Bareo-Isyss รับออกแบบตกแต่งภายใน ออกแบบภายใน ตกแต่งภายใน Interior design Thailand

head pattern129 2 home build top124  
editor  
newproject  
decor  
design  
living  
healthy  
back  
ded124  
youtube124  
facebook124  
               
 

 

      ตึกมีอยู่มากมายเต็มไปหมด โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจ หรือย่านธุรกิจ และเมื่อเรานึกถึงตึกสูง เราจะนึกถึงตึกทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์สูงๆ ที่ถูกก่อสร้าง ผุดขึ้นอย่างรวดเร็วเต็มไปทั่วเมือง มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกันไปหมด ทำให้เกิดเป็นภาพจำ ว่าตึกนั้นเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ด้วยความคล้ายคลึงและจำเจทำให้บางครั้ง "ตึก" แทบจะไม่หลงเหลือความสวยงามของสถาปัตยกรรมเอาไว้เลย แต่ด้วยพลังของศิลปะไม่มีวันหยุดนิ่ง สามารถผสมผสานเข้ากันได้กับทุกอย่าง จึงมีการนำศิลปะมาประยุกต์เข้ากับการออกแบบตึก ทำให้จากตึกทรงลูกบาศก์ธรรมดาเดิมๆ ที่ไม่มีเอกลักษณ์ใดๆ กลายเป็นตึกสุดครีเอทที่มีรูปร่างสะดุดตา ดูน่าสนใจ เพียงแค่แต่งเติมความคิดสร้างสรรค์และความสนุกเข้าไป ครีเอทจนทางครั้งผู้คนที่พบเห็น แทบจะนึกไม่ออกว่าสามารถสร้างเป็นสิ่งก่อสร้างได้จริงๆ


      ทั่วโลกของเรามีนักศิลปะอาศัยอยู่แทบทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่แถบเอเชียของเราหรือจะทวีปไหนๆ แต่วันนี้ขอยกตัวอย่างตึกที่มีรูปร่างหน้าตาแปลกตาในแถบยุโรปที่ทั้งสวยและแปลกจนต้องขอนำมาเสนอให้แฟนๆชาวบาริโอได้รับชมกันเลย จะครีเอทขนาดไหนและได้แรงบัลดาลใจมาจากอะไรบ้างลองมารับชมกันเลยค่ะ



The Shard (Shard = เศษ, เสี้ยว)


      The Shard อาจหมายถึงตึกเสี้ยวก็ได้ เพราะตัวอาคารออกแบบจากแนวคิดของชิ้นกระจก 8 ชิ้นมาประกอบกัน เป็นทรงคล้ายปิระมิด ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากยอดโบสถ์ในลอนดอน และเสากระโดงเรือ ที่จะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เหนือแม่น้ำเทมส์


      อาคารนี้ ถูกวาง Concept ให้เป็นเมืองทางตั้ง (Vertical City) ที่ผสมผสานความหลากหลายภายใต้อาคารสูงแห่งนี้ลักษณะของตัวอาคาร จะเป็นอาคารทรงคล้ายปิระมิด โดยมีฐานที่กว้างและสอบขึ้นด้านบน ซึ่งสถาปนิก ได้บรรจงวาง Function ของแต่ละชั้นให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้สอย โดยเริ่มจากส่วนล่างของอาคาร (ชั้น 4 ถึงชั้น 28) ซึ่งมีพื้นที่กว้างที่สุด ถูกวางให้เป็นพื้นที่สำหรับอาคารสำนักงานที่ต้องใช้พื้นที่มากๆ และสามารถเชื่อมต่อกับ Transportation Hub ในชั้นล่าง ทั้งการจราจรทางรถ หรือรถไฟฟ้าใต้ดินได้โดยสะดวก


      ในขณะที่อีก 3 ชั้นถัดมา เป็นส่วนของภัตตาคารและ Bars ตามด้วยส่วนของโรงแรม ซึ่งถูกกำหนดให้อยู่บริเวณส่วนกลางของอาคารสูง 95 ชั้นแห่งนี้ ตามมาด้วยส่วนพักอาศัยสำหรับเหล่าบรรดามหาเศรษฐีของกรุงลอนดอน ก่อนจะจบลงที่ชั้นบนสุด ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ความสูงระดับ 240 เมตร ทำให้ The Shard เป็นจุดเด่นที่สว่างไสวแห่งหนึ่งของลอนดอนเลยทีเดียว


