros, Greece

โบสถ์จิ๋ว Panagia Kavouradena

(Photo Credit : johnsanidopoulos.com)

ทางตอนใต้ของทะเลอีเจียน เกาะเลโรสเป็นหนึ่งในเกาะท่องเที่ยวของประเทศกรีซ ทั้งยังเป็นที่ตั้งของ Panagia Kavouradena โบสถ์จิ๋ว ขนาดเล็กแสนลึกลับที่ซ่อนอยู่ใกล้กับโขดหิน ที่ต้องเดินเลาะภูเขาลงไปยังบริเวณที่เหล่าชาวประมงจะลงไปจับปูจึงจะเจอกับโบสถ์แห่งนี้ ซึ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งของโบสถ์ได้เจาะเข้าไปอยู่ในโขดหินขนาดใหญ่
โดยโบสถ์เรื่องนี้มีตำนานค่ะ ว่ากันว่าก่อนหน้านี้มีชาวประมงคนหนึ่งถูกปูหนีบขณะเก็บเปลือกหอยอยู่แถวโขดหิน จากนั้นในเวลาเดียวกันเขาก็เห็นสัญลักษณ์ของพระแม่มารีย์อยู่บนโขดหินนั้นเอง เห็นดังนั้นเขาจึงนำสัญลักษณ์นั้นกลับไปยังหมู่บ้านให้ทุกคนดู แต่ในคืนนั้นเองเขาก็ฝันเห็นหญิงสาว หญิงสาวมากล่าวกับเขาว่าให้พาเธอกลับไปที่เดิม ดังนั้นชาวประมงจึงนำสัญลักษณ์ชิ้นนั้นกลับไปยังจุดที่เขาพบ ก่อนจะตัดสินใจสร้างโบสถ์ ณ จุดที่เขาค้นพบสัญลักษณ์บนโขดหิน
ชื่อของโบสถ์ถูกตั้งตามคำเรียกของปู หรือ Kavouri (καβούρι) ในภาษากรีก และสัญลักษณ์แห่งนี้จึงเป็นพระแม่มารีย์อยู่ในตัวปูนั่นเอง

The Apostle Peter and St. Helen the Martyr Chapel
Location : Paphos, Cyprus

โบสถ์จิ๋ว The Apostle Peter and St. Helen the Martyr Chapel Location : Paphos, Cyprus

(Photo Credit : archdaily.com)

หลังจากดูโบสถ์เก่าแก่กันมาสักพักแล้ว ก็มาพบกับโบสถ์คริสต์นิกายออโธดอกซ์สไตล์โมเดิร์นในสาธารณรัฐไซปรัส (Republic of Cyprus) กันบ้างนะคะ ซึ่งโบสถ์แห่งนี้เองก็เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ของคำกล่าวที่ว่า “พระเจ้าอยู่ที่ใจหาใช่สถานที่” ดังนั้นไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของโบสถ์จะเป็นยังไง แต่ถ้าเรามีใจที่ศรัทธา…ที่แห่งนั้นก็จะเป็นสถานที่สถิตย์ของพระผู้เป็นเจ้า
โบสถ์แห่งนี้เพิ่งถูกสร้างขึ้นในปี 2015 โดยมีสถาปนิก Michail Georgiou เป็นผู้ออกแบบ ตัวโบสถ์จะเน้นการใช้เส้นโค้งและเส้นตั้งที่เรียบง่าย อีกทั้งยังใช้วัสดุเป็นคอนกรีตกับไม้เพื่อให้ความรู้สึกเป็นมิตรกับผู้คน
ตัวโบสถ์มีขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถรองรับคนได้ประมาณ 16-20 ที่นั่ง แบ่งความสูงออกเป็นสองระดับ โดยส่วนแรกซึ่งเป็นส่วนสูงจะสูง 5.5 เมตรเป็นส่วนที่ใช้ทำพิธีและมีภาพเขียนฝาผนังของพระเยซูคริสตเจ้าซึ่งตรงกับประตูทางเข้าหลัก เพื่อเปิดรับคนให้เข้าไปหาพระผู้เป็นเจ้าด้วยบรรยากาศโอ่โถง อีกทั้งยังมีหอระฆังประจำโบสถ์ตั้งอยู่ที่หน้าประตู สำหรับใช้งานและเพื่อความสวยงามในเวลาเดียวกัน
ในขณะที่ส่วนเตี้ยจะเป็นส่วนเก็บพระคัมภีร์ อุปกรณ์ประกอบพิธีและห้องของนักบวช เพื่อให้ผู้ที่เข้าไปข้างในรู้สึกสบายใจและคุ้นชินนั่นเอง

