ถ้าพูดถึงโยคะ คิดว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะโยคะเป็นกิจกรรมการออกกำลังกายอีกทางเลือกหนึ่ง ที่สาวๆมักให้ความสนใจเป็นพิเศษ มากกว่าหนุ่มๆเสียอีก ก็เพราะว่า โยคะเป็นการออกกำลังกายที่ต้องใช้สมาธิค่อนข้างสูงมีการฝึกลมหายใจ ประจวบกับการควบคุมสมดุลของร่างกายให้เป็นหนึ่งเดียว หนุ่มๆเลยอาจจะไม่ถนัดเท่าไรนัก  อีกทั้งเป็นการออกกำลังกายในที่ร่ม และสามารถเล่นที่ไหนก็ได้ แค่มีเสื่อสำหรับโยคะ แค่นี้ก็เล่นได้ทุกทีละครับ เพราะฉะนั้น โยคะจึงเป็นกิจกรรมยอดนิยมที่ใครหลายๆคนชื่นชอบนั้นเองครับ ^^

Cr :soniawelch.co.uk

ต้นกำเนิดของโยคะ( The Origin  of Yoga )

      โยคะกําเนิดมาจากอินเดียมีหลักฐานเกี่ยวกับโยคะตั้งแต่สมัยอารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ เมื่อราว 3,000 ปี ก่อนคริสต์กาล นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่าโยคะมีมากกว่า 5,000 ปีแล้ว 

      วอลเลย์ นักโบราณคดีได้ค้นพบไม้แกะสลักและศิลปะรูปปั้นที่แสดงถึงการฝึกโยคะ ศิลปะเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยประชาคมที่มีความเจริญเป็นอย่างสูง ซึ่งเจริญอยู่ในพื้นที่แถบนั้นช่วง 2,000และ1,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช

      นักปราชญ์ชาวฮินดูคนหนึ่งชื่อว่า พาตานจาลี เป็นคนแรกที่ปรับปรุงการฝึกโยคะขั้นพื้นฐาน เขาเขียนสูตรของการฝึกโยคะเป็นหัวข้อ 8 หัวข้อสั้นๆ หัวข้อเหล่านี้เชื่อว่าได้ถูกเขียนขึ้นเมื่อ 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช

      แต่เดิมจะเป็นการฝึกเฉพาะโยคี และชนชั้นวรรณะพราหมณ์เพื่อเอาชนะความเจ็บป่วย  เป็นศาสตร์ที่สำคัญยิ่งของวัฒนธรรมอินเดีย  โดยมีความผูกพันอยู่กับปรัชญาและศาสนาฮินดู  และได้เแพร่หลายไปทั่วโลกในฐานะศาสตร์แห่งการแพทย์ทางเลือก

สำหรับในประเทศไทย  เริ่มมีการเผยแพร่โยคะระหว่าง พ.ศ.2468 -2469  ในตำราชื่อ วิทยาศาสตร์ การหายใจ ซึ่งแปลโดยพระยานรรัตน์ราชมานิต และใน พ.ศ2499  อาจารย์ชด หัศบำเรอ ได้เปิดสอนโยคะและเผยแพร่ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งท่านเรียนและฝึกปฏิบัติมาจากท่านมหาริชชี่ ศิวะนันทะ เมืองฤาษีเกษ ประเทศอินเดีย

