The Blissful Paradise (Part 2)
Ubon Ratchathani, Thailand
“บ้านพักอาศัยขนาดกว่า 300 ตารางเมตรที่ให้บรรยากาศราวกับบ้านพักตากอากาศส่วนตัวที่แสนสงบและสวยงาม กับโซนชั้นสองที่ให้บรรยากาศอ่อนหวานและผ่อนคลาย เหมาะแก่การพักผ่อน”
- ห้องนอนใหญ่
- Dining Area
- Pantry
- ห้องพระ
- Living Area
- Foyer & Hall
- Family Room (2 ห้อง)
- ห้องน้ำ
Modern Luxury Style ไม่ใช่เพียงแค่การใช้สีทองหรือวัสดุมันวาวเท่านั้น แต่หมายถึงงานออกแบบและตกแต่งภายในที่ดูเรียบง่ายสบายตาแต่ให้บรรยากาศหรูหราและงามสง่าในเวลาเดียวกัน
เมื่อขึ้นบันไดมายังชั้นสองของบ้านก็จะเจอกับประตูที่พาเข้าไปสู้ห้อง Family Room 2 ที่ตกแต่งโดยเน้นการใช้สีโทนเย็นอย่างขาวและฟ้า เพื่อทำให้บรรยากาศของห้องดูสุขุมและสงบนิ่ง ต่างจากห้องข้างล่างที่จะให้ความรู้สึกอ่อนหวานมากกว่า เพราะนอกจากจะใช้เป็นห้องพักผ่อนสำหรับครอบครัวแล้ว ยังมีโซนโต๊ะทำงานและชั้นวางหนังสืออยู่ด้วย
อีกทั้งห้องนี้ยังเรียกได้ว่าได้รับแสงธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยม เพราะที่ด้านข้างโต๊ะทำงานมีหน้าต่าง ผนังอีกด้านที่ติดกับ Double Volume ของ Living Room เองก็เป็นบานกระจกทั้งหมด ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นประตูกระจกที่จะนำออกไปสู่ระเบียงเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ เรียกได้ว่าเป็นห้องที่ร่มรื่น และเหมาะทั้งสำหรับการทำงานและการพักผ่อน
ที่ฝั่งตรงข้ามกันนั้นเองก็มีห้องที่ถูกกั้นขึ้นเพื่อทำเป็นห้องพระอยู่ เมื่อเปิดประตูบานกระจกเข้าไปก็จะพบกับแท่นพระและฉากหลังสีแดงที่มีสติ๊กเกอร์สีทองลวดลายต้นโพธิ์อยู่ บริเวณแท่นชั้นล่างสุดทำเป็นลิ้นชักสำหรับเก็บของอย่างธูปเทียน เพื่อให้ห้องดูเป็นระเบียบ
บรรยากาศภายในห้องนั้นเน้นการใช้สีขาวและดำเพื่อให้รู้สึกสงบ สำรวม และเล่นกับการใช้วัสดุทดแทน เช่น ลามิเนตมันวาวสีขาว ไม้พ่นสี หรือหินอ่อน เป็นต้น ส่วนแพทเทิร์นที่ใช้ก็จะเป็นลายเส้น แนวตั้งบริเวณพื้นหลังของพระพุทธรูปเพื่อให้เกิดความรู้สึกของจังหวะที่สม่ำเสมอและสูงสง่า ในขณะที่ผนังจะใช้เป็นเส้นแนวนอนที่ช่วยให้ตัวห้องดูกว้างขึ้นนั้นเอง
มาถึงห้องนอนใหญ่ของบ้าน ที่ประกอบด้วยโซนห้องนอน, Walk-in-Closet และห้องน้ำนั่นเองค่ะ งานออกแบบภายในห้องนี้จะเน้นการใช้สีขาวและครีมเป็นหลัก ผนวกเข้ากับการใช้ลวดลายที่มีเส้นโค้ง ทำให้รู้สึกอ่อนหวานและอ่อนโยน
