Wabi Sabi ie | 侘寂 – 家

Art of Japanese

Bangkok, Thailand

Two-Story Home 3-4 Members 294 Sq.m. Modern Japanese

About

“บ้านพักอาศัยสองชั้นที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะแบบญี่ปุ่นอันเต็มไปด้วยความสงบและซับซ้อน ปลอดโปร่งและเต็มไปด้วยรายละเอียด ราวกับการเติมเต็มกันและกันของหยินและหยางที่ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นบ้านที่สมบูรณ์และงดงาม”

Space

  • ห้องนอน (4 ห้อง)
  • Living Room
  • Kitchen
  • Foyer & Shoes Storage Room
  • Dining Room
  • Fitness

Space & Style

Wabi Sabi เป็นหนึ่งในศิลปะสไตล์ญี่ปุ่นที่พูดถึงความเรียบง่ายและความงดงามของธรรมชาติที่ทุกอย่างมีความสวยงามอยู่ในตัว เมื่อนำคอนเซปนี้มารวมเข้ากับสไตล์ Modern Japanese Style อันเป็นสไตล์เน้นความเรียบง่าย ใช้รูปทรงเรขาคณิต วัสดุธรรมชาติตามลักษณะของสไตล์โมเดิร์น และ เน้นให้พื้นที่ปลอดโปร่งดังเอกลักษณ์ของบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ทำให้บ้านแห่งนี้ถูกดีไซน์ออกมาราวกับงานศิลปะอันทรงคุณค่าชิ้นหนึ่ง

Designer’s Choice

‘ศิลปะญี่ปุ่น’ เป็นอีกหนึ่งโจทย์ความท้าทายที่แปลกใหม่สำหรับการออกแบบงานตกแต่งภายในของดีไซน์เนอร์ของเรา เพราะการจะออกแบบได้นั้นเราต้องเข้าใจถึงเอกลักษณ์ของศิลปะชิ้นนั้นๆ เสียก่อน จากนั้นถึงจะดึงส่วนประกอบของเอกลักษณ์นั้นๆ ออกมาเพื่อหยิบใส่ลงไปในงานออกแบบตกแต่งภายในของเราได้
ความท้าทายอีกหนึ่งอย่างคือการแปลงจากงาน ‘Art’ มาเป็นงาน ‘Interior Design’ ซึ่งรายละเอียดและการสร้างสรรค์งานดีไซน์ให้ออกมาเป็นชิ้นงานจริงจะค่อนข้างแตกต่างกัน ดังนั้นดีไซน์เนอร์ของเราจึงตัดสินใจลดและเพิ่มรายละเอียดบางอย่างเพื่อจะสามารถใส่งานศิลปะเหล่านั้นให้เข้ากับบ้านได้อย่างลงตัว

Photo

|| Foyer & Shoes Storage ||

เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะได้รับการต้อนรับด้วยบรรยากาศปลอดโปร่งที่เน้นใช้สีขาวเป็นสีโทนหลักของพื้นที่ให้ดูราวกับผืนกระดาษสีขาวสะอาดพร้อมสำหรับการสร้างสรรค์งานศิลปะอันจะแสดงถึง Lifestyle ของเจ้าของบ้านลงไป มีการเพิ่มเติมสีสันโดยการใช้ไฟหลืบและลวดลายของหิน Arabescato เข้ามาช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้กับพื้นที่
ตัวผนัง Partition จะใช้ materials ทั้งหมดสองตัว ได้แก่ กระจกไฮกลอสสีขาวที่มีความมันวาว และ หินอ่อนที่เป็นวัสดุทึบวาว เมื่อมาอยู่ด้วยกันก็จะเกิดความ Balance ที่ลงตัวของวัสดุทั้งสองมาต้อนรับเจ้าของบ้านตั้งแต่หน้าประตู
เมื่อเดินเข้าไปทางด้านซ้ายมือก็จะพบกับมุมโปรดของคนรักรองเท้า โดยชั้นวางรองเท้าที่อยู่ภายในห้องนั้นสามารถวางรองเท้าได้หลายสิบคู่ ยังไม่รวมคู่ที่เก็บในตู้เก็บหน้าบานทึบ อีกทั้งยังมีโซนสำหรับวางกระเป๋าเดินทาง…กระเป๋าใบใหญ่เจ้าปัญหาที่หาที่วางได้ยากโดยเฉพาะอีกด้วย

