แนวคิดในการออกแบบรถเลื่อนนั้นมีการพัฒนามาเรื่อยๆ กว่าจะมาเป็นรถเลื่อนในหลากหลายรูปแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน ในอดีตรถเลื่อนมักถูกเรียกง่ายๆ ว่าแคร่เลื่อน โดยจะทำมาจากไม้ที่มีความหนาดัดแปลงรูปทรงให้เป็นรูปตัว “J” เพื่อยกด้านหน้าของเลื่อนให้สูง และช่วยให้รถสามารถถางหิมะ ลากไปได้โดยที่ไม่ติดหล่มกลางทาง
ไม้เป็นวัสดุที่ทำงานได้ดีเมื่อต้องการฟังก์ชันให้ลื่นไถลไปกับหิมะ และยังเป็นวัสดุที่ตัดแต่งรูปทรงได้ง่าย ชนพื้นเมืองอเมริกันตอนเหนือได้คิดค้นการใช้แคร่เลื่อนหิมะที่ทำมาจากไม้รูปตัว J ด้วยการสร้างขึ้นมาให้ขนานกันพร้อมกับมีเชือกผูกไว้บริเวณด้านหน้า และแคร่เลื่อนนี้จะมีระบบควบคุมแบบหยาบ คือไม่ได้มีกลไลที่ซับซ้อนมีการบังคับเลี้ยวโดยยึดเชือกไว้ที่ด้านบน และควบคุมด้วยเท้าของบุคคลที่อยู่บนแคร่เลื่อน เรียกได้ว่าการออกแบบรถเลื่อนในสมัยนั้นเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านของผู้คนในยุคนั้นเลยก็ว่าได้
ในเวลาต่อมาเริ่มมีการพัฒนาและต่อยอดรถเลื่อนให้กลายเป็นอุปกรณ์สันทนาการ การเล่นเลื่อนหิมะได้กลายเป็นกีฬาอย่างเป็นทางการช่วงปี 1650 และมีชนชั้นสูงชาวรัสเซียเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันรถเลื่อนบนหิมะ โดยเน้นความสนุกสนานไม่ได้มีการแข่งกันอย่างจริงจัง ต่อมาในปี1880 ซามูเอล ลีดส์ อัลเลน ผู้ได้ประดิษฐ์คิดค้น Flexible Flyer รถเลื่อนที่ยืดหยุ่นในการใช้งาน ซึ่งผู้ใช้สามารถนั่งตรง หรือ นอนราบเพื่อให้เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น โดยจะมีแผ่นไม้ด้านหน้าสำหรับควบคุมทิศทาง และใช้ในงานชะลอตัว เรียกได้ว่าเป็นรถเลื่อนแบบบังคับได้ตัวแรกในอเมริกา ในการออกแบบครั้งนี้ได้มีการนำวัสดุชนิดอื่นมาผสมผสานนั่นคือโลหะที่ใช้เป็นฐาน มีการทำงานในลักษณะเดียวกับสกี และยังมีรูปทรงที่เปลี่ยนไปซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ก็เป็นตัวช่วยที่สามารถทำให้เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น ปัจจุบันผู้คนจำนวนมากมักเข้าร่วมเล่นเลื่อนหิมะเป็นกิจกรรมสบายๆ มากกว่ากีฬาแข่งขันและเป็นที่นิยมมากในหมู่เด็กๆ
การพัฒนาของรถเลื่อนยังคงมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปเรื่อยๆ เริ่มมีการใช้วัสดุอื่นเข้ามาแทนการใช้ไม้ เช่นแผ่นโลหะ, ยาง, พลาสติก เป็นต้น และเริ่มมีการใช้เครื่องยนต์เข้ามาแทนการใช้สัตว์ในการลากจูง มากไปกว่านั้นมีการสันนิษฐานว่าการละเล่นรถเลื่อนนั้นยังนำพาไปถึงการประดิษฐ์ Bobsled ที่เป็นกีฬาการแข่งขันเลื่อนหิมะในช่วงโอลิมปิกฤดูหนาวอีกด้วย แต่ถึงแม้ว่ารถเลื่อนจะมีการพัฒนาไปมากมาย ก็ยังมีการใช้งานรถเลื่อนแบบคลาสสิคที่มีสัตว์ในการลากจูงกันอยู่อย่างแพร่หลาย ซึ่งมีทั้งใช้ในทางสันทนาการรวมไปถึงใช้เพื่อการคมนาคมอีกด้วย