Lake Ladoga Andrei Pervozvanny Church
Location : Lake Ladoga, Russia

โบสถ์จิ๋ว Lake Ladoga Andrei Pervozvanny Church Location : Lake Ladoga, Russia
สุดท้ายนี้…เราขอส่งท้ายปี 2019 ด้วยโบสถ์แสนสวยกลางทะเลสาบในประเทศรัสเซียและยังใกล้กับอาณาเขตทะเลสาบของประเทศฟินแลนด์อีกด้วยค่ะ
โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 21 ที่ผ่านมานี่เองค่ะ โดยผู้ออกแบบก็คือ Andrei ที่สร้างโบสถ์แห่งนี้ขึ้นกลางทะเลสาบและอุทิศให้นักบุญแอนดริว โดยตัวโบสถ์ถูกสร้างขึ้นในสไตล์รัสเซียนออโธดอกซ์ (Russian Orthodox) ซึ่งมีเอกลักษณ์ของส่วนที่สูงที่สุดเป็นโดมหัวหอมบนฐานหลังคาหกเหลี่ยม และตัวอาคารที่ทำจากไม้
ยอดของโดมถูกออกแบบให้เป็นสีทอง ประดับด้วยไม้กางเขนเพื่อให้สามารถมองเห็นได้จากในระยะไกล โดยการจะไปเยือนโบสถ์แห่งนี้นั้นจะต้องนั่งเรือข้ามทะเลสาบเพื่อไปยังโบสถ์ แต่หากเป็นฤดูหนาวอันหนาวเหน็บของประเทศรัสเซียแล้วล่ะก็ น้ำในทะเลสาบจะแข็งเป็นผืนและถูกหิมะปกคลุมจนสามารถเดินเท้าเข้าไปได้
แต่ไม่ว่าจะหน้าร้อนที่อากาศสดใส หรือหน้าหนาวที่หิมะโปรยปราย ด้วยสถานที่ตั้งใกล้กับธรรมชาติของโบสถ์แห่งนี้ก็ทำให้โบสถ์งดงามจนแทบลืมหายใจ และน่าไปเยี่ยมเยือนสักครั้งหนึ่งหากมีโอกาส
เป็นยังไงบ้างคะ กับโบสถ์หลังน้อยแต่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายให้เล่าขาน ในวันคริสต์มาสปีนี้หรือปีถัดๆ ไป หากทุกท่านได้มีโอกาสก็อย่าลืมแวะเวียนไปยังโบสถ์เหล่านี้เพื่อชื่นชมความงามของโบสถ์กันบ้างนะคะ

 

และสามารถพบกับเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ Website Bareo ซึ่งจะมีบทความต่างๆ มากมายให้ทุกท่านได้อ่านกันอย่างเพลินเพลินในช่วงวันหยุดนี้แน่นอน หรือสามารถดูข่าวสารของทางเราได้ที่ Facebook : Design by Bareo

 

อีกไม่กี่วันก็จะผ่านพ้นปี 2019 ไปแล้ว ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุขกันถ้วนหน้าและมาเตรียมต้อนรับปี 2020 ด้วยกันนะคะ

 

แล้วพบกันใหม่ในปีหน้า
สวัสดีค่ะ 🙂
Header Image :
Ludovic Charlet on Unsplash

CONTENT RELATED

NEW CONTENT

PORTFOLIO