|| Living Room ||

จากส่วน Foyer หากเดินแยกมาทางขวาก็จะมาถึงห้องนั่งเล่นอันแสนอบอุ่นที่เน้นการตกแต่งด้วยสี Earth Tone และวัสดุธรรมชาติ ผนังรอบด้านของห้องนั่งเล่นจะถูกออกแบบให้มีส่วนที่เป็นกระจกใสสามารถมองทะลุไปยังส่วนต่างๆ ของบ้านได้ ทั้งนี้เพื่อให้ตัวบ้านเกิดความรู้สึกปลอดโปร่ง และสามารถรับแสงจากธรรมชาติภายนอกเข้ามาในตัวบ้านได้อย่างพอเหมาะ
จุดเด่นของห้องนี้นอกจากโซฟาตัว L สีเทาอ่อนที่มีดีไซน์พิเศษ ซึ่งมีส่วนโต๊ะวางของอยู่ระหว่างโซฟาเพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกสบายราวกับนั่งอยู่ในห้องรับรองของ Lounge ที่หรูหราแล้ว ยังมีผนัง Partition ที่เจาะ Void วงกลมที่เชื่อมระหว่างห้องรับแขกกับห้องฟิตเนสเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น อันเป็นทั้งเอกลักษณ์ของงานดีไซน์ และ แฝงไปด้วยความหมายของ ‘วงกลม’
โดยจะมีความเชื่อตามศิลปะเซน ว่าวงกลม หรือ วงกลมเอ็นโซ [ensō / 円相] นั้นเป็นงานศิลปะแห่งความสงบนิ่งและลึกซึ้ง เพราะการจะใช้พู่กันวากวงกลมลงบนผืนกระดาษนั้นจะต้องรวบรวมสมาธิก่อนจะตวัดเขียนลงไปเพียงครั้งเดียว วงกลมที่ถูกวาดออกมานั้นจะมีความหมายเป็นทั้ง ‘ความว่างเปล่า’ (ช่องว่างภายในวงกลม) และการเติมเต็ม (เส้นที่ล้อมรอบทำให้เกิดพื้นที่ภายในที่เติมเต็ม)
โดยดีไซน์เนอร์ของเราได้ตีความตรงจุดนี้ออกมาโดยการสร้างพื้นที่ภายในวงกลมให้สามารถมองทะลุได้เปรียบเสมือนความว่างเปล่า แต่ก็ถูกเติมเต็มจากกิจกรรมของฟิตเนสที่อยู่ด้านหลังอันเป็น Lifestyle ของเจ้าของที่ทำให้บ้านหลังนี้สดใสขึ้นมานั่นเอง

|| Fitness ||

ที่เบื้องหลังวงกลมเป็นห้องสำหรับออกกำลังกายที่ใช้พื้นที่เล็กๆ ของบ้านทว่ากลับไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเพราะทั้งสองด้านสามารถมองทะลุและรับแสงจากนอกห้องเข้ามาได้ โดยด้านหนึ่งจะเป็นห้องรับแขกอันเป็นหัวใจหลักของบ้านที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวโดยการใช้กระจกฝ้าแบบ Fade เข้ามาเป็นผนังกั้นระหว่างห้องทั้งสอง ทำให้พื้นที่ทั้งสองสามารถใช้งานได้พร้อมกันแต่ก็แยกส่วนไม่รบกวนกันนั่นเอง
ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นวิวสวนที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ สอดคล้องกับหลักของ Wabi Sabi ที่เน้นให้ได้เห็นถึงความงดงามและความไม่จีรังของสิ่งต่างๆ ดังนั้นเมื่อเข้ามาออกกำลังกายภายในห้องนี้ ตลอดปีก็จะได้เห็นช่วงที่ต้นไม้เติบโตออกใบเขียว ออกดอกและเริ่มร่วงลา ก่อนจะกลับมาเขียวชะอุ่มอีกครั้งเมื่อถึงปีถัดไปนั่นเอง

|| Dining Room ||

ห้องรับประทานอาหารจะเน้นให้มีบรรยากาศให้สง่างามทว่าผ่อนคลาย เหมาะสำหรับทั้งการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวและใช้ต้อนรับแขกที่เดินทางมาเยี่ยมเยือน การตกแต่งภายในจะเน้นการใช้วงกลมซึ่งล้อมาจากส่วนห้องรับแขก ทั้งโคมไฟ Pendant และส่วนผนังทีวี
โดยหากสังเกตุบริเวณผนังทีวีนั้นจะเห็นว่าได้มีการออกแบบและเลือกใช้สีหลักเพียงสองสีคือขาวกับดำ โดยสองสีนี้จะเป็นสีหลักของศิลปะการเขียนพู่กัน หรือ Shodo Art ซึ่งสีขาวจะสื่อถึงกระดาษกระดาษ washi ส่วนสีดำจะสื่อถึงหมึกที่ใช้สร้างสรรค์งานลงบนกระดาษนั่นเอง

|| Bedroom 1 ||

Bedroom 1 นี้เป็นห้องนอนคุณแม่และผู้ดูแล ทำให้เตียงถูกแยกออกเป็นสองเตียงเดี่ยวและคั่นตรงกลางเอาไว้ด้วย Night Table สำหรับวางโคมไฟและของเล็กๆ น้อยๆ ก่อนนอน โดยทั้งหมดจะตกแต่งในโทนสีอ่อนให้รู้สึกถึงบรรยากาศแห่งความสงบและการพักผ่อน โทนสีที่เลือกใช้นี้จะเน้นการใช้โทนสีแบบเดียวกับห้องชงชาของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสุขุมและเป็นผู้ใหญ่ เป็นสีน้ำตาลอ่อนแบบเสื่อทาทามิเป็นสีหลักของฝั่งหัวเตียง เมื่อนำมาผสมผสานเข้ากับเส้นสายแบบ Modern ที่มีการใช้เส้นตรงหลายๆ เส้นมาก่อให้เกิด Pattern แบบต่างๆ ก็ทำให้ตัวห้องดูทันสมัยมากขึ้น

