“ ขนมไทย ” เป็นเมนูของหวานที่หลายคนโปรดปราน ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ได้ลิ้มลองแล้วมักจะติดใจแทบทุกราย ด้วยรสชาติที่หอมหวานและรูปลักษณ์ที่สวยงาม พร้อมสีสันที่สดใส ล้วนดึงดูดให้ใครหลายๆ คน หลงรักได้แบบง่ายๆ
Credit : freepik.com
ประวัติศาสตร์ของขนมไทยมีมาอย่างยาวนาน กว่าจะมาเป็น “ ขนมไทย ” ที่คนทั้งโลกรู้จักกันทุกวันนี้ หลายคนอาจไม่รู้ว่าต้นกำเนิดของ “ ขนมไทย ” นั้น ไม่ได้มาจากคนไทยแท้ แต่เริ่มมาจาก “มาเรีย กายโอมาร์ ดี ปีญา (Maria Guyomar de Pinha)” หรือออกเสียงสำเนียงไทยๆ ว่า “มาลีกีมา” (ท้าวทองกีบม้า) หญิงสาวชาวโปรตุเกส ภริยาของคอนสแตนติน ชายชาวต่างชาติที่ทำงานในพระราชวัง และเป็นคนโปรดของพระนารายณ์ แต่เมื่อเหตุการณ์พลิกผันมาถึงยุคสมัยที่ต้องเปลี่ยนผู้นำปกครอง คอนสแตนติน ถูกกล่าวโทษและโดนประหารชีวิต ส่วนนางมาเรีย กายโอมาร์ ถูกจองจำคุก แต่ด้วยความที่นางมาเรียมีความโดดเด่นในเรื่องของการทำขนม ทำให้พระนารายณ์ มอบหมายงานครัวให้กับนาง ด้วยเหตุนี้มาเรียจึงมีโอกาสได้สอนการทำขนมให้กับหญิงสาวชาววังกว่า 2,000 คนได้เรียนรู้การทำขนม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วขนมที่เธอสอนมักเป็นสูตรที่ผสมไข่แดงและน้ำตาลเป็นหลัก นับเป็นต้นกำเนิดของขนมไทยชื่อดังมาจนถึงปัจจุบัน เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เป็นต้น ถ้าหากใครเคยชม “ บุพเพสันนิวาส” ละครโทรทัศน์ชื่อดังทางไทยทีวีสีช่อง 3 จะได้รู้ความเป็นมาของขนมไทยนี้ได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่ายเลย แต่ถ้าใครยังไม่เคยดูสามารถหาชมย้อนหลังได้ค่ะ
Credit : freepik.com
ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งของประวัติศาสตร์ระบุไว้ว่าก่อนที่มาเรียจะมีอิทธิพลเรื่อง ” ขนมไทย ”  ย้อนกลับไปเมื่อ 671 ปีก่อน ในยุคสมัยสุโขทัยได้มีการกล่าวถึงขนมต้ม ซึ่งเป็นขนมที่เชื่อกันว่ามีความมงคลยิ่งนัก ชาวบ้านมักนำไปบวงสรวงเทวดา และใช้ในงานแต่งงาน ทั้งนี้เพราะขนมต้มเป็นที่รู้จักและเข้ามาพร้อมกันศาสนาพราหมณ์และความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้านั่นเอง
ต่อมาในสมัยอยุธยามีหลักฐานว่าเริ่มมีการทำเตาขนมครกขาย ชาวบ้านที่ทำเกษตรกรเป็นหลัก ได้นำน้ำกะทิมะพร้าวที่ผสมกับแป้ง มาหยอดลงบนหลุมเตาร้อนๆ กลายเป็นขนมครกที่มีมาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ขนมลูกชุบเชื่อกันว่าเกิดขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นยุคที่ขนมไทยเริ่มได้รับอิทธิพลจากต่างชาติมากขึ้น ทำให้เกิดการคิดค้นขนมใหม่ๆ ที่มีสีสัน รูปลักษณ์ทันสมัย และรสชาติที่อร่อยตรึงใจ ทางง่ายขึ้น นั่นก็คือ “ลูกชุบ” นั่นเอง
Credit : pixabay
โดยขนมเหล่านี้เคยปรากฎอยู่ในวรรณคดีไทย เช่น ไตรภูมิพระร่วงด้วย ก่อนที่คนทั่วไปจะรู้จักขนมไทยมากขึ้นเนื่องจากอิทธิพลและฝีมือการทำขนมของมาเรีย
จุดเด่นของขนมไทย คือ มีความละเมียดละไม เต็มไปด้วยความปราณีต อ่อนช้อย พร้อมรสชาติที่หอมหวาน สัมผัสกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ รูปลักษณ์ที่สวยงาม สีสันสดใส แสดงถึงความเป็นไทยที่อ่อนโยนและห่วงใยธรรมชาติ ซึ่งแต่เดิมขนมไทยแท้ ขนมจะใช้ส่วนผสมเพียง 3 อย่างเท่านั้น ได้แก่ แป้ง น้ำตาล และมะพร้าว เป็นต้น แม้จะมีความเรียบง่ายในส่วนผสม แต่เทคนิคและทักษะที่จำเป็นในการสร้างรูปร่างที่สวยงามและรสชาติที่ทรงพลังของขนมไทยนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว

ทำไมขนมไทยต้องรสชาติหวานนำ?