Cr :หนังสือสอนโยคะ เขียนโดยอาจารย์ชด หัศบำเรอ

Cr :camelcityyoga.com

การฝึกโยคะที่มีอยู่ในสังคมปัจจุบัน

      เราสามารถบางออกมาได้ 3 ประเภท คือ

      1. กลุ่มที่มุ่งเน้นการฝึก ที่ครอบคลุมวิถีชีวิตโดยรวม ผู้ฝึกกลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับการถือศีล 5 ให้ความสำคัญกับการฝึกท่าโยคะอาสนะ และ ให้ความสำคัญกับการฝึกสมาธิด้วย
      2. กลุ่มที่มุ่งเน้นการฝึกกายภาพเป็นหลัก ผู้ฝึกโยคะกลุ่มนี้ จะมุ่งเน้นการฝึกท่าโยคะอาสนะ เป็นการเน้นไปที่การดูแลสุขภาพกาย การนำโยคะไปประยุกต์ใช้ในเชิงบำบัดรักษาโรค เช่น Power Yoga, Astanga Yoga, BikramYogaฯลฯ
      3. กลุ่มที่มุ่งเน้นการฝึกพลังชีวิต(พลังปราณ) ผู้ฝึกกลุ่มนี้จะมุ่งเน้นการฝึกลมหายใจ ฝึกควบคุมจิต เช่น กุณฑาลินีโยคะ สหัจโยคะ ฯลฯ

     หลังจากที่เราพอรู้ที่มาที่ไปกันไปพอหอมปากหอมคอแล้ว ต่อไปบียอนขอนำเสนอท่าโยคะ 5ท่าง่ายๆ ไว้ให้แฟนๆชาวบาริโอได้ลองทำตามกันดูครับ  แต่ก่อนอาจเรามารู้กฎและการเตรียมตัวก่อนโยคะก่อน

     1.ใช่ชุดที่สวมสบาย ไม่รู้สึกว่าหลวม หรือแน่นจนเกินไป
     2.ฝีกในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
     3.ไม่ควรฝึกในขณะที่ท้องว่างหรืออิ่มจนเกินไป
     4.ควรรับประทานอาหารมาก่อนประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้รู้คลื่นไส้ เพราะอาหารอาจจะยังไม่ย่อย
     5.ดื่มน้ำให้มากขึ้น

      หลังจากเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายเรียบร้อยแล้ว ก็มันเริ่มปฏิบัติโยคะท่าแรกกันเลยดีกว่าครับ เริ่มด้วยท่าเบสิค

1. ท่าเด็ก

      ช่วยยืดสะโพก ต้นขาส่วนหน้า และหลัง

      1. คุกเข่าบนพื้น นิ้วโป้งเท้าสัมผัสกัน เข่ากว้างเท่าสะโพก นั่งบนส้นเท้า
      2. ก้มลำตัวให้นอนลงระหว่างต้นขาทั้งสอง หน้าผากติดพื้น เหยียดแขนตรงไปข้างหน้า ฝ่ามือวางบนพื้น หลับตาแล้วหายใจลึกๆ อยู่ท่านี้อย่างน้อย 1 นาที

2. ท่านักรบ

      ช่วยยืดสะโพก ต้นขาด้านใน หน้าอก ต้นขาด้านหน้า หัวไหล่ และท้องน้อย

      1. ยืนกางขากว้างประมาณ 4 ฟุต หมุนเท้าขวาไปทางปลายเสื่อ หมุนเท้าซ้ายประมาณ 30 องศา
      2. ยกแขนระดับไหล่ ขนานกับพื้น ฝ่ามือคว่ำลง งอเข่าซ้ายทำมุมฉาก
      3. ค่อยๆ กดก้นกกลงให้หน้าท้องเกร็ง ข้างไว้ เป็นเวลา 5 ลมหายใจเข้าออกแบบลึก เหยียดขาขวาตรง แล้วสลับข้าง

3. ท่าสะพาน

      ช่วยยืดร่างกายส่วนหน้า สร้างความแข็งแรงให้กับขาด้านหลัง

      1. นอนหันหน้าขึ้น งอเข่า เท้าวางราบที่พื้นกวางเท่าสะโพก ปลายเท้าชี้ไปด้านหน้า วางแขนข้างลำตัว ฝ่ามือคว่ำ
      2. ค่อยๆ กดเท้า พร้อมยกสะโพกขึ้นสูง ปล่อยให้ตัวด้านหน้ายืดขึ้นในแต่ละลมหายใจ ข้างไว้ 5-10 ลมหายใจ ทำซ้ำ 3 ครั้ง ยิ้ม ท่าสะพานช่วยขยายหน้าอก ช่วงซี่โครง ช่วยให้หายใจได้ลึกขึ้น รับออกซิเจนมากขึ้น เพิ่มระดับพลังงานให้ร่างกาย