|| 2nd Floor Hall ||

เมื่อขึ้นบันไดมาถึงชั้นสองก็จะพบกับโถงทางเดินที่แยกไปสู่ห้องต่างๆ โดยชั้นนี้จะมีพื้นที่ห้องนอนที่ยังไม่ได้ตกแต่งเพื่อรอไว้สำหรับสมาชิกใหม่ของบ้านในอนาคต แต่ก่อนจะแยกไปแต่ละห้องนั้น พื้นที่ตรงจุดนี้จะมี Pantry เล็กๆ ไว้สำหรับเตรียมอาหารและเครื่องดื่มที่ชั้นบน โดยจะตกแต่งตัวตู้ให้กลืนไปกับผนังของห้องทำให้ดูกลืนกันเป็นผืนเดียว
หน้าบานตู้ถูกออกแบบให้มีลายเส้นตั้งและมีส่วนที่ใช้กระจกเงาเพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับพื้นที่ และส่วน Pantry นี้ก็ถูกวางไว้ติดกับหน้าต่างที่สามารถเปิดออกไปรับลมภายนอกได้ เพื่อที่เวลาทำอาหารและเก็บล้างจะได้ไม่เกิดกลิ่นอับขึ้นภายในพื้นที่นั่นเอง

|| Master Bedroom ||

ห้องนอนใหญ่ที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของสไตล์ Modern Japanese ที่ออกแบบให้ดูเรียบง่ายและทันสมัย ทว่าแสดงให้เห็นถึงความงดงามของวัสดุต่างๆ อีกทั้งยังดึงแนวคิดของการจัดดอกไม้แบบ ikebana ที่ไม่สมดุลแต่ก็ดูสมดุลในเวลาเดียวกัน (หรือก็คือความสมดุลจากสิ่งที่ไม่เหมือนกัน)
โดยดีไซน์เนอร์ของเราได้นำแนวคิดนี้มาใช้กับส่วนผนังหัวเตียง โดยจะให้ข้างหนึ่งเป็นชั้นวางของที่ดูโปร่ง ในขณะเดียวกันอีกข้างก็จะเป็นตู้เก็บของแบบมีบานเปิดทึบปิดอยู่ ตัวผนังหัวเตียงนี้ยังแยกออกเป็นสองส่วนคือส่วนบนกับส่วนล่าง โดยคั่นตรงกลางไว้ด้วยช่องว่างยาว ปิด materials ด้วยวัสดุไฮกลอส สามารถใช้วางของได้อย่างสะดวก
เช่นเดียวกับผนังทีวีที่มีการออกแบบโดยใช้แนวคิดแบบเดียวกัน คือ ข้างหนึ่งมีทีวีตัวใหญ่ ส่วนอีกข้างเป็นชั้นวางของเล็กๆ แต่สามารถวางของได้มากมาย มีส่วนที่สูงและส่วนที่ต่ำ ทำให้เกิด Layer หรือมิติของงานดีไซน์
ภายในห้องนอนใหญ่นี้จะมีส่วน Walk-In-Closet อยู่ด้วย โดยในส่วนนี้เองก็เล่นกับความ Balance ของวัสดุทึบและวัสดุที่มีเงาสะท้อนของฝั่งหน้าบานตู้เสื้อผ้า และวัสดุทึบกับวัสดุโปร่งของฝั่งโต๊ะเครื่องแป้งที่ถูกผลักเข้ามาไว้ด้านในไม่ติดกับหน้าต่างเมื่อคำนึงถึงการรักษาสภาพของเครื่องสำอางค์ที่ควรเก็บให้ห่างจากแสงแดด
ในขณะเดียวกันเพื่อแก้ปัญหาการที่ต้องแต่งหน้าภายใต้แสงธรรมชาติ บริเวณกระจกโต๊ะเครื่องแป้งนั้นเรายังใช้กระจกที่มีแสงไฟในตัว เพื่อให้คุณผู้หญิงสามารถแต่งหน้าด้วยแสงที่สว่างเพียงพอแม้ไม่ได้นั่งอยู่ริมหน้าต่างนั่นเอง
และนี่ก็คือผลงานออกแบบโปรเจค “Wabi Sabi ie | 侘寂 – 家 | Art of Japanese” ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายศิลปะของญี่ปุ่นใน Modern Japanese Style
หากสนใจดูผลงานอื่นๆ ของเราก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ Portfolio ของเว็บไซต์ Bareo-Isyss หรือ หากมีข้อสงสัยก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ 02 408-1341 – 44 และ 085 072-8998 และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Design by Bareo ค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในเดือนหน้า
สวัสดีค่ะ : )

PROJECT RELATED

NEW CONTENT