ตัวห้องนอนใหญ่นั้น เมื่อเดินเข้ามาก็จะพบกับเตียงคิงไซส์ที่มีผนังหัวเตียงสองชั้น ชั้นแรกเป็น Headboard กรุด้วยผ้าสีครีม ส่วนอีกชั้นเป็นผนัง Partition หัวเตียงสีเทาที่ตกแต่งด้วยลวดลายสีขาว สูงจรดฝ้าเพดานที่ดีไซน์ให้มีการดรอปหลุมเข้าไปเพื่อให้เกิดมิติของตัวห้อง ที่ริมหน้าต่างข้างเตียงนั้นก็ถูกออกแบบให้เป็นที่นั่งยาวริมหน้าต่างเพื่อให้สามารถเพลิดเพลินกับวิวยามค่ำคืนได้อย่างเต็มที่
ทางฝั่งด้านปลายเตียงจะเป็นแผงทีวีที่ตกแต่งด้วยลวดลายเรียบง่ายเพื่อไม่ให้รบกวนสายตาเมื่อดูโทรทัศน์ สองฝั่งของแผงทีวีนั้นจำเป็นบานประตูที่เปิดออกไปสู่ระเบียงที่กว้างขวางนอกบ้าน นอกจากนี้ที่ฝั่งทั้งสองข้าง ด้านหนึ่งยังเป็นโซนสำหรับนั่งทำงาน ส่วนอีกด้านก็เป็นชั้นวางของที่ดีไซน์ให้มีแพทเทิร์นแบบเดียวกับแผงทีวี
เมื่อมองเข้าไปยังส่วน Walk-in-Closet ก็จะพบกับ island สำหรับเก็บเครื่องประดับอยู่กลางห้อง ขนาบข้างด้วยตู้เสื้อผ้าที่ยาวเต็มแถบทั้งสองฝั่ง หน้าบานตู้นั้นจะเล่นกับลวดลายแบบเดียวกับหัวเตียงเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง สลับกับกระจกเงาเต็มบานเพื่อไว้ใช้สำหรับส่องเวลาแต่งตัวนั่นเอง
ที่ด้านในสุดนั้นจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่กว้างขวาง สามารถวางเครื่องสำอางค์และน้ำหอมได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ตัวห้องยังมีโคมไฟที่ใช้ไฟสี natural light ทั้งสองข้างเพื่อช่วยให้การแต่งหน้าสามารถทำได้อย่างสะดวก และนอกจากนี้ยังมีไฟ indirect light สีนวลเพื่อสร้างบรรยากาศของห้องให้เกิดความสุนทรีย์ในการแต่งตัวอีกด้วย
และสุดท้ายก็คือห้องน้ำในห้องนอนใหญ่นั่นเอง ตัวห้องน้ำนั้นจะใช้แพทเทิร์นเดียวกับโซน Living และ Dining ที่อยู่ด้านล่าง มาบวกเข้ากับวัสดุอย่างกระจก หินอ่อนและโมเสค ทำให้ตัวห้องน้ำให้ความรู้สึกหรูหราราวกับสปาเลยทีเดียว
ภายในห้องน้ำนั้นมีทั้งพื้นที่อาบน้ำแบบ Shower ที่ใช้หัวฝักบัวแบบฝังฝ้าเพดานและมีฟังก์ชั่น Rain Shower ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและยกระดับการอาบน้ำขึ้นไปอีกขั้น และอีกโซนก็คืออ่างอาบน้ำให้สามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ ดีไซน์เนอร์ของเราได้ออกแบบให้มี Step บันไดขึ้นไปทำให้สามารถก้าวลงอ่างได้สะดวกขึ้นและให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในสระน้ำส่วนตัวนั่นเอง
หากสนใจดูผลงานอื่นๆ ของเราก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ Portfolio ของเว็บไซต์ Bareo-Isyss หรือ ถ้ามีข้อสงสัยก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ 02 408-1341 – 44 และ 085 072-8998 และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Design by Bareo ค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในเดือนหน้า
สวัสดีค่ะ : )