ถ้าว่ากันตามคนสมัยโบราณเล่ามา การที่ขนมไทยมีรสหวานนั้น เพราะในสมัยก่อนการรับประทานขนมไทย ไม่ได้ทำกันบ่อยๆ และหาซื้อได้ทั่วไปเหมือนทุกวันนี้ แต่จะกินกันเฉพาะเมื่อมีงานมงคล ประเพณี หรือเทศกาลต่างๆ เป็นต้น และราคาน้ำตาลในสมัยก่อนค่อนข้างสูง จึงไม่สามารถทำทานบ่อยๆ ได้ ที่สำคัญการทานหวานๆ นานครั้งนั้น จะช่วยให้ร่างกายสูบฉีด รู้สึกสนุกสนาน และมีพละกำลังมากขึ้นนั่นเอง เวลาเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมา คนโบราณจึงชื่นชอบการกินขนมที่มีรสชาติหวานเป็นพิเศษ
ปัจจุบันขนมไทยยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยความที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปทำให้คนรุ่นใหม่ซึ่งสนใจในการดูแลรูปร่างมากขึ้น จึงไม่นิยมทานรสชาติหวานๆ มากนัก ขนมไทยซึ่งดั้งเดิมมีรสชาติหวานนำจึงต้องปรับตัวไปตามเทรนด์ความนิยม โดยการลดความหวานลง พร้อมปรับภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัย หรูหรา ดูมีความเป็นสากล รวมไปถึงการนำขนมไทยไปจับคู่กับเมนูอื่นๆ เพื่อสร้างความน่าสนใจและดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น เช่น นำฝอยทองไปตกแต่งหน้าเค้ก เสิร์ฟคู่กับชาร้อนๆ อิ่มอร่อย หรือ ทองหยอดกับไอศกรีม ความหวานจับคู่กับความเย็นก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้ดีเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีเมนูขนมไทยอื่นๆ ที่ถูกนำมาปรับรูปลักษณ์ให้ดู Modern มากขึ้น พร้อมสร้างมูลค่า และเสิร์ฟบนภัตตาคารดัง คาเฟ่ขนมต่างๆ เป็นต้น เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี

ขนมไทยสไตล์ Modern

ส้มฉุน

Credit : timeout-com
ส้มฉุนเป็นเมนูนี้มักจะเสิร์ฟในฤดูร้อน โดยจะเห็นชิ้นผลไม้ตามฤดูกาลราดในน้ำเชื่อมผสมใบเตยและส้มซ่า (ผลไม้รสเปรี้ยวของไทยที่หายาก) และเสิร์ฟในน้ำแข็งบดที่ทำจากน้ำดอกมะลิ ท้อปปิ้งอย่างขิงและหอมแดงทอด บวกกับมะม่วงเขียวฝานบางๆ ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับผลไม้ เต็มอิ่มไปกับรสชาติการผสมผสานที่ลงตัวของความหวาน เค็ม และเปรี้ยวในคำเดียว อร่อยแถมยังเป็นเมนูความหมายดีอีกด้วย เพราะเป็นเมนูที่ยิ่งทานยิ่งเพิ่มความมงคลให้ชีวิตรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์ได้ด้วย

ขนมพระพาย

Credit : timeout-com
ขนมพระพายเป็นเมนู อาหารไทย ซึ่งทำมาจากแป้งเกี๊ยวหลากสี เป็นหนึ่งในขนมมงคล ความหมายดี ชีวิตคู่ยั่งยืน จึงมักใช้เสิร์ฟตามประเพณีหรือในงานแต่งงาน ขนมพระพายมีส่วนผสมของแป้งข้าวเหนียวกับน้ำกลิ่นมะลิทำให้ได้ขนมจีบที่เหนียวนุ่มและมีกลิ่นหอม การเคลือบด้านนอกด้วยข้าวเหนียวให้มีความหนุบหนับ กลมกล่อม ลงตัว เสิร์ฟพร้อมกับน้ำกะทิข้นๆ รับประทานคู่กับชามะลิอุ่นๆ เพิ่มรสชาติมื้ออาหารให้อร่อยได้แบบไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบเปรย

ข้าวเกรียบปากหม้อแดง

Credit : timeout-com
ข้าวเกรียบปากหม้อแดง หรือขนมเปี๊ยะที่เหนียวเหนอะหนะ ขนมขึ้นชื่อของจังหวัดตราดหาทานได้ยากแม้ในจังหวัดต้นกำเนิด การห่อทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมน้ำตาลทรายแดง นึ่งแล้วสอดไส้ถั่วเขียวและมะพร้าวขูด สิ่งที่ได้คือขนมที่ผสมผสานระหว่างความเผ็ดและความหวานได้อย่างลงตัว ถือเป็นอีกหนึ่งขนมมงคล ทานแล้วชีวิตดี และราบรื่น