      The Shard มีความสูงรวมถึงยอดด้านบนที่ 310 เมตร การที่ The Shard ถูกออกแบบให้คล้ายกระจก 8 ชิ้นนำมาประกอบกันเป็นอาคาร ทำให้มีช่องว่างระหว่างชิ้นกระจกยักษ์เหล่านั้น ซึ่งทำหน้าที่นำเอาลมธรรมชาติเข้ามาหล่อเลี้ยงตัวอาคาร จนกระทั่งทำให้เกิด Winter Gardens ได้อีกด้วย นอกจากนี้ การเรียงชิ้นกระจกขนาดยักษ์ในองศาที่แตกต่างกัน ยังมีผลทำให้เกิดความงามจากเงาสะท้อนของแสงอาทิตย์ที่แตกต่างกันออกไปตามช่วงเวลาในแต่ละวัน และแต่ละฤดูกาลอีกด้วย


      พื้นฐานแนวคิดของ Renzo Piano สำหรับอาคาร The Shard นี้ คือความโปร่ง และเบา ดังนั้น Piano จึงได้นำเอากระจกมารังสรรค์ให้เป็นส่วนสำคัญสำหรับงานออกแบบอาคารแห่งนี้+

 

build1

 

build2 2

 

build3

 

build4

วิวจากชั้นที่ 69 ของอาคาร เดอะ ชาร์ด

 

Ericsson kista building


      Ericsson kista building เป็นส่วนหนึ่งของอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทอีริคสัน ในเมืองสต็อกโฮม ประเทศสวีเดน ได้รับการออกแบบ โดย Wingårdh Arkitektkontor กับ Vasakronan เป็นอาคาร 8 ชั้น ถูกสร้างเสร็จในเดือนมิถุนายน ปี 2010 โดดเด่นที่รูปทรงมีลักษณะเป็น ลูกบาศก์ภายนอกติดกระจกโดยรอบและมีความพิเศษที่ด้านข้างถูกออกแบบให้ผนังอาคาร คล้ายกับมีรอยร้าวระหว่างอาคารปีกซ้ายกับปีกขวาและเผยให้เห็นสีสันที่แตกต่างกันซ่อนอยู่ข้างใน ให้ความรู้สึกเหมือนตัวอาคารถูกฉีกขาด

 

build5

 

build6

 

The crooked house


      The crooked house นี้ถ้าผู้ที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนอาจจะคิดไปได้ว่ามันคือภาพวาดหรือการ์ตูน แต่ต้องขอบอกว่าคิดผิดเลยล่ะค่ะ ตึกบิดเบี้ยวที่เราเห็นอยู่นี้คือของจริง ซึ่งมีชื่อใน ภาษาโปแลนด์ ว่า Krzywy Domek ซึ่งแปลว่า Crooked House หรือบ้านที่ถูกบิดเบี้ยว ตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน Sopot ทางตอนเหนือของประเทศโปแลนด์ ตึกบิดเบี้ยวหลังนี้ก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ. 2004 ถูกออกแบบโดยสถาปนิก ชาวโปแลนด์ Szotynscy Zaleski โดยการออกแบบซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากจินตนาการจากเทพนิยายของ Jan Marcin Szancer นักแต่งนิยายชื่อดัง และ Per Dahlberg

 

      เป็นอาคารรูปทรงเหมือนการวาดภาพของเด็กตามจินตนาการ บางคนที่ได้มาเห็นมีการจินตนาการว่ามันกำลังละลาย แต่บางคนมองดูก็เหมือนกับกำลังตาลาย เหมือนโลกหมุุน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาคารเหล่านี้ก็กลายเป็นสถานที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศโปแลนด์เลยทีเดียว เพราะเป็นสถานที่ที่แปลกตา ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย

 

build7

 

build8

 

build9

 

      นอกจากนี้ในเวลากลางคืนเมื่อมีการเปิดไฟสว่างเห็นชัดเจนยังได้บรรยากาศที่แตกต่างจากในเวลากลางวันอีกด้วย ให้ความรู้สึกที่ดูสนุกสนานและน่าค้นหา

 