4. ท่าเรือ

       สร้างความแข็งแรงให้กับลำตัว ต้นขาส่วนหน้า

      1.เหยียดแขนไปด้านหน้าขนานกับพื้น ฝ่ามือหันหากัน รักษาระดับหน้าอกให้สูงและพยุงลำตัว เหยียดขาตรง ข้างไว้ 5-10 ลมหายใจ ทำซ้ำ 5 ครั้ง

5. ท่าต้นไม้

      ช่วยยืดสะโพก ต้นขาด้านใน สร้างความแข็งแรงให้กับขา แนวหลัง และลำตัว

      1. ยืนเท้าชิด มืออยู่บนสะโพก ถ่ายน้ำหนักไปที่เท้าซ้าย พร้อมงอเข่าขวายกขึ้นวางไว้ที่ขาซ้ายด้านใน (ผู้เริ่มฝึกวางที่ข้อเท้า ผู้ชำนาญให้วางที่ต้นขาด้านใน) ค่อยๆ กดเท้าขวาต้านขาซ้าย
      2. ประทับฝ่ามือทั้งสองเข้าหากันระดับหัวใจในท่าพนมมือ ค้างไว้ 1 นาที แล้วสลับข้าง สำหรับผู้ชำนาญให้ยกฝ่ามือเหนือศีรษะ

Cr :muslimthaipost

      ประโยชน์จากฝึกโยคะ

      การฝึกโยคะ ถือว่าเป็นการฝึกร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆกัน ทุกท่าทางต้องตั้งอยู่ในสมาธิ มีการกำหนดลมหายใจ เข้า ออก อย่างเป็นจังหวะ ผสานร่างกายเป็นหนึ่งเดียว นอกจากจะสามารถช่วยรักษาระบบต่างๆในร่างกายแล้ว โยคะยังช่วยสร้างสมดุลให้กับร่างกายของเรา อาทิ

      - ช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
      - ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย
      - ช่วยสร้างบุคลิคให้ดูดี
      - ช่วยให้ผ่อนคลายจากความเครียด
      - ช่วยขับสารพิษทางร่างกายและจิตใจเช่น ร่างกายขับเหงื่อเป็นการขับพิษออกจากผิวหนัง
      - ช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหารในร่างกาย
      - ช่วยยืดกล้ามเนื้อให้มีความยืดหยุ่น
      - ทำให้ร่างกายสดใส สดชื่น ผิวพรรณดูสดใส เปล่งปลั่ง
      - ฝึกสมาธิจิตใจไม่ว้อกแว้ก 

     เป็นยังไงกันบ้างได้ลองทำกันดูบ้างรึเปล่าเอ่ย ^^ ถ้าใครยังไม่จุใจ อาจจะเริ่มเรียนรู้ด้วยตัวเอง จากการเปิด Youtube หรือหาแผ่นซีดีโยคะ มาลองทำตามกันดูที่บ้านนะครับ หรือ ใครจะลองดาวน์โหลด แอฟพลิเคชั่น Yoga ในโทรศัทพ์มือถือก็สามารถทำได้นะครับ เพียงแค่ Search คำว่า Yoga ก็จะมีแอฟหลากหลายให้เราได้เลือกเล่นดูครับ ยังไงแล้วหวังว่าเพื่อนๆคงจะชอบเนื้อหาที่บียอนนำมาฝากในวันนี้นะครับ ไว้ครั้งหน้าเจอกันใหม่ รับรองว่ายังมีเรื่องราวดีๆแบบนี้มาให้ได้อ่านกันอย่างแน่นอนครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ ^^