บัวลอยแห้ง

Credit : timeout-com
บัวลอย เป็นขนมที่มีสีสันและเคี้ยวหนึบเสิร์ฟในน้ำกะทิ พร้อมซอสครีมมะพร้าวสำหรับงา บัวลอยแห้ง ทำจากมันสำปะหลังนึ่งและแป้งมัน ต้มในน้ำร้อน คลุกเคล้ากับงา น้ำตาล และเกลือ ได้รสชาติที่กลมกล่อม ทานง่าย ชาวต่างชาติชื่นชอบเมนูนี้สุดๆ ยิ่งนำมาจัดจานให้ดูเก๋ไก๋ผลสมความเป็นไทยเข้ากับความโมเดิร์น ยิ่งช่วยเพิ่มมูลค่าและความน่าสนใจให้กับเมนูนี้ได้เป็นอย่างดี ขนมบัวลอยมักนำไปทานในงานมงคลและงานรวมญาติ เพราะหมายถึงความสุข ความรักใคร่ กลมเลียว เหมือนรสชาติที่กลมกล่อมของบัวลอยนั่นเอง

ข้าวเหนียวมะม่วง 

Credit : takestwoeggs.com
ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นหนึ่งในอาหารไทยที่ชาวต่างชาตินิยมมากๆ ไอดอลเกาหลีแนะนำทุกราย ใครได้ชิมก็ต้องติดใจ กับรสชาติหวานกลมกล่อมกำลังดีของน้ำกะทิมะพร้าวข้น กับข้าวเหนียวมัน เสิร์ฟคู่กับมะม่วงสุกได้ที่ ดั้งเดิมเป็นเมนูที่เรียบง่าย แต่ในปัจจุบันมีการนำเอาข้าวเหนียวมะม่วงมาจัดจานให้สวยงาม ผสมข้าวเหนียวเป็นสีต่างๆ จากธรรมชาติ เสิร์ฟคู่กับไอศกรีม เหมาะกับการกินในวันพักผ่อนสบายๆ และถ้าได้กินข้าวเหนียวมะม่วง ต่างเชื่อว่ากินแล้วชีวิตจะรุ่งเรือง รุ่งโรจน์เหมือนสีเหลืองของมะม่วง เมนูหากินได้ง่ายในเมืองไทยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตลาดนัด ตามคาเฟ่ ร้านอาหาร หรือภัตตาคารใหญ่ๆ ใครชอบข้าวเหนียวมะม่วงอย่าลืม สั่งมาทานตบท้ายมื้ออาหารนะคะ รับรองสุขสุดๆ

ลูกชุบ

Credit : pixabay
ขนมน่ารักๆ แบบไทยๆ ที่มีมาอย่างยาวนาน ทานง่าย ขนาดพอดีคำ จุดเด่นของขนมลูกชุบคือมีการปั้นเป็นรูปผลไม้สีสันต่างๆ จากแป้งห่อด้วยไส้ที่ทำจากถั่วเหลือง ปัจจุบันมีการนำมาทำเป็นรูปทรงต่างๆ ที่ทันสมัยมากขึ้น เช่น ทุเรียน มังคุด รวมไปถึงแหวกแนวจากผลไม้ไปปั้นเป็นรูปตัวการ์ตูนต่างๆ เป็นต้น ซึ่งนับเป็นความสร้างสรรค์ เข้ากับยุคสมัย ได้ใจคนรุ่นใหม่ไปเต็มๆ แถมความหมายของขนมลูกชุบยังหมายถึงความน่ารักน่าเอ็นดู ในกรณีที่ผู้ใหญ่มอบให้เด็ก มันช่างน่าเอ็นดูเหมาะสมกับรูปลักษณ์ของขนมลูกชุมากจริงๆ
เห็นเมนูขนมไทยเหล่านี้ก็แอบน้ำลายสอเหมือนกันนะคะ แต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้นเลย ยิ่งนำมาจัดจานให้สวยงามทันสมัยแบบนี้ บอกเลยว่า “ ขนมไทย ” ของคนไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลกเลยล่ะค่ะ
สามารถติดตามผลงานต่าง ๆ ของทาง Bareo ได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ของ Bareo หรือทาง Facebook : Design by Bareo ที่จะคอยอัพเดทข่าวสาร งานดีไซน์ และผลงานการออกแบบตกแต่งภายในมากมาย ให้ท่านผู้อ่านได้รับความรู้ และความสนุกตลอดทั้งปี
หรือหากสนใจจะออกแบบตกแต่งภายในกับทาง Bareo ทางเราก็มีบริการออกแบบภายในครบวงจร โดยสามารถอ่านรายละเอียดการให้บริการของเราได้ที่นี่ คลิ๊ก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
timeout .com
wikipedia

CONTENT RELATED

NEW CONTENT

PORTFOLIO