Kuggen Building


      Kuggen Building เป็นอาคารสำนักงานของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชาลเมอร์ส ตั้งอยู่ที่เมืองโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน เป็นอาคารมีความโดดเด่นด้วยเฉดสีแดงที่สามารถมองเห็นได้แต่ไกล ซึ่งมีรูปทรงที่แตกต่างจากตึกทั่วๆไปที่เราเคยเห็นกัน โดยมีรูปทรงเป็นแบบซี่ล้อ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อ Kuggen ที่มีความหมายว่าซี่ล้อหรือล้อเฟือง โดยเป็นอาคารที่มีความสูงทั้งหมด 6 ชั้นด้วยกัน

 

build10

 

build11

 

build12

 

      Kuggen Building  ตั้งอยู่ในบริเวณที่ถูกล้อมรอบไปด้วยอาคารรูปแบบดั้งเดิม จึงทำให้อาคารแห่งนี้มีความโดดเด่นและสะดุดตามากยิ่งขึ้น นอกจากความโดดเด่นในเรื่องของรูปทรงแล้ว อาคารนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการช่วยลดภาวะโลกร้อน โดยการใช้แผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งอยู่บนหลังคา ไว้ใช้เป็นพลังงานหลักในการหมุนเวียนการใช้พลังงานต่างๆภายในตัวอาคารทั้งหมด ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกินความจำเป็นไปได้มากเลยทีเดียว

 

 

The Dancing House


      เป็นชื่อเรียกของอาคาร Nationale-Nederlanden ในกรุงปราก (Prague), สาธารณรัฐเช็ค สร้างขึ้นระหว่างปี 1992-6 โดยอาคารนี้ถูกออกแบบในสไตล์ Deconstructivist ที่ต่อต้านการออกแบบอาคารตามแนวเสาที่เท่ากันอย่างน่าเบื่อ The Dancing House เป็นชื่อเล่นของอาคารแห่งนี้ ซึ่งถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวโครเอเซีย-เช็ก วลาโด มิลูนิก (Vlado Milunić ) ร่วมกับสถาปนิกสัญชาติแคนาดา-อเมริกา แฟรงก์ เกห์รี (Frank Gehry) และตึกแห่งนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากก่อนการก่อสร้าง เพราะตั้งอยู่ในเมืองปรากซึ่งแวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Baroque, Gothic และ Art Nouveau จนในที่สุดตึกนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Václav Havel ประธานาธิบดีของสาธารณเช็คในสมัยนั้น ที่ต้องการให้อาคารแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของกิจกรรมทางวัฒนธรรมของประเทศ


      เดิม Frank Gehry ตั้งใจจะให้ชื่ออาคารแห่งนี้ว่า Fred & Ginger ตามชื่อของ Fred Astaire และ Ginger Rogers นักเต้นที่มีชื่อเสียง แต่ได้เปลี่ยนใจเนื่องจากกลัวว่าจะเป็นการนำเอาความเป็นวัฒนธรรมอเมริกันเข้ามาในประเทศที่เปี่ยมไปด้วยอารยธรรมดั้งเดิมแห่งนี้

 

build13

 

build14

 

build15

 

      The Dancing House ยังเป็นตึกที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมที่ค่อนข้างล้ำยุค ซึ่งหากมองดูแล้วตัวอาคารจะคล้ายๆกับคู่เต้นรำที่ยื่นออกมาถือว่าเป็นตึกที่แปลกตาสุดครีเอทอย่างมากเลยค่ะ

 

 

30 เซ็นต์แมรีแอกซ์ (30 St Mary Axe)


      ตึกระฟ้าในนครลอนดอนสหราชอาณาจักร สูง 180 เมตรออกแบบโดย นอร์มัน ฟอสเตอร์ และคู่หูเคน ชัตเติลเวิร์ธ ตึก 30 เซ็นต์แมรีแอกซ์ รู้จักกันในชื่อของ Swiss Re Tower ตามชื่อของบริษัท Swiss Re บริษัทประกันภัยชั้นนำของโลกที่เป็นเจ้าของพื้นที่ส่วนใหญ่ในตึก และรู้จักในชื่อไม่เป็นทางการว่า เกอร์คิน (Gherkin) ซึ่งเป็นแตงกวาประเภทหนึ่งตามรูปทรงของตัวตึก

 

build16

 

build17

 

build18

 

      ตัวอาคารออกแบบโดยบริษัทสถาปนิก ฟอสเตอร์แอนด์พาร์ตเนอร์ส โดยออกแบบในลักษณะรูปทรงโคนเพื่อให้ลู่ลม ก่อสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2547 โดยเปิดใช้งานเมื่อวันที่ 28 เมษายน ในปีเดียวกัน ลักษณะภายในของตึกออกแบบในลักษณะประหยัดพลังงาน โดยกระจกของอาคารประกอบด้วยกระจกสองชั้น ซึ่งมีอากาศอยู่ภายในเพื่อสร้างเป็นฉนวนกันความร้อนในหน้าร้อน และฉนวนกันความเย็นในหน้าหนาว ในตัวอาคารจะมีปล่องขนาดใหญ่เพื่อช่วยในการหมุนเวียนของอากาศ และขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มให้แสงสว่างและความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ตัวอาคารได้

 


Kubic-houses


      หรือ The Cube houses บ้านทรงลูกบาศก์เชื่อมต่อกัน 38 หลังในนครร็อตเทอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ เกิดจากแนวคิดเวลามองหมู่แมกไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ร่วมกัน เป็นตึกที่สร้างได้ไม่เหมือนใคร และเป็นหนึ่งใน landmark ของ Rotterdam เลยก็ว่าได้ ได้รับการออกแบบ โดยสถาปนิกPiet Blom การออกแบบของเขา และอยู่บนพื้นฐาน แนวคิดของ "ชีวิต เป็น หลังคา เมือง"

 

build20

 

build19

 

      เมื่อเดินเข้าไปภายในยิ่งทำให้ได้ความรู้สึกคล้ายกับแมกไม้ภายในป่าที่อยู่ร่วมกัน แต่เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นบ้านแต่ละหลังที่อยู่ร่วมกันภายในหมู่บ้านแทนค่ะ

 

 

Guggenheim Museum


      พิพิธภัณฑ์ Guggenheim Museum ของบิลเบา ตั้งอยู่ที่ Spain เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์รูปแบบพิพิธภัณฑ์แบบดั้งเดิมถูกออกแบบโดย Frank Gehry มีแรงบันดาลใจในการพัฒนาศิลปะของอาคาร ซึ่ง Frank Gehry ได้ลบล้างความคิดเดิมๆในการออกแบบพิพิธภัณฑ์ และการเข้าชมงาน Gehry ได้สร้างทางเดินโค้งริมแม่น้ำในการเข้าถึงตัวสถาปัตยกรรม และการสร้างโถงทางเข้าที่มีทางเดินแคบๆที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในหุบเขา ด้วยลักษณะโครงสร้างที่มีความซับซ้อนที่สร้างจากไทเทเนียม หินปูน และกระจก ทำให้ตัวสถาปัตยกรรมเหมือนงานประติมากรรมขนาดใหญ่

 

build22

 

23

 

     รัฐบาลสเปนตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ชื่อของ Bilbao เป็นที่รู้จักในระดับโลก Guggenheim Museum จึงกำเนิดขึ้นภายใต้แนวคิดการทำให้ Bilbao เป็นเมืองการท่องเที่ยว โดยใช้สถาปัตยกรรมสมัยใหม่เป็นตัวดึงดูด ผู้เข้าชมบางคนสันนิษฐานว่ารูปแบบของอาคารเป็นเหมือนเรือในขณะที่ผู้อื่นเห็นมันมีลักษณะเป็นเกล็ดปลาหรือดอกไม้บาน ที่น่าตื่นตาตื่นใจคือแสงรอบๆบริเวณพิพิธภัณฑ์ที่ยังทำให้ดูมีมนต์ขลังในเวลากลางคืนอีกด้วย

 

    น่าตื่นตาตื่นใจมากๆเลยใช่ไหมคะกับตึกหน้าตาแปลกๆที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง ทำให้เข้าใจได้มากขึ้นว่าศิลปะไม่มีปิดกั้นจริงๆค่ะ เมื่อศิลปะได้ไปผนวกเข้ากับอะไรแล้วก็มักจะเกิดความสวยงามขึ้นได้เสมอ

 

 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

kapook.com
Wikipedia.com
http://inhabitat.com
Pinterest.com

 

 
     
Bareo-Isyss รับออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาตกแต่งภายใน ออกแบบภายใน ออกแบบตกแต่งภายใน Interior design Thailand